รีวิวเกม Crayon Shin-chan (Nintendo Switch) ชินจังตอนพักร้อนกับไดโนเสาร์
Our score
6.5

Crayon Shin-chan

จุดเด่น

  1. รูปแบบการเล่นเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน
  2. กราฟิกดูอบอุ่นกับธรรมชาติที่สวยงาม

จุดสังเกต

  1. มุมกล้องในเกมบางจุดดูสับสน
  2. เกมเพลย์จืดและเรียบไปไม่มีความตื่นเต้น

ปรกติแล้วเกมจากการ์ตูนสำหรับเด็ก มักจะถูกสร้างเป็นแนวแอ็กชันเพราะเข้าถึงได้ง่ายและเด็ก ๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักจะชื่นชอบมากกว่า แต่การมาของเกมชินจังภาคล่าสุดบนที่ออกเฉพาะ Nintendo Switch ที่ชื่อเต็มสุดแสนจะยาวว่า “Crayon Shin-chan: Ora to Hakase no Natsuyasumi – Owaranai Nanokakan no Tabi” ถือว่ามาแปลกกว่าซีรีส์ชินจังเกมอื่นพอสมควรทำให้ตั้งแต่เปิดตัวอย่างแรกก็เรียกความสนใจได้ทันที

โดย Crayon Shin-chan ภาคใหม่บน Nintendo Switch ไม่ได้มาแนวแอ็กชันตามที่บอก แต่มาแนวดำเนินเรื่องราวแบบการ์ตูนที่ผสมผสานแนวทางเกมใช้ชีวิตแบบ Animal Crossing หรือปลูกผักทำไร่แบบ Harvest Moon แม้จะไม่ได้เน้นหนักไปที่แนวไหนสักทางแต่ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะจากตัวอย่างดูแล้วอบอุ่นและเหมาะมากกับช่วงนี้ที่เต็มไปด้วยเรื่องเครียด และต้องกักตัวไปไหนไม่ได้ ทำให้การท่องไปในโลกของการ์ตูนชินจังน่าสนใจเป็นพิเศษ

กราฟิกแบบการ์ตูนที่ไม่ได้ดูดีแต่อบอุ่น

ภาพในเกมชินจัง ถ้าจะมองในเชิงเทคนิคแล้วดูเชยอย่างมาก เพราะยังคงใช้ภาพนิ่งมาเรียงกันเป็นฉาก และใช้ตัวละครเป็นโพลิกอน 3D และไม่สามารถปรับมุมกล้องได้ ใครคิดไม่ออกก็ประมาณ Final Fantasy 7 บน PS1 หรือ Resident Evil สามภาคแรกบน PS1 อย่างไรก็ตามพอได้เล่นกลับดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะภาพวาดที่เป็นฉากหลังทำออกมาดูงามและดูดีกว่าในการ์ตูนที่ฉายทีวีเสียอีก ส่วนตัวละครแม้จะไม่ได้ละเอียดอะไร แต่หากคุณเป็นแฟนชินจัง มันก็สามารถจำลองให้เหมือนในการ์ตูนแบบไม่มีที่ติ เรียกว่าภาพดูเชยแต่อบอุ่นเข้ากับตัวเกมอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนเพลงประกอบมาในแนวทางเกมใช้ชีวิตที่เล่าเรื่องราวแบบการ์ตูนที่ดูเรียบ ๆ ไม่ได้มีเพลงธีมสนุกสนานแบบในการ์ตูนชินจังที่เราคุ้นเคย แต่กลับเข้ากับภาพในเกมอย่างดีโดยเฉพาะวิวชนบทของญี่ปุ่นที่เป็นฉากหลังในเกมที่แสนสวยงาม อย่างไรก็ตามมีการใส่เสียงพากย์เข้ามาในส่วนสำคัญ และเป็นเสียงที่ได้จากนักพากย์ต้นฉบับบนทีวีมาให้เสียงด้วย และเพลงประกอบหลักหากคุณชอบเพลงญี่ปุ่นแนวฟังสบาย ๆ ผ่อนคลายแล้วต้องหลงรักมันแน่ แม้จะฟังไม่ออกว่าแปลว่าอะไรก็ตามเพราะเกมเป็นโซนญี่ปุ่น ทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด

เรื่องราวที่แสนอบอุ่นแต่มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอด

เรื่องราวในการผจญภัยของชินจังในภาคนี้ จะเล่าเรื่องการพักร้อนของครอบครัวโนะฮาร่า และเพื่อน ๆ ของชินจัง ที่ออกขึ้นรถไฟไปเมืองเล็ก ๆ ในชนบท เพื่อพักร้อนช่วงปิดเทอมที่เราจะได้พบกับเรื่องราวมากมาย และมีอะไรเหนือธรรมชาติโอเวอร์แบบในการ์ตูนด้วย เช่นการที่ในเกมมีไดโนเสาร์ ตัวเป็น ๆ มาเดินเพ่นพ่านในเมือง หรือการวนลูปของช่วงเวลาที่ทำให้เกมยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อเข้ามาให้เล่นกันด้วย เรียกว่ามีอะไรให้ประหลาดใจเล็ก ๆ กันตลอดแม้ว่าการนำเสนออาจจะไม่ได้หวือหวาแบบเกมแอ็กชันก็ตาม

รูปแบบการเล่นผสมผสานหลายแนวแต่น่าเบื่อไปนิด

เกมเพลย์ของชินจังกับการพักร้อน จะมาแนวดำเนินชีวิตตามเรื่องราวที่กำหนดในชนบทของญี่ปุ่นที่เรียบง่ายไม่เน้นความตื่นเต้นหรือจริงจังตัวละครไม่มีการตายและไม่ใช่เกมแอ็กชัน ส่วนฉากในเกมอย่างที่บอกว่ามาแนวเดียวกับ Resident Evil ภาคแรก ๆ ที่ใช้มุมมองจากกล้องวงจรปิด ผู้เล่นจะได้เดินสำรวจในเมืองที่ทำได้อิสระ แต่ก็มีบางจุดที่ยังไปไม่ได้ต้องทำเนื้อเรื่องหรือแก้ปริศนาก่อน โดยเรื่องราวจะค่อย ๆ เปิดออกมาว่าทำไมถึงมีไดโนเสาร์มาเดินในเมือง ที่ชินจังของเราจะมีเบ็ดตกปลา , ที่จับแมลง และกล้องถ่ายรูปไว้ติดตัวเพื่อถ่ายภาพที่ไม่สามารถใช้ได้เอง ชินจังจะใช้กล้องต่อเมื่อทำกิจกรรมสำคัญได้เช่น ตกปลา หรือทำเนื้อเรื่องในเกมเท่านั้น

ชินจังของเราต้องเดินสำรวจ เป็นหลักเพื่อพบเจอกับแมลง หรือปลาชนิดใหม่ ๆ และยังมีการเสริมการปลูกผักทำไร่เข้ามาเล็กน้อยแต่ทำได้แค่รดน้ำกับเก็บเกี่ยวเท่านั้น โดยเกมมีค่าพลังชีวิตที่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อทำกิจกรรมซึ่งถ้าหมดชินจังก็หมดแรงต้องกลับไปพักที่บ้าน แต่จะเพิ่มค่าพลังได้จากการกินข้าวปั้นหรือขนม ที่ต้องหาเงินไปซื้อมา และการหาเงินก็ง่าย ๆ เช่นการไปทำกิจกรรมแล้วถ่ายภาพมาขายให้สำนักพิมพ์ หรือเก็บผักมาขายให้ร้านอาหาร

ซึ่งการหาเงินจำเป็นพอสมควรไม่งั้นก็จะไม่มีเงินไปซื้อของกินทำให้ต้องกลับมาพักที่บ้านซึ่งจะเสียเวลาการเล่นไปเลยครึ่งวัน ซึ่งเวลาในเกมจะเดินไปเรื่อย ๆ ดังนั้นผู้เล่นจะมายืนชมวิวไม่ได้ต้องออกเดินทางสำรวจเมืองที่แม้ไม่กว้างมากแต่ก็ซับซ้อนและจะค่อย ๆ ปลดล็อกสถานที่ใหม่มาให้ประหลาดใจตลอดการเล่น

เนื้อเรื่องเล่นกับการวนลูปของเวลา

เรื่องราวในการพักร้อนของชินจัง ตามเวลาจริงจะมีเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งเวลาในเกมจะเดินไปเร็วพอสมควรทำให้เล่นไม่นานก็หมดวันพักร้อนและต้องกลับบ้าน แต่หากเป็นแบบนั้นเล่นไม่กี่ชั่วโมงก็จบ ผู้สร้างเลยใช้การเล่นแบบวนลูปเวลาไม่รู้จบแบบเหนือธรรมชาติเข้ามา โดยเรื่องเกิดจาก ด็อกเตอร์สติเพื่องประจำเมืองที่สามารถใช้สิ่งประดิษฐ์ทำให้เราติดในวนลูปเวลาที่ต้องกลับไปเล่นใหม่เมื่อหมดวันพักร้อนตลอด แต่พอเวลากลับมาเล่นอีกรอบจะพบว่าเรื่องราวที่เคยทำไปแล้วยังคงดำเนินต่อไป เช่นการปลดล็อกตัวไดโนเสาร์ใหม่ ๆ หากเราเรียกมันออกมาได้แล้วมันก็ยังคงอยู่ในเมือง และเรื่องราวที่เราสานสัมพันธ์หรือทำไว้แล้ว ก็จะมาสานต่อแม้เวลาจะวนลูปมาเริ่มใหม่ก็ตาม และมีการแก้ปริศนาไปสู่ตอนจบที่ออกจากลูปเวลาได้

ส่วนความหลุดโลกเหนือธรรมชาติ เช่นไดโนเสาร์ที่ออกมาหลายตัวก็ไม่ได้มาทำร้ายผู้คน แม้ว่ามีบางตัวจะออกมาป่วนบ้างแต่หลัก ๆ แล้วมันจะออกมาเพื่อให้เราหาทางช่วยเหลือมันหรือทำให้มันสงบเท่านั้น ไม่ได้มีฉากแอ็กชันมากมายให้น่าตื่นตา ทุกอย่างดูเรียบ ๆ ตามแนวทางของเกมที่ผู้เล่นต้องทำความเข้าใจก่อนไม่งั้นอาจจะเล่นไปหลับไปในความเรียบง่ายที่เน้นการดื่มด่ำกับเรื่องราวที่อบอุ่น และตัวละครสุดเพี้ยน นอกจากนี้ผู้สร้างคงกลัวผู้เล่นจะเบื่อยังได้ใส่มินิเกมมาให้เป็นการเอาตัวไดโนเสาร์มาสู้กันแบบเป่ายิ้งฉุบ ที่ใครชนะจะปลดล็อกไอเทมใหม่มาให้เล่นแก้เซ็งด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเกมชินจังภาคนี้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด แต่ก็เข้าใจได้ง่ายหากคุณเคยเล่นเกมแนว RPG ในอดีตเช่น Dragon Quest หรือ Final Fantasy สมัยที่ต้องเล่นเป็นภาษาญี่ปุ่นมาก่อน เกมนี้เข้าใจง่ายกว่าเยอะ เมนูเป็นภาพการ์ตูนด้วยทำให้เข้าใจง่ายมาก แต่อาจจะไม่ได้อินกับเรื่องราวในเกมแบบ 100% ต้องรอเวอร์ชันภาษาอังกฤษที่อาจจะไม่มีการแปลออกมาขาย ต้องรอลุ้นกันต่อไป แต่คาดว่าอาจจะไม่มี

ซึ่งโดยรวมแล้วเกม “Crayon Shin-chan: Ora to Hakase no Natsuyasumi – Owaranai Nanokakan no Tabi” ถือว่าทำได้น่าพอใจสำหรับคนที่เข้าใจในแนวทางของเกมที่เน้นเล่นเพื่อความผ่อนคลายสบาย ๆ มากกว่า แต่หากคุณชอบอะไรตื่นเต้นหวือหวาแบบเกมจากการ์ตูนยุคใหม่ แนะนำให้ไปหาเกมอื่นมาเล่นน่าจะดีกว่า เพราะการพักร้อนของชินจังในครั้งนี้เหมาะกับคนที่อยากทิ้งโลกแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยความเครียด แล้วไปพักจิตใจในโลกความฝันที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นกับครอบครัวโนะฮาร่า

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส