วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ Blue Origin บริษัทผลิตจรวดและยานอวกาศและให้บริการเที่ยวบินไปสู่อวกาศที่ก่อตั้งโดย Jeff Bezos ประกาศว่าบริษัทได้ปรับเป้าหมายการให้บริการขนส่งอวกาศของจรวด New Glenn ซึ่งเป็นจรวดบรรทุกน้ำหนักสูงที่ออกแบบให้ส่วนของบูสเตอร์สามารถบินกลับมาใช้ใหม่ ให้เหมาะสมสำหรับความต้องการของลูกค้าภาคธุรกิจโดยจะปล่อยเที่ยวบินแรกในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022

Blue Origin ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะหมดสัญญาการปล่อยภารกิจอวกาศรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Space Launches : NSSL) และไม่ได้รับเลือกเซ็นสัญญาดังกล่าวในเฟสที่ 2 กับศูนย์อวกาศและระบบขีปนาวุธของกองทัพสหรัฐฯ (The Space Force Space and Missile Systems Center : SMC)

สรุปง่าย ๆ ว่าเมื่อจรวด New Glenn ไม่ได้ไปต่อในโครงการ NSSL จึงปรับเป้าหมายมาให้บริการสำหรับภาคธุรกิจของเอกชน ซึ่งบริษัทกล่าวเพิ่มเติมว่าได้สร้างฐานปล่อยจรวด LC-36 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัลขึ้นมาใหม่ เพื่อมุ่งหน้าสู่การให้บริการขนส่งอวกาศต่อไป และหวังว่าในอนาคตจะได้ปล่อยภารกิจอวกาศให้กับ NSSL รวมถึงภารกิจด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ

กองทัพอวกาศสหรัฐฯ (USSF) มีโครงการ National Security Space Launch ( NSSL) หรือการปล่อยภารกิจอวกาศรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีเป้าหมายให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถขนส่งภารกิจอวกาศในราคาถูกและเชื่อถือได้โดยร่วมมือกับบริษัทขนส่งอวกาศพัฒนาระบบขนส่งอวกาศหรือจรวดที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1994

เดือนตุลาคม 2018 โครงการ NSSL ได้ทำข้อตกลงบริการปล่อยภารกิจอวกาศ (Launch Service Agreements : LSA) สำหรับให้เงินทุนในการพัฒนาจรวด New Glenn ของ Blue Origin, จรวด OmegA ของ Northrop Grumman และจรวด Vulcan Centaur ของ ULA ต่อมาเดือนสิงหาคม 2020 โครงการ NSSLในเฟสที่ 2 ได้เลือกทำข้อตกลง LSA กับ SpaceX และ ULA โดยได้ยุติความร่วมมือ LSA ในเฟสแรกของปี 2018 ลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2020

ที่มา : cnet และ blueorigin

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส