เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีรายงานยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 จากประเทศเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นถึง 39 ราย โดยมีศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่โบสถ์ในเมืองแทกู ที่น่าตกใจคือเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อมีความเกี่ยวข้องกับหญิงวัย 61 ปี หนึ่งในสมาชิกของโบสถ์แห่งนี้

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี (KCDC) ออกแถลงการณ์กรณีมีผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจำนวน 31 รายทำให้ผู้ติดเชื้อทั่วประเทศตอนนี้เพิ่มเป็น 82 คน ซึ่งผู้ติดเชื้อ 23 รายที่ได้รับการยืนยันเป็นคนที่อยู่ในโบสถ์ที่ป้าวัย 61 นั้นไปเป็นประจำ

เรื่องราวของป้าคนนี้เริ่มขึ้นเมื่อเธอเริ่มมีอาการไข้หวัดในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ในระหว่างที่เธอเข้ารับการรักษาหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ แต่หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาล และเริ่มมีอาการดังกล่าวเธอจึงเดินทางไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อรับการรักษา และปฏิเสธการตรวจเชื้อไวรัส Covid-19 ตามคำแนะนำของแพทย์มากกว่า 4 ครั้ง เนื่องจากเธอไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเธอจึงใช้ชีวิตปกติ ไปโบสถ์และพบปะผู้คนอีกมากมายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาคุณป้ารายนี้เพิ่งจะได้รับการ ยืนยันว่ามีเชื้อ Covid-19 และที่สำคัญผลจากการกระทำของป้าแกทำให้มีชาวเกาหลีต้องตรวจเชื้อ Covid-19 มากถึง 1,160 คน

จนตอนนี้ KCDC ต้องยกให้คุณป้ารายนี้เป็น super spreader หรือผู้กระจายเชื้อสู่คนจำนวนมากไปเป็นที่เรียบร้อย เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เมืองแทกูได้รับผลกระทบอย่างมาก ประชาชนในเมืองเริ่มเก็บตัวอยู่แต่ในที่พัก ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เงียบเหงา รวมถึงโรงเรียนบางแห่งในเมืองก็ประกาศหยุดเรียนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

KCDC มีแผนที่จะขอความร่วมมือให้สมาชิกของโบสถ์ดังกล่าวเข้ารับการตรวจคัดกรองโรค แต่ยังไม่มีรายงานการปิดการเดินทางเข้าออกของเมืองแทกู แต่ตอนนี้รัฐบาลก็ได้จัดกองกำลังลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่กักกันโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อ้างอิง 1, 2, 3

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส