ขออภัยที่ให้รอกันนาน แต่รีวิว Huawei P9 ตอน 2 มาแล้วจ้าา

หลังจากตอนที่แล้วเราได้รีวิวรูปร่างหน้าตาของเครื่อง และรายละเอียดอย่างการใส่ซิม หรือเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือกันไปแล้ว วันนี้เราขอเจาะลึกความสามารถเจ๋งๆ เริ่มจากความสามารถของกล้องกันก่อนเลย

อย่างที่รู้กันว่ากล้องของ Huawei P9 นั้นควบคุมคุณภาพโดย Leica ค่ายกล้องระดับตำนานของเยอรมัน

ตัวอักษรที่เลนส์ชุดนี้หมายความว่าเป็นเลนส์ตระกูล Summarit (ตัว H ที่ต่อท้ายก็น่าจะหมายถึง Huawei) ที่ใช้ชิ้นเลนส์ aspherical เพื่อให้ภาพคมชัดพิเศษ มีรูรับแสงที่ f/2.2 ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 27 มม. โดยเลนส์ตัวขวา ที่ชิดกับแฟลชคู่นี้มี Bayer Filter เพื่อรับภาพสีเหมือนกล้องปกติ ส่วนเลนส์ตัวซ้ายนั้นถอด Bayer Filter ออกไป ทำให้รับได้แต่ความสว่างเท่านั้น ก็กลายเป็นเลนส์ขาวดำ เหมือนกับกล้อง Leica M-Monochrom นั่นเอง

ความเป็น Leica นั้นแทรกซีมเข้ามาในอนูของเมนูกล้องด้วย โดยอินเทอร์เฟซของแอปกล้องนั้นจะใช้ฟอนต์ของ Leica แบบเดียวกับที่เขียนบนเลนส์ แถมเสียงซัตเตอร์ของ P9 ยังเป็นเสียงซัตเตอร์กล้อง Leica ด้วย

คุณภาพภาพที่ได้จาก Huawei P9 ต้องบอกว่าดีกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงทั่วไป ทั้งเรื่องความคมชัดของภาพที่เห็นรูปแล้วรู้สึกได้ทันทีว่าคม การวัดแสงและ White Balance ที่แม่นยำให้ภาพแสงสวย สีสวยแม้จะใช้โหมด Auto นอกจากนี้เมนู film mode ที่มีให้เลือก Vivid Colors และ Smooth colors ก็ให้สีสดขึ้นอย่างมีอารยธรรม ไม่ใช่ตะบี้ตะปัดสดแบบการเร่งในแอป

ในส่วนของโหมดขาว-ดำ ภาพมี Contrast สูง ระหว่างส่วนขาวกับส่วนดำ แต่การไล่โทนเทาทำได้ละเอียด ทำให้รู้สึกเป็นธรรมชาติ ส่วนขาวไม่ได้ขาวสุดจนไม่มีรายละเอียด และส่วนดำก็ไม่ได้มืดมิดจนกลืนกิน

สำหรับใครที่อยากใช้ Huawei P9 ได้อารมณ์แบบกล้องจริงๆ ก็ใช้ปุ่ม Volume กดแทนปุ่มซัตเตอร์ได้นะ

ที่นี้มาดูโหมดโปรกันบ้าง ใช้งานง่ายๆ แค่ลากขีดเล็กเหนือปุ่มซัตเตอร์ขึ้นมา ก็จะสามารถควบคุมค่าได้หลายอย่าง โหมดวัดแสง, ISO, ความเร็วซัตเตอร์ หมุนโฟกัสแบบ Manual หรือเลือก White Balance ก็ทำได้ง่ายๆ ซึ่งสามารถเซ็ตความเร็วซัตเตอร์ได้ต่ำสุดที่ 30 วินาที ส่วน ISO สูงสุดที่ 3200 เรียกว่าตั้งขาตั้งถ่ายดาวก็ยังไหว

ทีเด็ดของกล้อง Huawei P9 คือเมื่อเปิดโหมดโปรแล้ว สามารถถ่ายเป็น Raw file สกุล DNG ได้ด้วย ก็สามารถนำไฟล์นี้ไปเปิดแก้ไขในแอปอย่าง snapseed หรือเปิดในคอมพิวเตอร์ด้วย Lightroom เพื่อแต่งต่อก็ย่อมได้ ซึ่งสามารถปรับแสงปรับ White balance ได้ยืดหยุ่นกว่าไฟล์ jpeg ปกติ แต่ก็แลกมาด้วยขนาดภาพละ 20 MB นะ

กล้องของ Huawei P9 ยังมีความสามารถอีกเยอะมากนะครับ เช่นโหมดถ่ายรูปแบบ Light painting ที่เปิดกล้องนานๆ วาดแสงได้ โหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่ถ้าปรับดีๆ เนียนใช้ได้อยู่ กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลพร้อมโหมดพาโนรามาที่สวยงาม สรุปแล้วเป็นมือถือที่มีกล้องที่ดีที่สุดตัวหนึ่งเลยจริงๆ

แต่ใครที่อยากได้การถ่ายวิดีโอแบบ 4K เจ้า P9 ทำไม่ได้นะครับ เน้นถ่าย 1080p 60 fps และถ่าย slow-mo หรือ time lapse ได้

สรุปเรื่องอื่นๆ นอกจากกล้อง

ที่นี้มาสรุปเรื่องราวอื่นๆ ของ Huawei P9 ที่เราได้จากการใช้งานจริงร่วมเดือนกันบ้างนะครับ

  • “เสียงดี” ทั้งลำโพงของตัวเครื่องเองที่ให้เสียงดัง ชัดเจน ไม่แตก และการฟังผ่านหูฟังที่ให้รายละเอียดเนื้อเสียงที่ดี มีโหมด DTS ให้เปิดด้วย
  • “ตัดคำไทยไม่ได้” อันนี้ Android หลายรุ่นแก้แล้ว แต่ P9 ยังไม่ได้แก้ เวลาพิมพ์ข้อความไทยยาวๆ จะรู้สึกใช้บรรทัดเยอะมาก ในอนาคตก็น่าจะมีอัปเดทออกมาแก้ไข
  • “รับสัญญาณดีเยี่ยม” เทสบนคอนโดที่ปกติ iPhone แทบจะคุยโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ P9 คุยได้เสียงคมชัดมาก
  • “มีช็อกบ้างเมื่อเปลี่ยนแอปหนักๆ” ว่ากันตามตรง Android 6 ก็ยังไม่เนียนเท่า iOS เวลาออกงานที่ต้องสลับแอปควบคุมกล้องวิดีโอ กับแอปอื่นๆ เครื่องมีอึ้งไปพักหนึ่ง
  • “แบตอึด” ใช้งานปกติอยู่ข้ามวัน ข้ามคืนสบายๆ แถมมีโหมดประหยัดแบตพิเศษที่ลดความละเอียดหน้าจอลงด้วย

สรุปทั้งหมดทั้งมวล Huawei P9 กับระดับราคา 16990 บาท ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดี และคุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งตอนนี้ครับ