เมื่อ MYbank ธนาคารออนไลน์ของแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่งเป็นตลาด E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในจีน กำลังปฎิวัติการให้สินเชื่อกู้ยืมในรูปแบบใหม่ ที่ผลักดันกลุ่มธุรกิจ SME รายย่อยด้วยการใช้ระบบ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงด้วยตัวแปรกว่า 3,000 รายการ ก่อนปล่อยสินเชื่อ ซึ่งผู้กู้สามารถกู้ได้สูงสุดกว่า 5 ล้านหยวนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และ ณ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 16 ล้านราย ด้วยวงเงินรวมทั้งหมดกว่า 2 ล้านล้านหยวนภายใน 4 ปี หรือกว่า 8.942 ล้านล้านบาท นับเป็นตัวเลขที่ไม่ธรรมดาสำหรับการปล่อยกู้สินเชื่อ และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการกู้ผ่าน สมาร์ตโฟน โดยกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้นโดยไม่ต้องใช้นายธนาคารที่เป็นมนุษย์เลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งถ้าผู้กู้ถ้าผ่านเงื่อนไข ก็จะได้รับเงินสดผ่านบัญชีทันที

โดยปี 2018 MYbank เผยรายได้แล้วกว่า 670 ล้านหยวน แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่ผู้ปล่อยสินเชื่อออนไลน์รายเดียวในตลาด เพราะเทนเซนต์ โฮลดิ้ง และ ผิงอัน อินชัวรันซ์ กรุ๊ป ต่างก็มีเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อของธุรกิจขนาดเล็กที่คล้ายคลึงเช่นเดียวกัน ขณะที่ ไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐก็กำลังเพิ่มบทบาทขึ้นมาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าโลกของการเงินในประเทศจีนเป็นอีก 1 สิ่งที่ทั่วโลกต่างจับตามองถึงการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ 

ต้นกำเนิด MYbank

MYbank ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารจีนในปี 2014 โดยผู้ร่วมก่อตั้งคือ Ant Financial ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาลีบาบา โดยมีนักลงทุนร่วมอื่น ๆ ได้แก่ Shanghai Fosun Industrial Technology Development Co. , Wanxiang Sannong Co. , และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน Ningbo Jinrun ซึ่งธนาคารมีทุนจดทะเบียน 4 พันล้านหยวน ในขั้นต้น มุ่งเน้นไปที่การออกสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก (SME)

สิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว

งาน “นายธนาคาร” จะหายไปโดยแทบจะสิ้นเชิง

เพราะกระบวนการทุกอย่างที่นายธนาคารทำนั้น ณ วันนี้แทบไม่ต้องมีการเดินไปพบเจอกันที่หน้าธนาคารอีกต่อไป เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นบนสมาร์ตโฟนของคุณทั้งหมด ตั้งแต่การถอน โอน จ่าย จนไปถึงกระบวนการกู้เงินในระดับหลายล้านหยวนก็ทำได้ในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้นโดยไม่ต้องใช้งานมนุษย์เลยแม้แต่คนเดียว

โดยกระบวนการเหล่านี้ทำให้ MYbank ลดค่าใช้จ่ายได้เมื่อเทียบกับคู่แข่งแบบดั้งเดิมในอัตรา 3:2,000 หยวน ลดค่าใช้จ่ายไปได้อย่างยิ่งยวด รวมไปถึงระบบการวิเคราะห์ที่มนุษย์ไม่มีทางทำได้ในเวลาเพียง 3 นาทีบนตัวแปรสำคัญกว่า 3,000 รายการ เมื่อเทียบกับการใช้นายธนาคารค้นหาแล้ว กว่าจะหาข้อมูล ดูประวัติบัญชี ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ก็ต้องใช้เวลาเป็นหลักหลายวัน – หลายสัปดาห์เลยทีเดียว

ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เชื่อว่าระบบนี้จะค่อย ๆ กระจายออกสู่ธนาคารในประเทศอื่น ๆ จนกลายเป็นผลทำให้งาน “นายธนาคาร” หายไปโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้

ณ วันนี้ แจ็ก หม่า เปรียบเป็นพระเอกที่มากอบกู้ SME จีนได้อย่างรวดเร็วที่สุด

สำหรับเศรษฐกิจของประเทศจีนที่มีมูลค่า 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 ส่งผลกระทบส่งผลต่อ SME รายย่อยเป็นอย่างมาก ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ คิดเป็น 60% โดยประมาณ และมีสัดส่วนคนงาน 80% ของคนงานทั้งหมด ซึ่งพวกเขานั้นไม่สามารถกู้เงินในระบบตามนโยบายของรัฐได้ และ MYbank ของแจ็ก หม่า กลายเป็นเสมือนน้ำมันเครื่องที่ช่วยหล่อเลี้ยงกลุ่ม SME เหล่านี้ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น (ถ้าเขากู้ผ่าน) และขับเคลื่อนไปได้แล้วกว่า 16 ล้านราย 

ประเทศจีนมี Big data ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทั่วโลกยังไม่สามารถ “เลียนแบบ” ได้

“ประเทศจีนกำลังกลายเป็นผู้นำระดับโลกในการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการให้สินเชื่อ”  “นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุด”คลิฟ เซิง หัวหน้าฝ่ายบริการทางการเงินของ Greater China

เนื่องจากประเทศจีนนั้น หลายบริการสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ใช้งานได้โดยความสมัครใจเช่น การสมัครสมาชิกเว็บไซต์ หรือบริการ ทำให้ปัจจุบันมีหลากหลายบริการที่นำเอาข้อมูลตรงจุดนี้เข้ามาทำประโยชน์ อย่างที่ MYbank สามารถมอบเงินกู้ให้กลุ่ม SME รายย่อยได้อย่างรวดเร็วจากข้อมูลที่ทาง Alibaba มี พร้อมประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ แต่อย่างไรก็ตาม หลายประเทศก็มองเห็นว่า Privacy นั้นเป็นสิ่งสำคัญ จึงน่าจะยังเป็นการยากที่จะมีการนำเอาข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญหลาย ๆ อย่างมาใช้งานได้อย่างเต็มที่เหมือนประเทศจีน

สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

เศรษฐกิจจีนจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

จากการปล่อยสินเชื่อในระดับมูลค่า 2 ล้านล้านหยวนภายในระยะเวลา 4 ปี จะกลายเป็น 1 ในชนวนสำคัญที่จุดไฟให้กับ SME ผู้ผลิตและผู้ให้บริการรายเล็กที่กำลังประสบสภาวะฝืดเคืองในอดีต ให้สามารถผลักดันเศรษฐกิจของจีนได้ในระดับก้าวกระโดด และทำให้ชาวจีนหลาย ๆ คนที่กำลังประสบปัญหาว่างงาน เริ่มหางานทำได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะมีเงินมาหมุนเวียนในเศรษฐกิจ รวมไปถึงสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นตอบโจทย์ทั้งคนจีนและคนต่างชาติโดยเฉพาะด้าน Startup ที่พัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ขึ้นมานั้น ก็กำลังเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในยุคนี้

ธุรกรรมผ่าน “ธนาคาร” จะหายไป เหลือเพียงแค่ระบบ “ออนไลน์” เท่านั้น

อีก 1 จุดที่น่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เมื่อคนจีนหันมาใช้บริการธนาคารออนไลน์แบบ 100% เต็ม นั่นหมายความว่าธุรกรรมต่าง ๆ ที่ต้องกระทำผ่านธนาคาร ก็จะกลายเป็นอดีตไปโดยสิ้นเชิง นั่นหมายความว่า “ธนาคาร” จะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะทุกคนจะใช้ “สมาร์ตโฟน” ในการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ได้ทั้งหมด เพราะมีทั้งความรวดเร็ว แม่นยำ แถมตรวจสอบย้อนหลังได้ทันที

อย่างที่เรารู้กันว่า ประเทศจีนในปัจจุบัน สาขาธนาคารเริ่มมีบทบาทลดลงเรื่อย ๆ ผนวกกับสถาบันการเงินที่เกิดจากธุรกิจขนาดใหญ่เช่น Tencent หรือ Alibaba กำลังเติบโตขึ้นและกลายเป็นแหล่งเงินทุนอีกทางหนึ่งที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเงินเหล่านี้เกิดจากธุรกิจที่หมุนเวียนในนั้นจริง ๆ ไม่ใช่การนำเงินมาต่อเงินตามแบบธนาคารทั่วไปทำ จึงกลายเป็นว่าคนให้ความมั่นใจในกลุ่มเงินทุนเหล่านี้มาก และกลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ “เงิน” แต่พวกเขามี “Big data” หรือแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่เกิดจากการสมัครใช้งานอีกด้วย ทำให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์และนำเอาข้อมูลมาประมวลผลเพื่อหาความเป็นไปได้ในการปล่อยสินเชื่อที่มั่นใจได้ว่าผู้กู้จะมีความสามารถในการชำระหนี้ อย่างเช่น MYbank ปัจจุบันมีผู้ที่กู้ผ่านระบบออนไลน์ได้ถูกปฎิเสธไปแล้วกว่า 80% นั่นหมายความว่า 20% ที่กู้ได้นั้นคือคนที่ถูกคัดมาแล้วจริง ๆ นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ก็บอกได้ว่า ประเทศจีน กำลังกลายเป็น 1 ในประเทศที่กำลังก้าวสู่การพัฒนาในระดับที่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกไม่สามารถตามได้ทัน ทั้งด้านปริมาณและความสามารถของคนในประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ และการหมุนเวียนของเศรษฐกิจที่เกิดจากความร่วมมือของธนาคารที่เกิดจากทั้งภาครัฐฯ และภาคเอกชน งานนี้ประเทศยักษ์ใหญ่ในโลกก็คงจะหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตาม ๆ กัน

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส