รีวิว Mi 5s Plus เมื่อ Xiaomi บุกไทยอย่างเป็นทางการ
Our score
8.2

Xiaomi Mi 5s Plus

จุดเด่น

  1. งานประกอบดี หนาแน่น จับแล้วรู้สึกดี
  2. ประสิทธิภาพเครื่องดี ในราคาคุ้มค่า
  3. กล้องดีงามเวลาถ่ายภาพกลางวัน ถ่ายภาพขาวดำสวย ส่วนกลางคืนสวยพอประมาณ

จุดสังเกต

  1. ขอบจอโดนง่าย อุ้งมือโดนจอประจำ รวมถึงปุ่มสัมผัสด้านหน้าด้วย
  2. ใส่ MicroSD ไม่ได้
  3. ถ่ายวิดีโอในที่เสียงดังแล้วเสียงแตก ไม่มีระบบกันสั่น
  4. Notification ชอบขึ้นแล้วหายทันที เหมือนโดนแอปอื่นๆ บัง
  5. ยังเป็น Android 6 ไม่ใช่ Android 7
  • ดีไซน์ตัวเครื่อง

    7.0

  • คุณภาพวัสดุ

    8.5

  • ประสิทธิภาพเครื่อง

    8.5

  • คุณภาพกล้อง

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    9.0

หลังจากที่กลุ่มสามารถ เริ่มทำตลาดสมาร์ทโฟนแบรนด์ Xiaomi อย่างเป็นทางการในไทย ผู้ใช้ชาวไทยก็มีโอกาสใช้ Mi สมาร์ทโฟนสุดแรงในราคาคุ้มค่ากันง่ายๆ สักที ไม่ต้องไปวัดดวงกับเครื่องหิ้วที่ไม่รู้จะซ่อมศูนย์ไหน วันนี้เว็บแบไต๋จึงขอรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นกลางอย่าง Mi 5s Plus ที่มีกล้องคู่ ขาวดำ-สี (เหมือนของ Huawei) ให้ดูกันว่าจะน่าสนใจขนาดไหน

สเปกของ Mi 5s Plus

  • หน่วยประมวลผล Snapdragon 821
  • GPU: Adreno 530
  • RAM: 4 GB
  • หน่วยความจำในตัวเครื่อง 64 GB (ใส่ MicroSD ไม่ได้)
  • รองรับ Nano-Sim 2 ซิม
  • หน้าจอ IPS 5.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD
  • กล้องหลังคู่ 13 ล้านพิกเซล f/2.0 แยกเลนส์ถ่ายขาว-ดำและสี ถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K
  • กล้องหน้า 4 ล้านพิกเซล f/2.0
  • แบตเตอรี่ 3800 mAh
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
  • มี 2 สีให้เลือกคือดำและทอง
  • จำหน่ายในราคา 13,500 บาท

รอบตัวเครื่อง

ขนาดของ Mi 5s Plus เมื่ออยู่ในมือ จับถนัดมืออยู่

ใช้ USB-C รองรับอุปกรณ์เสริมยุคใหม่ได้

ด้านบนเครื่องมีช่อง Infrared สั่งงานเป็นรีโมตได้

ด้านข้างเครื่องฝั่งขวาเป็นปุ่มล็อกเครื่อง ปุ่มปรับเสียง ส่วนด้านซ้ายไม่มีปุ่ม

ประสิทธิภาพเครื่อง

Mi 5s Plus นั้นใส่ชีพียูในระดับท็อปคือ Qualcomm Snapdragon 821 พร้อม GPU Adreno 530 มาให้ ผลคะแนนจากโปรแกรมทดสอบต่างๆ ก็ไม่ผิดหวังครับ

  • Antutu 6.2.7 – 115653 คะแนน (Galaxy S7 ได้ราว 130,000 คะแนน, Huawei P9 ได้ราว 92,500 คะแนน)
  • Geekbench 4.1 – Single-core 1858 คะแนน, Multi-core 4106 คะแนน, Compute (วัด GPU) 7027 คะแนน
  • 3Dmark Sling Shot Extreme – 2005 คะแนน (ระดับเดียวกับ Huawei Mate 9, Galaxy S7, iPhone 7)

ตรวจจับประสิทธิภาพหน่วยความจำ ก็เร็วในระดับ UFS

ซึ่งการใช้งานจริงก็ลื่นอย่างผลเทสนั้นแหละครับ จะงานทั่วๆ ไป เล่น facebook, LINE ท่องเว็บ หรือเกมก็ลื่นหัวแตกไปทั้งหมด ถ้าเทียบกับราคา 13,500 บาทก็ถือว่าคุ้มค่าแหละ

การออกแบบเครื่อง

กล้องหลังพร้อมเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือ

Mi 5s Plus นั้นได้แรงบันดาลใจจาก Huawei Mate 9 มาครับ ทั้งความโค้งของเครื่องด้านหลัง ตำแหน่งกล้องคู่ ตำแหน่งแฟลช ตำแหน่งเซนเซอร์ลายนิ้วมือ แทบจะตรงกับตำแหน่งของ Mate 9 ทั้งหมด ซึ่งถ้ามองในแง่ดี มันเป็นดีไซน์ที่ทำให้ใช้จอใหญ่ขนาด 5.7 นิ้วได้ง่าย เพราะฝาหลังที่โค้งทำให้นิ้วเกาะเครื่องได้ง่ายขึ้น เวลาจะเอื้อมไปแตะจุดต่างๆ ของจอก็รู้สึกติดนิ้วดี เครื่องไม่หล่น

อัปเดท: มีคนแย้งมาว่า Mi 5s Plus เปิดตัวก่อน Mate 9 อีก ไปค้นดู ก็จริงตามนั้นนะครับ Mi 5s Plus เปิดตัวกันยายน 2016 ส่วน Mate 9 เปิดตัว พฤศจิกายน 2016 งี้ Mate 9 ก็เอาดีไซน์ Mi มาสินะ

ปุ่มสัมผัสด้านหน้าเครื่อง Mi 5s Plus

ส่วนด้านหน้านั้นแตกต่างจาก Mate 9 ตรงที่มีปุ่ม Recent App, Home และ Back (เรียงแบบนี้จากซ้ายไปขวา สลับไม่ได้) เป็นปุ่มสัมผัสอยู่ด้านล่าง ก็ทำให้ใช้พื้นที่จอ 5.7 นิ้วได้เต็มที่ ไม่เหมือนของ Huawei ที่เป็นปุ่มอยู่ภายในจอครับ

คุณภาพกล้อง ใช้งานได้ดี

แอดมินได้ยินเสียงร่ำลือเกี่ยวกับกล้องของ Xiaomi มาตลอดว่าไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ คราวนี้ได้ใช้ Mi 5s Plus ยาวๆ ก็คิดว่ากล้องใช้งานได้ดีพอสำหรับคนทั่วไปนะครับ

ภาพ HDR แบบจัดเต็ม

สำหรับภาพถ่ายตอนกลางวัน ถือว่าถ่ายทอดแสงสีสันออกมาได้ดีครับ สีสันถูกต้องทีเดียว ไม่ต้องปรับอะไรเยอะก็ให้ภาพสีสันสดใสได้ง่ายๆ มีโหมด HDR ที่เก็บภาพความแตกต่างของแสงได้มาก ซึ่งโหมด HDR ของ Mi 5s Plus นั้นเก็บภาพแสงแตกต่างกันได้มากครับ ส่วนมืดก็ถูกดึงขึ้นมาสว่าง ส่วนสว่างก็ถูกดึงลงมา เป็นสไตล์ภาพแบบ HDR หนักๆ ครับ ก็น่าจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบภาพสไตล์นี้

ภาพในที่แสงน้อยก็ยังทำงานได้ดีครับ ให้สีสันได้สวยงาม ใช้โหมดออโต้ก็ยังสวยได้ แต่รู้สึกได้ว่าความสดใสของภาพดรอปลงจากภาพกลางวันพอสมควรนะครับ แสงไฟไม่ได้สดใสเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่เน้นถ่ายที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมีโหมด Pro ที่สามารถปรับ White balance, ระยะโฟกัส, การเปิดหน้ากล้อง รวมถึง ISO ได้ด้วย

คุณภาพกล้องหน้าใช้ได้ครับ หน้าเนียนสวยกำลังดี ไม่เนียนเกินจนหลอกตา แถมยังมีลูกเล่นสนุกๆ อย่างการทายเพศและอายุผู้ถ่ายระหว่างถ่ายด้วย (คิดว่าเป็นการประเมินเพื่อใส่ฟิลเตอร์หน้าสวย จะได้ไม่ใส่เกินงามกับหน้าผู้ชาย) และมีโหมด Group Selfies สำหรับถ่ายกล้องหน้าแบบกว้าง แบบ Panorama Selfies นั้นแหละครับ

และยังมีโหมดอื่นๆ อย่าง ถ่ายขาว-ดำ ที่เป็นจุดเด่นของ Mi 5s Plus เลย เพราะมีเซนเซอร์ขาว-ดำแยกต่างหาก ทำให้ถ่ายได้สวยกว่ามือถือปกติครับ

ส่วนโหมดอื่นๆ ที่ถ่ายได้ก็เช่น Panorama ถ่ายภาพตามแนวยาว, RAW ถ่ายไฟล์ดิบก็ได้เช่นกัน

ที่นี้มาดูการถ่ายวิดีโอกันบ้าง Mi 5s สามารถถ่ายได้ถึงระดับ 4K ครับ คุณภาพภาพก็ดีในระดับหนึ่ง แต่สัญญาณรบกวนจะเยอะกว่าการถ่ายภาพนิ่ง ไม่มีระบบป้องกันการสั่นไหว ทำให้เคลื่อนไหวกล้องลำบาก แล้วก็มีปัญหากับการบันทึกเสียงในที่เสียงดังๆ ครับ ที่เสียงจะแตกไปหมด

ประสบการณ์การใช้งานจริง

หลังจากใช้เครื่องในชีวิตประจำวันมา 2 สัปดาห์ สรุปประสบการณ์การใช้งานจริงได้ตามนี้ครับ

  1. ตัวเครื่องแข็งแรง จับถือแล้วรู้สึกหนักแน่นมาก จนรู้สึกว่าตกใส่พื้น พื้นน่าจะแตก
  2. มีระบบปรับแต่งเสียงที่เรียกว่า Mi Sound Enhancer สำหรับการฟังด้วยหูฟัง ก็ช่วยให้เบสหนักขึ้นได้ แต่ไม่สามารถใช้กับการฟังผ่าน Bluetooth ได้
  3. ลำโพงมีตัวเดียว ด้านล่างช่องขวามือ ไม่ได้ใช้ลำโพงแนบหูให้เสียงสเตอริโอ แต่คุณภาพเสียงจัดว่าดี ให้เสียงต่ำได้ดีกว่ามือถือหลายๆ รุ่น
  4. หน้าจอ 5.7 นิ้ว IPS ให้สีไม่สดเกิน ไม่จืดเกิน ความละเอียด 1080p ใช้แล้วสบายตา
  5. ตัวสแกนลายนิ้วมือด้านหลังทำงานได้ดี ปลดล็อกเครื่องได้โดยไม่ต้องเปิดจอ แต่นิ้วเปียกนิดหน่อยก็สแกนยากแล้ว
  6. เครื่องมีขอบจอบาง ทำให้บางจังหวะมือไปโดนส่วนอื่นๆ ของจอได้ง่าย ซึ่งถ้าเป็นมือถือจอใหญ่รุ่นอื่นๆ ซอฟต์แวร์ในเครื่องจะตรวจสอบการเผลอโดนและมองข้ามไป แต่การทำงานในจุดนี้ของรอม MIUI ยังทำงานได้ไม่ดีพอ รวมถึงปุ่ม Recent App, Home, Back ด้านล่าง ก็เผลอโดนได้ง่ายเช่นกัน
  7. Notification มีปัญหาพอสมควร ชอบขึ้นแล้วหายทันที เหมือนขึ้นแล้วโดนแอปที่ใช้งานอยู่บัง แอบรำคาญตรงนี้
  8. ใส่ MicroSD ไม่ได้ อันนี้เป็นประเด็นมากสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพเยอะๆ ต้องโอนภาพออกจากเมมเครื่องบ่อยๆ แต่ก็ให้ความจุเริ่มต้นมา 64 GB นะ
  9. Mi 5s Plus มีฟังก์ชั่นรีโมทมาด้วย ก็ใช้สั่งงาน TV, DVD ในบ้านได้เลย สะดวกดีเหมือนกัน
  10. GPS ทำงานได้ดีระดับหนึ่ง ทดสอบโดยใช้นำทางในรถ 2 คัน คันแรกใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา ขับเที่ยวรอบภูเก็ตไม่มีหลง อีกคันหนึ่งจับสัญญาณยาก (แต่สมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหากับคันนี้นะ) สรุปว่าต้องลุ้นนิดหนึ่งว่าจะมีปัญหากับรถไหม
  11. ลูกเล่นที่จำเป็นแบบมือถือจีนมาเพียบ ทั้งสามารถบันทึกหน้าจอตามยาวได้ บันทึกแชทยาวๆ สบาย สามารถบันทึกสายสนทนาได้ มีฟังก์ชั่น Dual App เพื่อใช้แอปเดียวกัน 2 บัญชีในเครื่องก็ได้ รวมถึง Second Space ที่แยกส่วนเครื่องไปเลย เหมือนมีมือถือ 2 เครื่องในเครื่องเดียว
  12. แบตเตอรี่อึดใช้ได้ ใช้งานหนักๆ ก็อยู่พ้นวันสบายๆ

อุปกรณ์ภายในกล่อง มีเคสมาให้ด้วย พร้อมหัวชาร์จจ่ายไฟ 1.5A