ถ้าถามว่าไมโครซอฟท์เริ่มเปลี่ยนจากบริษัทซอฟต์แวร์กลายเป็นบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์เต็มตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็อาจจะบอกได้ว่าตั้งแต่เริ่มผลิต Surface รุ่นแรกในปี 2012 และหลังจากที่ปรับปรุงกันมานาน 3 ปี ออก Surface Pro มาแล้ว 4 รุ่น ก็เรียกได้ว่า Surface Pro เป็นตัวแทนฮาร์ดแวร์ของไมโครซอฟท์ที่สมบูรณ์ไม่แพ้ Macbook Pro จากฝั่งแอปเปิ้ลเลย และวันนี้เราจะรีวิว Surface Pro 4 รุ่นล่าสุดให้ดูกันว่ามันน่าใช้อย่างไร

จอคือเรื่องดีงาม

เริ่มต้นจากสิ่งแรกที่ประทับใจกันก่อนคือจอภาพที่ต้องเรียกว่าจอของ Surface Pro 4 นั้นเป็นจอที่สวยอันดับต้นๆ ของโลกโน้ตบุ๊กฝั่ง Windows แล้ว ด้วยจอสัมผัส 12.3 นิ้วความละเอียด 2736×1824 pixel หรือพิกเซลหนาแน่น 267 ppi (Pixel per Inch) ซึ่งเป็นจอที่ละเอียดที่สุดและใหญ่ที่สุดตั้งแต่ทำ Surface Pro กันมา ซึ่งนอกจากจะคมชัดแล้วยังให้สีดีมาก สีดำลงลึก ถ้าช่างภาพหรือศิลปินจะซื้อไปแต่งภาพ วาดรูปนั้นไม่ผิดหวังเลย ส่วนคนทั่วไปถ้าจะซื้อไปพิมพ์งาน ท่องเน็ต ก็จะพบความคมของตัวอักษรอย่างที่โลก Windows ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ ใช้ไปนานๆ ตาอาจเสียนิสัย มองจอทั่วไปไม่ชัดอีกต่อไปแล้ว

Type Cover ปรับปรุงใหม่ได้ใจนักเขียน

ส่วนต่อมาที่น่าประทับใจมากคือคีย์บอร์ดที่ Type Cover ตัวนี้ที่ปรับปรุงทั้งตำแหน่งปุ่มที่ตรงกับคีย์บอร์ดใหญ่และระยะห่างระหว่างปุ่มที่มากกว่า Type Cover รุ่นก่อนๆ จนสามารถใช้พิมพ์งานได้ระดับเดียวกับโน้ตบุ๊กเครื่องใหญ่ๆ แล้ว (เชื่อคนรีวิวที่เอา Surface Pro 4 ไปนั่งพิมพ์บทความเป็นหน้าๆ สิ) ตัวแป้นคีย์บอร์ดก็เป็นแบบตื้น ระยะกดราวๆ 1 มม. เท่านั้น สำหรับบางคนตอนแรกอาจจะไม่ชินคีย์บอร์ดที่ตื้นขนาดนี้ แต่เมื่อใช้ๆ ไปจะรู้สึกว่าคีย์บอร์ดแบบนี้กดเบามือสบายมาก แถมยังไฟในตัวแป้นคีย์บอร์ดและมีการยกแป้นให้เอียงขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้แบนราบไปกับพื้น ก็ทำให้สัมผัสในการพิมพ์เป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Touchpad ที่อยู่ในตัวคีย์บอร์ดก็ใช้งานได้ดีมาก ขนาดใหญ่กว่าโน้ตบุ๊กทั่วๆ ไปรองรับการกดคลิกทั่วทั้งแผ่น และสามารถใช้ Multitouch เช่นใช้ 2 นิ้วลากหน้าจอขึ้น-ลง หรือ 2 นิ้วบีบรูปภาพเข้าออกในแอป Photos ก็ได้

จุดเด่นเรื่องปากกาก็ยังอยู่

ปากกาที่เป็นจุดเด่นของ Surface Pro มาตลอด ในรุ่นนี้ได้แถมปากกามาพร้อมเครื่องเลย ไม่ต้องซื้อแยก มีแม่เหล็กแปะติดกับเครื่องได้เลย โดยสามารถรองรับแรงกดได้ 1024 ระดับ ซึ่งก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี สำหรับคนทั่วไปแค่ใช้ปากกากับ OneNote ก็ฟินแล้ว สามารถจดบันทึกเรื่องราวได้รวดเร็ว สามารถนำไปแทน Whiteboard ในการนำเสนอแบบต่อออกทีวีก็ได้ ปลายอีกด้านของปากกาที่เหมือนยางลบก็ใช้ลบสิ่งที่เขียนลงไปได้จริงๆ และสามารถตั้งค่าปุ่มตรงปลายปากกานี้ให้เรียกโปรแกรมที่ใช้บ่อยๆ กับปากกาขึ้นมาได้รวดเร็ว (ปกติจะตั้งให้เปิด OneNote เอาไว้) ส่วนสำหรับมือโปรปากกาของ Surface Pro นี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการวาดรูปหรือตกแต่งภาพได้จริงๆ จะใช้แปรงใน Photoshop หรือช่วยกำหนดขอบเขตภาพใน Lightroom ก็ทำได้ทั้งนั้น ก็ถ้าจะใช้ในงานด้านศิลปะ Surface Pro นั้นราคาเริ่มต้นถูกกว่า iPad Pro + Apple Pencil อีก

และในส่วนของประสิทธิภาพสำหรับเครื่องที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นรุ่น Core i5 Skylake Ram 4 GB SSD 128 GB พร้อมชิปกราฟฟิกเป็น Intel HD 520 ทำงานบน Windows 10 Pro ก็ทำงานได้ลื่นทุกอย่าง เครื่องเร็วพอที่จะเล่นเกม 3 มิติอย่าง Resident Evil ได้สบายๆ

ว่าด้วยเรื่องจุดอ่อน

แต่แน่นอนว่าไม่มีผลิตภัณฑ์ใดในโลกที่สมบูรณ์แบบ จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของ Surface Pro 4 ก็ยังเป็นประเด็นการซื้อคีย์บอร์ดเพิ่ม ซึ่งพลัง Productivity ของ Surface จะลดลงไปมากถ้าไม่มีคีย์บอร์ด แล้วตัว Type Cover ก็มีราคาสูงถึง 5,190 บาท ก็ทำให้ชุด Surface มีราคาสูงขึ้นมาก นอกจากนี้การที่ Surface มีพอร์ต USB 3.0 แค่ช่องเดียวก็ทำให้การใช้งานยืดหยุ่นน้อยกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป หน้าจอแสงสะท้อนเยอะที่ต้องใช้งานหลบแสงกันบ้าง แอปเพื่อจอสัมผัสยังไม่ค่อยดีและมีไม่มาก โปรแกรมบางตัวยังไม่รองรับจอความละเอียดสูง ทำให้แสดงผลเล็กมากจนใช้ยาก แบตเตอรี่ใช้จริงๆ อยู่ได้ราวๆ 6-7 ชั่วโมง และมีปัญหา Sleep แล้วไม่ตื่นอยู่บ้าง ซึ่งไมโครซอฟท์ก็สัญญาว่ากำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่

สรุปแล้ว Surface Pro 4 เป็นอุปกรณ์ฝั่ง Windows ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งตอนนี้ เอาแค่จอก็กินขาดแล้ว คีย์บอร์ดใหม่ก็ดีขึ้นมาก โดยราคาเริ่มต้น (ไม่รวมคีย์บอร์ดนะ) อยู่ที่ 33,900 บาทสำหรับรุ่น Core M, Ram 4 GB, SSD 128 GB และไปจบที่ 82,900 สำหรับรุ่น Core i7, Ram 16 GB, SSD 512 GB ซึ่งก็เลือกใช้ได้กำลังเงิน