วิจารณ์งานคนตายไม่ได้ทำ-คนทำไม่ได้ตาย อัลบั้มใหม่ Michael Jackson #Xscape
ความสุขของการฟังเพลงชนิดลุ่มหลงหัวปักหัวปำกลับมาหาผมอีกครั้งในวัย 36 ครับ ถ้าคุณสังเกตตัวเองนะ.. ทุกคนแหละที่จะมีเพลงที่ชอบจริง ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นระยะ ๆ กันอยู่แล้ว แต่เพลงที่ “อยากฟังแล้วฟังอีก” จะนานๆทีปีหน ยิ่งถ้าอายุมากขึ้นโอกาสโดนเพลงยุคใหม่ ๆ ก็จะลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากมนุษย์เราผูกพันกับยุคสมัย โตมาแบบไหน เราก็ชอบแบบนั้น ยุคใครยุคมัน บังคับกันไม่ได้ครับของแบบนี้
และอย่างที่คุณๆรู้ ผมกับไมเคิลแจ็คสันนั้นผูกพันกันมาก จะด้วยเหตุที่ผมเคยได้จับมือเชคแฮนด์กับเขาโดยการล้วงมือผ่านช่องประตูเหล็กร้าน Tower Records สยามเซ็นเตอร์เข้าไปจับมือไมเคิลตัวเป็นๆในปี 1996 ครั้งมา History World Tour ที่เมืองทอง (มือแท้จริงของไมเคิลไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนที่เราเข้าใจนะครับ แท้จริง“แข็งและสาก” ..ก็แน่ล่ะ!เขาเป็นอเมริกันผิวดำนี่นา)
จับมือกันครั้งนั้นก็เลยเหมือนได้ทำสนธิสัญญาย่านปทุมวัน คือจะรักและติดตามกันตลอดไป .. นี่ขนาดตายไปแล้วหลายปีแล้วก็ยังไม่จบสิ้น ผมทำให้ภรรยาและคนรอบข้างหลายคนชอบผลงานของไมเคิลไปด้วย.. แต่ภรรยาก็มิวายเปรยว่า “ฉันคิดว่าไมเคิลตายแล้วทุกอย่างมันจะจบ แต่นี่มันไม่จบไม่สิ้นเสียที สรุปไมเคิลโดนลงขันฆ่าโดยอุตสาหกรรมเพลงใช่ไหม?”
งานใหม่ๆไมเคิลแจ็คสันออกมาอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่หลังตายในปี 2009 อัลบั้มประกอบภาพยนตร์ “This Is It” อัลบั้มประกอบการแสดง “Immortal World Tour” อัลบั้มเพลงใหม่ “MICHAEL” อัลบั้มฉลอง 25 ปี “BAD25” และล่าสุด “Xscape” เฉลี่ยแล้วปีละครั้ง ซึ่งถี่ซะยิ่งกว่าสมัยมีชีวิต (ช่วงหนุ่มๆออก 5 ปีต่ออัลบั้ม และเว้นช่วงยาวนานมากในปั้นปลายชีวิต)
พูดถึงเนื้องานในอัลบั้มล่าสุด Xscape ที่ Epic Records และ Sony Music ทำให้ไมเคิลกลับมาเปรี้ยงปร้างได้อีกครั้ง จะด้วยเพราะการโปรโมทอย่างตั้งอกตั้งใจ วางแผนทำ World Premier อย่างดีกลางงานประกาศรางวัลวงการเพลงโดยการแสดงที่อบอุ่นหัวใจของ Usher ศิษย์รัก ส่งผลให้ภาพข่าวแพร่กระจายออกไปทั่วโลกได้ในช่วงข้ามคืน หรือจะเป็น Material สำหรับการโปรโมทที่มีคุณภาพ ปกอัลบั้ม Cover Art และ Key Visual ที่ “เท่อิ๊บอ๋าย” Music Video ที่มี Justin Timberlake มา Featuring ถ่ายถอดบทเพลงได้อย่างอิ่มอุ่นหัวใจ ส่งผลให้แฟนๆ MJ ทั่วโลกออกมาทำ Dance Tribute เพลง Love Never Felt So Good กันอีกรอบ ..แต่ที่สำคัญที่สุดเหนือการโปรโมททั้งปวงคือ “เพลงมันเพราะจริง ๆ ” ครับ
เราได้ฟังงานที่เป็นน้ำเสียงไมเคิลในยุค’80ที่ห่อด้วยชิ้นดนตรีอันทันสมัยของ ค.ศ. นี้ที่เนรมิตขึ้นมาโดย “ทีมเพลง MJ ทีม A” ที่ร่วมงานกันมาอย่างเข้าเลือด เข้าใจหัวจิตกันจริง ๆ อย่าง Timberland โปรดิวเซอร์คนดำสายละเมียด แถมยังได้หนอนห้องอัดคู่ใจ MJ อย่าง Rodney Jerkins แม้แต่ “L.A. Reid” ซีอีโอค่าย Epic Records อดีต Commentator ในรายการ X Factor ก็มาลงเนื้องานด้วยตัวเองในตำแหน่ง Album Producer เขาเอาฟุตเทจเสียงเป็นตับ ๆ ของ MJ จากคลังของ Epic (ค่ายต้นสังกัดในการทำงานของ MJ ตลอดช่วงอายุวัยหนุ่มถึงวัยกลางคน) มานั่งฟังทั้งหมดด้วยตัวเองและเลือก “8 เพลงที่ดีที่สุด” ที่เหมาะสมกับช่วงอุณหภูมิเพลงสมัยนี้ที่สุด เขาบรรจงบรีฟงานโปรดิวเซอร์และนักทำดนตรีเพื่อสรรสร้าง ”ดนตรีพื้นหลัง” ที่เหมาะกับเพลงแต่ละเพลง L.A.Reid ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงแทร็ค Slave To The Rythm เพลงที่น่าจะเป็นเพลงเอกของอัลบั้มนี้ที่ก่อนหน้ามี “ไฟล์หลุด” เป็นเสียง Justin Bieber เป็นผู้ร้อง Featuring กับไมเคิล ในรูปแบบดนตรีอีกแบบที่ “ตื้ด ๆ ” แบบดิบ ๆ พอสมควร Reid บอกว่า “เพราะเหตุที่ไฟล์หลุดจึงทำให้เขาตัดสินใจตัดเวอร์ชั่นบีเบอร์ออกจากอัลบั้มและทำใหม่ทั้งหมด” Sony Music ตัดสินใจให้แทร็คนี้กับ Sony Mobile วงศ์วานญาติเครือเอาเพลงนี้ไปประกอบหนังโฆษณา Sony Xperia Z2 ก่อนหน้านี้ 2 เดือน ซึ่งโฆษณาเป็นที่ฮือฮามากในต่างประเทศเมื่อพลันปรากฏเสียง MJ ร้องในช่วงท้าย หลังฟังดนตรีโคตรล้ำนี้มากว่า 1 นาที ..กระตุ้นความอยากฟังเต็ม ๆ เพลงกับอัลบั้มนี้ได้เยอะเลย
ผมชื่นชมวิธีคิดนี้นะ พองานหลุดออกไปก่อน ก็ไม่สุขเอาเผากินรีบออกอัลบั้มเต็มในเวลาที่สามารถเกาะกระแสและตีหัวเข้าบ้านได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะ “รื้อทิ้งทำใหม่” และบ่มผลงานให้มันสุขงอมจริง ๆ ..อัลบั้มนี้ใคร ๆ ฟังก็ FIN ครับ ไม่ต้องเป็นแฟนเพลง MJ ก็ต้องชอบ ยังมีเพลง Ballad ชั้นดีอย่าง “Loving You” ที่ทำดนตรีห่อไว้อย่างปราณีต
ตรวจสอบเพลงอื่นในอัลบั้มแล้วก็ถือว่าสอบผ่านทั้งหมด แม้ไม่ได้ไพเราะแบบหวานแหววดั่ง “Love Never Felt So Good” แต่ก็ถือว่า “ลุ่มลึกสมดั่งงาน MJ ในยุคหลัง ๆ ” แทร็คที่น่าผิดหวังเล็ก ๆ มีเพียงแทร็คเดียวคือ “Blue Gangsta” ที่ไม่สามารถทำหน้าที่ทะลวงถึงสมองให้หลงรักได้จากการฟังครั้งแรก
แนะนำแทร็ค “A Place With No Name” เพลงเนื้อหาลึกลับถึงดินแดนใหม่ที่ผู้คนมีแต่ความรักให้กันและไม่เจ็บป่วยอีกเลย แทร็คนี้ Producer ใช้การดึงโทนเสียงร้องท่อนฮุคประสานให้ Pitch สูงขึ้นกว่าฉบับ Original เล็กน้อยเพื่อให้ได้ความไพเราะขึ้น แถมเพลงยังเริ่มด้วย Intro ที่คล้าย “Leave Me Alone” ในอัลบั้ม BAD ปี 1987
คนที่สมควร “ขอบคุณที่สุด” ในอัลบั้มนี้คือศิลปินระดับตำนาน Paul Anka ครับ คุณลุงแกฟูมฟักไมเคิลไว้ในช่วงปี 1983 (ซึ่งผมกับพี่ชายผมสันนิษฐานว่าไมเคิลคงมี Something Wrong ผิดใจกับ Quincy Jones โปรดิวเซอร์ยุคทองของตัวเขาเอง จึงทำให้ดอดไปทำเพลงกับ Paul Anka ไว้ถึง 2 เพลงเพราะ ๆ คือ This Is It และ Love Never Felt So Good ในปีนั้น) แต่เหตุที่ออกผลงานไม่ได้ในช่วงที่เขามีชีวิต พอลเคยเปิดเผยไว้ในอัลบั้ม Duet ของตนเองว่า “เพราะติดปัญหาข้อกฏหมาย” ..ขืนออกเพลงตอนนั้นคงต้องโดนฟ้องกันขี้แตกแตน แต่ที่มาออกกันค.ศ.นี้ได้ก็เพราะคิดได้แล้วว่า “กอดคอกันรับทรัพย์ดีกว่า” จ่ะ 🙂 ขอบคุณโลกแห่งการเจรจาที่ทำให้ศิลปะได้จรรโลงโลกต่อไป
อัลบั้มนี้มาด้วยปกแยก 2 สี คือสีทองกับสีเงิน แตกต่างตรงปกสีทองเป็น Deluxe Edition เบิ้ลเพลงเวอร์ชั่น Original เข้าไปด้วย (ไมเคิลร้องไว้กับดนตรีแบบนี้แล้วไม่พอใจผลงานนัก จึงไม่ได้ออกเพลงเหล่านี้ในยุคนั้น) สรุปมี 8+8+1 เพลง Love Never Felt So Good ในเวอร์ชั่น Feat. Justin Timberlake ที่ “ฉึบฉับกว่า” แต่ก็ไพเราะน้อยกว่าครับเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นใหม่และเวอร์ชั่น Original แบบเปียโน เนื่องจากเขาดันตัดเสียงเกลากีตาร์คลอท่อนฮุคออกซะ (ลองฟังเทียบกันดูนะครับ จะเข้าใจเหตุผลว่าทำไมสมองเราสั่งการให้ชอบเวอร์ชั่นแรกมากกว่า) + 1 แผ่น DVD สารคดีเบื้องหลังงานสร้างอัลบั้มนี้ ความยาว 23นาที +1 Outtake ครับ ในสารคดีนี้คุณจะได้เห็นโฉมหน้าของ Timbaland, Rodney Jerkins, L.A. Reid และนักแต่งเพลงคนอื่น ๆ ครับ ทุกคนจริงจังและทำผลงานนี้ด้วยหัวใจรักใคร่ไมเคิลจริง ๆ เสียดายที่แผ่นปกทองที่ว่านี้นั้นคุณ BEC TERO บ้านเรายังไม่ออก (อาจแผนสูงล่อให้ซื้อ 2เวอร์ชั่นก็เป็นได้นะ) แต่คุณผู้ฟังก็สามารถซื้อดาวน์โหลดได้จาก iTunes, Deezer, KKbox และ XBox Music ได้ครับ (งานนี้ผมขอชมแอป KK Box ของ AIS ที่ปล่อย Streaming เพลงนี้เร็วกว่าใครครับ) ผลงานนี้ Mastered For iTunes นะแต่ดันไม่มี Digital Booklet หรือไฟล์ปกให้เหมือนอัลบั้มอื่นๆ สุดท้ายก็คล้ายๆการบังคับให้ซื้อ CD ด้วย ซึ่งคุ้มครับ เพราะยังไง Audio Wave File ก็เสียงดีกว่าอยู่ดี แถมปกอัลบั้มยังเขียนเกร็ดน่าสนใจในการทำเพลงแต่ละเพลง ถ้าคุณขยันอ่านภาษาอังกฤษ คุณก็จะได้ข้อมูลมากมายมานั่งเล่าต่อให้ผู้คนอื่นๆฟังเหมือนกับการเขียนคอลัมน์ของผมในสัปดาห์นี้ไงครับ 🙂 Enjoy the music!
หนุ่ยรู้ – โลกรู้ #94: วิจารณ์งานคนตายไม่ได้ทำ-คนทำไม่ได้ตาย อัลบั้มใหม่ Michael Jackson #Xscape