[รีวิวเกม] Yonder The Cloud Catcher Chronicles (PS4) เกมแนว Open World ที่สนุกกว่าที่คิด
Our score
7.2

Yonder The Cloud Catcher Chronicles

จุดเด่น

  1. กราฟิกงามๆ งานออกฉากแบบดูดี
  2. ฉากกว้างๆให้สำรวจ
  3. มีเควสเยอะมาก

จุดสังเกต

  1. เกมเพลย์เรียบๆไม่โดดเด่น
  2. ออกแบบตัวละครได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • กราฟิก และงานออกแบบ

    8.0

  • เกมเพลย์

    7.0

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ความคุ้มค่า

    7.0

  • ภาพรวม

    6.8

ในยุคนี้เกมแนวเล่นที่ได้เพลินๆแบบไร้ความรุนแรง ไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก ยิ่งบนคอนโซลแรงๆอย่าง PS4 แล้วถือว่ามีให้เห็นไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นเกมอินดี้ มากกว่าจะเป็นเกมฟอร์มยักษ์จากค่ายใหญ่

ทำให้การมาของเกม Yonder The Cloud Catcher Chronicles เกมแนว Open World ที่ออกมาแบบเงียบๆบน PS4 และ PC (บน PS4 มีขายในโซน 1 ส่วนโซน 3 ของไทยต้องรอลุ้น) ทำให้หลายคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกมออกแล้ว โดยสัมผัสแรกที่เห็นหลายคนคิดว่ามันเป็นเกมแนวปลูกผักทำไร่ หรือเกมแนวใช้ชีวิต แต่ความจริงแล้วมันเป็นเกม Open World ที่เน้นการสำรวจเกาะที่เมื่อเริ่มต้นตัวเอกของเราเรือล่มจนมาติดเกาะการผจญภัยจึงเริ่มขึ้น ซึ่งเริ่มเกมเราจะสามารถสร้างตัวละครได้เหมือนเกมทั่วๆ ไปที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนักเพราะทำได้ไม่ค่อยละเอียดเท่าที่ควร

โดยกราฟิกในเกมถือว่าอยู่ในระดับดีสำหรับเครื่อง PS4 แม้ว่างานออกแบบจะชวนให้นึกถึงเกม Zelda: The Wind Waker หรือการนำเสนอของฉากที่เหมือนภาค Zelda Breath of the Wild แต่ก็มีความละเอียดมากกว่าเพราะคุณภาพของเครื่อง PS4 เสียดายที่หน้าตาของตัวละครที่ไม่มีจุดเด่น แม้แต่ตัวละครหลักก็ดูเรียบๆ ไม่โดดเด่น แต่โดยรวมแล้วโลกกว้างๆของเกาะในเกมถือว่าสร้างออกมาได้ดีและถือว่าสวยงามพอตัว

ส่วนเพลงประกอบในเกมส่วนมากจะเน้นไปที่เสียงธรรมชาติที่ทำออกมาได้ดีมีมิติ มีการใส่เพลงธีมที่ไพเราะเข้าไปในฉากได้อย่างลงตัว แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีเสียงพากย์ แต่หากคุณเคยเล่นเกม Zelda มาก่อนคงจะคุ้นเคยกับวิธีการนำเสนอแบบนี้ดี ซึ่งเกม Yonder The Cloud Catcher Chronicles ก็ถือว่าสร้างโลกออกมาในแนวทางเดียวกัน แต่มีกราฟิกที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตามรูปแบบการเล่นมันไม่ใช่แอ็คชั่น RPG แต่เป็นเกม Open World ที่เน้นการสำรวจ แก้ปริศนาทำเควส แบบสบายๆ ไม่เครียด โดยเราต้องเดินทางสำรวจฉากในเกาะที่แม้อาจจะไม่ได้กว้างมากแต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียด ทั้งทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ ไปจนถึงเมืองที่ซ่อนอยู่ภูเขาที่ดูลึกลับ มีแม้กระทั้งฉากที่หนาวเย็นบนภูเขาสูง และเรามีอิสระในการท่องไปในโลกใบน้อยของเราได้ แถมยังมีระบบกลางวัน , กลางคืน และสภาพอากาศ เช่นฝนตก

เกมจะไม่ได้มีแอ็คชั่นต่อสู้ แต่ภารกิจในเกมก็มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการ ตัดต้นไม้เพื่อมาทำท่อนซุง , ตกปลา , ขุดหาแร่ และยังต้องนำวัสดุเหล่านี้มาดัดแปลงมาสร้างไอเทมที่ไว้แก้ปริศนาของแต่ละเควส ที่มีทั้ง ช่วยชาวบ้านสร้างฟาร์ม หรือช่วยซ่อมเรือที่กำลังจะจมน้ำ และยังมีระบบการแลกเปลี่ยนของกับตัวละครในเกมที่มีการคำนวณมูลค่าขอสิ่งของที่ต้องเท่ากันหรือมากกว่าถึงจะแลกกันได้

ส่วนประเด็นหลักของเควสในเกมคือการค้นหา เทพ Sprite ที่มีซ่อนอยู่ตามสถานที่ในเกาะ โดยเราต้องสะสม Sprite เพื่อที่จะนำมันไปเปิดทางที่มี Murk ที่เหมือนกับหมอกที่ปิดกั้นไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขหลักในการผ่านเกมเพราะหมอก Murk มักจะขวางทางอยู่ แถมแต่ละจุดจะต้องใช้จำนวน Sprite ไม่เท่ากัน ทำให้เราต้องออกค้นหาเพื่อหาทางปลดล็อกดินแดนให้กลับมาเหมือนเดิม

ฉากในเกมจะไม่ได้กว้างมาก แต่ก็มีอะไรให้ทำมากมาย แน่นอนว่าด้วยจำนวนเควสที่มีมากทำให้ผู้เล่นอาจจะสับสนได้ ผู้สร้างเลยใส่ระบบ เข็มทิศวิเศษที่จะบอกว่าต้องไปไหนตลอดทำให้ไม่มีทางไม่หลง เพราะเข็มทิศมีการส่องแสงออกมาเพื่อระบุว่าคุณต้องไปทำอะไรที่ไหน แต่รายละเอียดของเควสผู้เล่นต้องอ่านและทำความเข้าใจทำให้เกมไม่ได้ง่ายจนเกินไป

โดยรวมเกมเพลย์เหมือนเป็นการขยายมินิเกมของซีรีส์เซลด้าให้น่าเล่นยิ่งขึ้น ทำให้แฟนๆ ที่ชอบการสำรวจมากกว่าแอ็คชั่นน่าจะถูกใจ อีกทั้งเกมยังแทบไม่มีการโหลดเลยถือเป็นความสนุกที่ไม่มีสะดุด และหากคุณขี้เกียจเดิน มันก็ยังมีจุดวาร์ปที่ช่วยให้การแก้ปริศนาในเกาะทำได้รวดเร็วขึ้น

สรุปแล้ว Yonder The Cloud Catcher Chronicles เป็นเกมแนว Open World เล็กๆที่มีอิสระในระดับหนึ่งเหมาะกับคนที่ชอบสำรวจแก้ปริศนามากกว่าแอ็คชั่น อาจจะไม่โดดเด่นแต่ก็เอาไว้เล่นเพลินๆ ได้แถมหากคุณเล่นโดยทำเควสให้ครบหมดคงใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงคุ้มค่าราคาเกมที่ไม่ได้แพงมากนัก

Play video