[รีวิว] Blue Beetle – ฮีโรพลังครอบครัว
Our score
6.4

[รีวิว] Blue Beetle – ฮีโรพลังครอบครัว

จุดเด่น

  1. การถ่ายทำ ตัดต่อ และ CG มีคุณภาพ ออกมาสวยเนียนตา
  2. ฉากแอ็กชันดูเพลิน ช่วยทำให้ภาพรวมของหนังสนุก
  3. สื่อสารประเด็นพลังครอบครัวได้ชัดเจน
  4. ไม่เล่นใหญ่จนเนื้อเรื่องเละเทะ

จุดสังเกต

  1. เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จ เดาทางง่ายจนไม่ได้ลุ้นอะไร
  2. มีกลิ่นอายหลายอย่างที่เราคุ้นเคยจากหนังฮีโรหลายเรื่องจนไม่ได้รู้สึกว้าวเท่าไร
  3. การเล่นใหญ่และมุกที่พยายามใส่เข้ามาดูล้นเกินไปในบางจังหวะ
  • บท

    5.0

  • โปรดักชัน

    8.0

  • การดำเนินเรื่อง

    6.0

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    6.5

‘Blue Beetle’ หนังฮีโรน้องใหม่ล่าสุดจากค่าย DC ชูความแปลกใหม่ด้วยกลิ่นอายฮีโรเชื้อสายละติน ถือเป็นอีกหนึ่งการเปิดตัวหนังจากทางฝั่ง DCEU ที่หวังว่าจะมากอบกู้ความหวังและศรัทธาจากแฟน ๆ ส่วนในเรื่องของความสนุกจะเป็นอย่างไร ดู ‘Blue Beetle’ ในโรง IMAX ดีมั้ย ลองอ่านรีวิวเพื่อเป็นตัวช่วยตัดสินใจกันก่อนได้เลย


‘Blue Beetle – บลู บีเทิล’ เล่าเรื่องของ ไฮเม่ เรเยส (รับบทโดย โซโล มาริดูเอญญา – Xolo Mariduena) หนุ่มมหาวิทยาลัยจบใหม่ไฟแรง แต่เมื่อเขากลับบ้านก็ต้องพบว่าที่ผ่านมาครอบครัวมีปัญหาทางการเงินขั้นรุนแรงแถมพ่อยังป่วยอีกต่างหาก ไฮเม่จึงต้องดิ้นรนหางานทำเพื่อช่วยเหลือครอบครัว จนได้พบกับ เจนนิเฟอร์ คอร์ด (รับบทโดย บรูน่า มาร์เกอซีน – Bruna Marquezine) หญิงสาวทายาทผู้บริหารบริษัทคอร์ด อินดัสตรี

เธอสัญญาจะมอบงานให้เขาทำตอบแทนที่ไฮเม่โดนไล่ออกเพราะเข้ามาช่วยเธอจาก วิกตอเรีย คอร์ด (รับบทโดย ซูซาน ซาแรนดอน – Susan Sarandon) ผู้เป็นป้าและผู้บริหารบริษัทคนปัจจุบัน และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตของไฮเม่เปลี่ยนไป เพราะเขาได้พบกับ “สการับ” ด้วงสีน้ำเงิน มันเลือกเขาเป็นร่างโฮสต์และเปลี่ยนเขาให้กลายเป็น “บลู บีเทิล”

รีวิว Blue Beetle

‘Blue Beetle’ นำเสนอตัวเอกที่เป็นชาวละติน เราจึงได้ซึมซับกลิ่นอาย บรรยากาศ และวัฒนธรรมในแบบละตินอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพลง วิถีชีวิต และการให้ความสำคัญกับครอบครัว ซึ่งต้องบอกก่อนว่าครอบครัวเรเยสนั้นถือว่าเข้ามาช่วยสร้างสีสันและบรรยากาศสนุกเฮฮาในเรื่องได้ดี แม้บางครั้งจะดูล้นไปหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นการเล่าประเด็นหลักได้แข็งแรงตามที่ตัวหนังอยากนำเสนอ นอกจากนี้ยังเป็นองค์ประกอบเรียกดราม่าสำหรับพระเอกแบบเดาไม่ยากเท่าไรนัก

การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างเรียบง่าย เป็นเส้นตรง มีความสูตรสำเร็จแบบหนังฮีโรที่เราพบได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกหนุ่มน้อยนิสัยดีรักครอบครัวที่ต้องเผชิญปัญหาชีวิต ได้รับพลังแบบไม่คาดฝัน ไม่เข้าใจและปฏิเสธตัวตนของตัวเองในตอนแรก ไปจนสู่การปรับตัวและยอมรับในภายหลัง รวมถึงการก้าวข้ามความสูญเสียต่าง ๆ เพื่อเติบโตขึ้น เรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบการเปิดตัวฮีโรหน้าใหม่ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วจนทำให้เรื่องราวเกือบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นหรือจดจำ

รีวิว Blue Beetle

นอกจากนี้เรื่องราวยังดำเนินไปแบบง่ายมากจนเหมือนไม่ได้ลุ้นอะไร ทั้งพลังที่มีความอเนกประสงค์ สการับที่มีความคิดความอ่านของตัวเองจนดูสารพัดประโยชน์ อาของไฮเม่ (รับบทโดย จอร์จ โลเปซ – George Lopez) ที่เก่งเทคโนโลยีจนทำได้ทุกอย่างตั้งแต่สร้างสิ่งประดิษฐ์แบบ DIY ไปจนถึงขับยาน! เมื่อรวมเข้ากับเนื้อเรื่องสูตรสำเร็จเดาทางง่ายจึงทำให้ตัวหนังราบเรียบไปนิดจนน่าเสียดาย

แต่สิ่งที่น่าชื่นชมคือการสื่อสารประเด็นต่าง ๆ ในหนังทำออกมาได้ชัดเจนและแข็งแรง โดยเฉพาะเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เป็นแกนหลักของเรื่อง เพราะนี่คือพลังที่ขับเคลื่อนตัวเอกและเรื่องราวทั้งหมดในหนัง แม้จะเล่าได้ไม่เฉียบคมเท่าไรเพราะหนังพยายามตอกย้ำตรง ๆ อยู่ตลอด แต่ก็ถือว่าสื่อสารได้ดี ไม่มีหลุดจากประเด็นหลักจนทำให้เรื่องราวเละ

รีวิว Blue Beetle

ด้านการแสดงตัวเอกอย่างไฮเม่ที่รับบทโดยมาริดูเอญญานั้นถือว่าสอบผ่านในด้านคาแรกเตอร์ เขาสามารถสื่อความเป็นเด็กหนุ่มจิตใจดี รักครอบครัวออกมาได้ชัดเจน ส่วนมาร์เกอร์ซีนก็สวย เท่ และมีเสน่ห์น่าจับตามอง และตัวละครอื่นก็ถือว่าเข้ามาช่วยสร้างสีสันให้กับเรื่องราวโดยเฉพาะจอมขโมยซีนอย่างอารูดี้ (โลเปซ)

ในส่วนของตัวร้ายหลักของเรื่องอย่างวิกตอเรียและคาราแพกซ์ (รับบทโดย ราอูล แม็กซ์ ตรูฮิลโล – Raoul Max Trujillo) ทหารสุดโหดประจำตัวก็สร้างคาแรกเตอร์ออกมาได้ดี ดูมีแรงจูงใจและแรงผลักดัน ไม่ร้ายแบบไร้มิติ แต่ละคนมีปมที่ทำให้ร้ายถึงจะเป็นปมที่เดาง่ายไปหน่อยก็ตาม

นอกจากนี้อีกส่วนที่ทำออกมาได้ดีคือ CGI ที่สวยงามเนียนตา สีสันสดใสจัดจ้าน และฉากแอ็กชันที่สนุกพอสมควร แม้จะไม่มีฉากต่อสู้ที่โดดเด่นจนเป็นภาพจำเท่าไรแต่ก็ช่วยทำให้ภาพรวมของหนังดูสนุกเพลิน ๆ ขึ้นมาได้ไม่น้อย นอกจากนี้การออกแบบโลเคชันและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ยังทำออกมาได้ดีด้วย

สรุป

‘Blue Beetle’ ถือเป็นหนังฮีโรที่เล่าเรื่องเรียบง่ายและมีความสูตรสำเร็จจนไม่ได้ลุ้นระทึกขนาดนั้น ประเด็นที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงอย่างพลังครอบครัวเข้ามาช่วยอุ้มตัวหนังให้ดูมีอะไรขึ้นมาบ้าง มีความตลกโบ๊ะบ๊ะเป็นช่วง ๆ แต่บางทีก็ดูเล่นใหญ่จนล้นกันไปหน่อย สามารถดูได้สนุกแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก สามารถดูในโรงภาพยนตร์ธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าใครอยากดู CG สวย ๆ สีสันจัดจ้านตระการตา จะจัด IMAX ก็ไม่ติด มีฉากท้ายเครดิต 2 ตัว ซึ่งตัวแรกค่อนข้างสำคัญ มีการทิ้งปมชวนติดตามต่อ ส่วนอีกตัวแอบกระซิบบอกว่าจะดูหรือไม่ดูก็ได้

‘Blue Beetle’ มีโปรแกรมเข้าฉายในประเทศไทยตั้งแต่ 17 สิงหาคม 2023 เป็นต้นไป

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส