Screenrant ได้รายงานล่าสุดเกี่ยวกับ ‘The Killer’ ภาพยนตร์ใหม่ของ Netflix ที่เป็นผลงานกำกับล่าสุดของผู้กำกับฝีมือประณีตอย่าง เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ซึ่งโคจรมาพบกับหนึ่งในนักแสดงชายที่มีฝีมือจัดจ้านที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้อย่าง ไมเคิล ฟัสเบ็นเดอร์ (Michael Fassbender) ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชมตั้งความหวังเอาไว้สูงมากว่าอาจจะเป็นภาพยนตร์ฟิล์มนัวร์-นีโอระดับมหากาพย์

ฟินเชอร์เป็นผู้กำกับที่รักษาสมดุลระหว่งศิลปะและการตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญทางจิตวิทยาที่สร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เช่น ‘Zodiac’, ‘Se7en’ และ ‘Fight Club’ ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบศตวรรษ และเขายังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการกำกับภาพยนตร์ดราม่าที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็น ‘The Curious Case of Benjamin Button’, ‘The Social Network’ และ ‘Mank’ ที่เขานำองค์ประกอบเชิงจิตวิทยามาใส่ในความเป็นดราม่าเพื่อสร้างความตึงเครียดได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน

‘The Killer’ ถูกดัดแปลงจากนิยายภาพของ Matz และ ลุค ฌากามง (Luc Jacamon) ว่าด้วยเรื่องราวของนักฆ่าที่ประสบปัญหาทางจิตและภัยทางการเมืองที่ต้องการทิ้งอดีตที่แต่ความรุนแรงของเขาไว้เบื้องหลัง แต่โชคร้ายที่ผลกรรมจากงานในอดีตของเขาส่งผลสืบเนื่องจนทำให้เขาไม่อาจหลีกหนีได้อีกต่อไป

ในส่วนของการแสดงนั้น ฟัสเบ็นเดอร์ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากและมีความทรงพลังมากพอ เนื่องจากเขามีศักภาพในการนำองค์ประกอบที่ซับซ้อนมาใส่ในตัวละครได้อย่างลงตัว ทำให้บท Magneto ในช่วงวัยรุ่นของเขานั้น เป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า และบท Steve Job ที่เขาทำให้ดูมีความหยิ่งผยองและน่าเกรงขามไปพร้อมกัน

อีกหนึ่งบุคคลที่น่าสนในคือการกลับมาร่วมงานกับ แอนดรูว์ เควิน วอล์คเกอร์ (Andrew Kevin Walker) อีกครั้ง ภายหลังจากที่เคยร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมอันดำมืดจากก้นบึ้งจิตในของมนุษย์อย่างถึงกึ๋นมาแล้วใน ‘Se7en’ และซีรีส์แอนิเมชัน ‘Love, Death & Robots’ ซีซัน 3 ตอน ‘Bad Travelling’

นี่จึงเป็นการรวมตัวกันของผู้สร้างและนักแสดงระดับต้นของฮอลลีวูดที่จะสามารถบอกเล่าถึงจิตใจเบื้องลึกของมนุษย์และทำให้ผู้ชมเกิดจินตนาการต่อไปได้แม้ว่าจะชมภาพยนตร์จบแล้วก็ตาม ดังที่ทั้ง 2 คน เคยทำเอาผู้ชมอ้าปากค้างกันแล้วใน ‘Se7en’

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส