นี่เป็นการรีวิวทีวีครั้งที่อลังการที่สุดครั้งหนึ่งตั้งแต่ผมทำรายการมาเลยนะครับ ขอเชิญพบกับ Panasonic Viera DX900 ทีวี 4K ขนาด 65 นิ้วกันเลยครับ โอโห้ จอใหญ่มาก!

เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกกัน Panasonic Viera DX900 ออกแบบภายนอกเรียบง่ายมาก เป็นดีไซน์ที่ไม่ทำตัวเป็นจุดเด่น ปล่อยให้ภาพจากจอคือจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เราจึงเห็นว่าขอบจอค่อนข้างบาง ขาตั้งก็ปรากฏให้เห็นด้านหน้านิดเดียว ซึ่งตัวจอก็จะเอียงขึ้นนิดๆ ให้ชมภาพได้ชัดเจนขึ้น ก็ชอบเลยแหละครับ จอทีวีที่ low-profile แบบนี้

มาดูพอร์ตด้านหลังกันบ้าง ก็ให้มาครบครันครับ ซ่อนอยู่ใต้ฝาครอบสายแบบนี้ ก็เริ่มตั้งแต่ USB 3 ช่อง ก็เอาไว้เสียบแฟลชไดร์ฟหรือคีย์บอร์ดเสริมได้ เป็น USB 3.0 – 1 ช่อง ถัดลงมาก็เป็นช่องต่อ HDMI ซึ่ง DX900 สามารถเชื่อมต่อ HDMI ได้ถึง 4 ช่อง โดยมีหนึ่งช่องที่เป็น HDMI ARC (Audio Return Channel) เพื่อส่งสัญญาณเสียงกลับไปยังชุด Home Thearter ได้ นอกจากนี้ก็พอร์ตอื่นๆ อย่าง AV in, Component, ช่องต่อเสียงดิจิทัล ช่องเสียบสายอากาศ ช่องเสียบสายแลน

เอาแหละ กลับมาดูจุดเด่นสุดพีคของ Panasonic Viera DX900 นั้นคือหน้าจอ 4K ความละเอียด 3,840 x 2,160 px ตัวนี้กันดีกว่าครับ ที่ไม่ใช่แค่ใหญ่และละเอียด ด้วยเทคโนโลยี Hexa Chroma Drive Pro ที่ประมวลผลสีสัน 6 แม่สีในตารางสี 3 มิติ และยังเป็นจอ LED รุ่นแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน Ultra HD Premium ทำให้แสดงสีได้ครอบคลุม 98% ของขอบเขตสี DCI-P3 ที่ใช้กับหนังฮอลลีวูดใหญ่ๆ แบบที่จอ iPhone 7 และ iMac รองรับ ทำให้แสดงสีสันได้สมบูรณ์อย่างที่ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการ

นอกจากนี้ด้านหลังจอนี้ยังมีโครงสร้างแบบ Honeycomb Panel หน้าตาแบบแผ่นตัวอย่างที่ผมโชว์นี้ โดยจะมีหลอด LED 512 หลอดกระจายอยู่ทั่วทั้งหน้าจอ เพื่อปรับความสว่างแยกกัน 512 จุดบนจอภาพให้แตกต่างกันที่เรียกว่า Ultra Local Dimming สีดำของ DX900 จึงดำลึกกว่าจอ LED ทั่วไป แสดงซีนกลางคืนได้สวยงาม

แต่จอจะแสดงสีสันได้มากขนาดไหน ก็อาจจะไม่มีประโยชน์ถ้ามันแสดงสีเพี้ยนครับ แต่ Panasonic Viera DX900 นั้นผ่านมาตรฐาน THX Certified Display ด้วย เราจะเห็นในเมนูเลือกโหมดสีเลยว่า THX Cinema และ THX Bright Room ซึ่ง 2 โหมดนี้ให้สีที่เที่ยงตรงอย่างที่ภาพยนตร์ควรจะแสดงจริงๆ ยังไงถ้าได้ลองเล่น DX900 ลองเปลี่ยนโหมดสีเป็น THX ดูนะครับ แถม Panasonic ยังร่วมงานกับ Mike Sowa นักแต่งสีภาพยนตร์จาก Hollywood ผู้จูนสีหนังอย่าง Oblivion, Insurgent ด้วย ก็เชื่อได้เลยว่าสีจาก DX900 นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ

เราพูดเรื่องหน้าจอไปก็มาก แล้วเรื่องอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง เริ่มจากเสียง เสียงดี เบสมา กระหึ่มมากด้วยลำโพง 40 W ครับ ถ้าไม่ได้ต้องการเสียงรอบทิศทางก็ไม่ต้องซื้อลำโพงแยกก็ได้ เสียงจากลำโพงทีวีเครื่องนี้เอาอยู่เลย

มาดูที่รีโมทกันบ้าง Panasonic Viera DX900 ให้รีโมทมา 2 ตัวครับ ตัวหนึ่งก็เป็นแบบปุ่มเยอะเหมือนรีโมททั่วไป อีกตัวหนึ่งเป็นรีโมทแบบ TouchPad ให้ใช้นิ้วเลื่อนปัดไปปัดมาได้ง่ายๆ แถมยังสั่งงานด้วยเสียงได้ด้วย ถ้าชอบใช้รูปแบบไหนก็เลือกกันได้ครับ

สุดท้ายเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้คือระบบปฏิบัติการในทีวี เจ้า DX900 ใช้ Firefox OS ครับ ก็อาจจะแปลกตาสักหน่อยเพราะ Panasonic เป็นผู้ผลิตทีวีรายเดียวที่ใช้ OS ตัวนี้ โดยรวมๆ ก็เป็นระบบที่ใช้ง่ายดีครับ มีแอปที่จำเป็นอย่าง Netflix, Youtube, Firefox, Mono Maxx มาให้เรียบร้อย แต่ที่น่าผิดหวังหน่อย ก็ตรงที่แอปส่วนใหญ่ยังไม่รองรับความละเอียดภาพระดับ 4K นี่แหละครับ อย่าง Youtube ก็ต้องเปิดผ่าน firefox จึงจะได้ภาพ 4K แท้ๆ มาแสดง แล้วก็การทำงานอาจจะมีหน่วงๆ บ้าง ไม่ได้รวดเร็วเหมือนกล่องยุคใหม่ๆ

ถ้าจะถามว่าแล้วเราจะหาเนื้อหา 4K ดูได้จากไหนบ้าง ก็ต้องบอกว่าแหล่งที่ง่ายที่สุดก็น่าจะเป็น Youtube ที่โชว์ไปเมื่อกี้แหละครับ มีคลิป 4K ให้ดูมากมาย ถ้าจะดูจริงจังหน่อย ก็ซื้อแผ่น 4K มาเล่นกับเครื่อง UHD Blu-ray ก็ได้เหมือนกัน หรือซื้อหนังฮอลลีวูด 4K จาก Google Play มาเปิดผ่าน Chromecast Ultra ก็ได้ หรือจะเล่นเกมแบบ 4K ก็มีทางเลือกเป็น PlayStation 4 Pro ที่ให้ภาพบน DX900 ได้สวยงามเลย

(ตามไปดู Viera DX900 กับการเล่นเกม PlayStation 4 Pro ในรีวิวเลย)

ทีวี DX900 ตัวนี้ ถ้าจะมีข้อสังเกตอยู่บ้างก็คงเป็นระบบ Local Dimming ที่มีหลอด LED 512 จุดของจอ ถ้าเจอภาพที่มีความต่างของแสงมากๆ เช่นเคอร์เซอร์เมาส์สีตัดกับพื้นหลัง จะเห็นเป็นวงแสงรอบเคอร์เซอร์ แต่สำหรับการใช้งานด้านวิดีโอทั่วไปจะไม่เห็นลักษณะนี้นะครับ

Panasonic Viera DX900 รุ่นนี้มีค่าตัวอยู่ที่ 129,990 บาท ก็ถือเป็นราคาสำหรับรุ่นท็อปที่จัดเต็มเทคโนโลยีด้านภาพขนาดนี้