[รีวิวเกม] Radiant Historia Perfect Chronology เกม RPG ย้อนเวลาเปลี่ยนอนาคต
Our score
7.9

Radiant Historia Perfect Chronology

จุดเด่น

  1. รูปแบบการเล่นเดิมๆที่ปรับให้ทันสมัย
  2. ย้อนเวลาไปมาทำให้หลากหลาย
  3. คัทซีนการ์ตูนอนิเมชั่น ที่ดูดี

จุดสังเกต

  1. กราฟิกตกยุคไปหน่อย
  2. สิ่งที่เพิ่มมาน้อยไป
  • กราฟิก และงานออกแบบ

    6.7

  • เกมเพลย์

    8.8

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ความคุ้มค่า

    8.5

  • ภาพรวม

    8.5

เกม RPG จากญี่ปุ่นในทุกวันนี้ลดความนิยมลงไปมาก และหลายเกมได้เปลี่ยนแนวเกมใส่ความเป็นแอ็คชั่นมากขึ้น เกมแนวเทิร์นเบสแท้ๆหาได้ยาก และส่วนมากก็จะกลายเป็นเกมบนเครื่องพกพาหรือสมาร์ทโฟน กันเกือบหมด

เช่นเดียวกับเกม Radiant Historia – Perfect Chronology ที่มาในรูปแบบ RPG เดิมๆและออกบนเครื่อง 3DS แต่ก่อนที่จะเข้าตัวเกมหากคุณจำได้มันไม่ใช่เกมใหม่ แต่เป็นการรีเมคเกม Radiant Historia บน NDS มาปรับภาพใหม่ออกบน 3DS โดยต้นฉบับถือเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จในความหลากหลายของเรื่องราวที่เข้าข้นและที่เต็มไปด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันเป็นเกม รีเมค แต่กราฟิกไม่ได้ถูกยกระดับมามากเท่าที่ควร เพราะมันยังคงเป็นการสร้างภาพด้วยดอทพิกเซลเหมือนเดิม เพิ่มเติมรายละเอียดและปรับภาพให้เข้ากับหน้าจอของ 3DS ทีมีความกว้างกว่า DS รุ่นเก่า ฟังดูแย่แต่อย่างน้อยๆก็ยังมีการเสริมอนิเมชั่นงามๆ ทั้งภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งเข้ามาทำให้การเล่าเรื่องราวดูเข้าใจง่ายขึ้นแถมยังเปลี่ยนงานออกแบบตัวละครใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วย

เช่นเดียวกับเพลงประกอบปรกติก็ทำได้ดีอยู่แล้วเพราะเป็นผลงานของ Yoko Shimomura โดยเธอเป็นคนแต่งเพลงให้, Kingdom Hearts และล่าสุดกับ Final Fantasy 15 ทำให้ดนตรีในเกมยังคงงดงามเช่นเดิม ทั้งธีมที่อลังการและไพเราะติดหู ล้วนทำได้ดีตามมาตรฐาน แถมยังมีการเพิ่มเสียงพากย์เข้ามาในบางจุด แม้จะไม่ได้เต็ม 100% แต่ก็ทำให้เกมดูดีกว่าเดิมมาก

รูปแบบการเล่นยังคงเป็นเทิร์นเบส RPG แท้ๆ ที่ใช้การใส่คำสั่งเพื่อโจมตี, ใช้ท่าไม้ตาย เวทมนต์ และใช้ไอเทม แบบที่เข้าใจง่าย ส่วนฉากในเกมจะเดินได้เฉพาะฉากในเมืองและดันเจี้ยนท่านั้น ฉากบนแผนที่โลกจะเป็นการเลือกจุดที่ต้องการจะไปเท่านั้น โดยรวมแล้วมันก็แทบจะไม่แตกต่างจากเกม RPG ในยุค 80-90 เท่าไรนัก แต่หากคุณชอบความคลาสสิกที่เข้าใจง่ายมันถือเป็นข้อดี

ส่วนอีกจุดเด่นของเกม Radiant Historia คือระบบการต่อสู้ที่ในเกมจะเห็นศัตรูเป็นตัวในฉากไม่ใช่แบบสุ่ม และเมื่อตัดเข้าฉากแล้วจะมีความคล้ายกับเกม Final Fantasy ยุคแรกๆ แต่จะมีการลงรายละเอียดที่มากกว่า เพราะในฉากจะมีการแบ่งออกเป็น 9 ช่อง แบบ 3X3 และศัตรูในเกมจะอยู่ในช่อง ที่เราสามารถผลักหรือดันและดึงศัตรูให้ไปรวมกันอยู่ในช่องเดียวกันได้ ทำให้เราสามารถโจมตีมันพร้อมๆกันได้ ซึ่งการผลักจะใช้ท่าไม้ตายของแต่ละตัวที่จะมีความแตกต่างกัน

แน่นอนว่าเราจะวางกลยุทธ์การเล่นจำเป็นอย่างมากเพราะตัวเกมไม่ง่ายยิ่งหากเลือกโหมดยากแล้วคุณต้องใช้ฝีมือในการเล่นพอสมควร แต่สำหรับมือใหม่แต่อยากเล่นก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีการใส่โหมดง่ายเข้ามาให้เลือกเล่น แถมยังง่ายขนาดที่เราสามารถอัดศัตรูให้ตายได้บนฉากดันเจี้ยน แบบที่ไม่ต้องตัดเข้าฉากต่อสู้ ทำให้เก็บ Level และเงินได้อย่างรวดเร็วมากๆ ซึ่งในโหมดธรรมดาการโจมตีในฉากหลักจะเป็นการทำให้ศัตรูสลบเท่านั้น โดยในโหมดง่ายหากขยันเก็บ Level แล้วในรูปแบบนี้แล้วรับประกันได้เลยว่าเล่นยังไงก็จบ

การเล่าเรื่องยังคงเดินตามรอยต้นฉบับบน NDS แต่อย่างที่บอกว่ากราฟิกได้ถูกยกระดับขึ้นทำให้เราอินไปกับเรื่องราวได้ง่ายกว่าเดิม โดยเรื่องราวเกิดขึ้นในดินแดน Vainqueur ที่กำลังมีสงคราม ที่มีการหักมุมทรยศ หักหลัง ซึ่งถ้าคุณอ่านออกจะอินกับเรื่องราวมากๆ

ในส่วนเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นฉบับบน NDS จุดเด่นของ Radiant Historia คือการย้อนเวลาไปแก้ไขเหตุการณ์ได้ โดยตัวเอก Stocke จะท่องไปตามช่วงเวลาผ่านหนังสือ (ที่เป็นจุด Save) โดยเราไม่ได้ย้อนเวลาไปไกลนักเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อไปช่วยเหลือคนและทำตามภารกิจ ที่เมื่อทำแล้วมันจะเปลี่ยนให้ประวัติศาสตร์และอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ใหม่ให้เล่น ที่นอกจากเรื่องราวหลักแล้วยังมีเควสย่อยมาให้เล่นอีกจำนวนมาก

และการที่ได้เล่นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันแม้จะมีการใช้ฉากที่ซ้ำกันแต่ก็ไม่น่าเบื่อ เพราะเราสามารถอัพเกรดตัวละครเพิ่มสกิลใหม่ๆได้เช่นการใช้ระเบิด , การล่องหนหายตัว ,สกิลค้นหาไอเทมที่ซ่อนอยู่ หรือค้นหากับดัก , ตัดต้นไม้เพื่อเปิดทางไปต่อ และอีกมากมายทำให้เราต้องกลับไปมาระหว่างมิติเวลากันตลอดเกม อย่างไรก็ตามเกมที่ออกมาตอนนี้เป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ซึ่งถ้าคุณอ่านไม่ออกก็อาจจะเล่นไม่ผ่าน แต่เป็นเรื่องดีที่เราสามารถใช้บทสรุปของภาคต้นฉบับบน NDS ได้ (ส่วนเกมเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกำลังจะออกตามมา)

เกม Radiant Historia Perfect Chronology ภายนอกอาจจะดูเชย แต่การรีเมคทำให้มันกลับมาดูสดใหม่และน่าเล่นขึ้นกว่าเดิมมาก แม้ว่ารูปแบบหลักๆยังคงเดิมไม่เปลี่ยนก็ตาม แต่หากคุณชอบความสนุกในรูปแบบเกม RPG คลาสสิกแล้วมันยังมีมาให้เล่นครบถ้วน ส่วนใครอยากเล่นแบบอ่านออกเกมจะออกเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษต้นปี 2018

Play video