จบไปแล้วสำหรับ ‘lauv the between albums tour bangkok’ คอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งของ Lauv ศิลปินอินดี้ป๊อปอเมริกัน เจ้าของเพลงฮิตติดชาร์ตสตรีมมิงไทยอย่าง “I Like Me Better” และ “Paris in the Rain”

แม้ Lauv จะเป็นขาประจำที่เดินทางมาพบปะแฟน ๆ ชาวไทยหลายต่อหลายครั้ง แต่แฟน ๆ ก็ยังให้การต้อนรับเขาแบบไม่มีแผ่ว บัตรขายหมดเกลี้ยงภายในสองวันแรกที่เปิดขาย บรรยากาศหน้างานเมื่อวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เต็มไปด้วยแฟนคลับกว่า 8,000 คน ทำเอาบอลรูมฮอลล์ 1-4 ของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แน่นไปขนัดตา

Opening Act ของโชว์ในครั้งนี้คือ Alexander 23 ศิลปินดาวรุ่ง ที่มาเล่นเปิดด้วยโชว์อะคูสติกกีตาร์โปร่งตัวเดียว พร้อมเพลงฮิตอย่าง “IDK You Yet” และ “What Was I Made For?” เพลงประกอบภาพยนตร์ ‘Barbie’ ของ บิลลี ไอลิช (Billie Eilish)

เวลาประมาณ 20.00 Lauv ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมเพลง “I Love You Like That” ที่เปิดมาก็ทำเอาแฟน ๆ ร้องเฮด้วยจังหวะสนุกสนาน ต่อด้วยเพลงชาติวันกรุงเทพฯ ฝนตกอย่าง “Paris in the Rain” และบรรดาเพลงฮิตจากอัลบั้มก่อน ๆ

หลังจากจบเพลง “Mean It” , “Fuck, I’m Lonely” และ “Tattoo Together” Lauv ก็เซอร์ไพรส์แฟนโซนกลางด้วยการย้ายตัวเองไปยังเวทีเล็ก พร้อมโชว์ 3 เพลงเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็น “Summer Nights” , “Molly in Mexico” และ “All 4 Nothing (I’m So In Love)” ปิดท้ายครึ่งแรกของโชว์กันไปแบบฟิน ๆ 

โค้งสุดท้ายของโชว์ Lauv ยังขนเพลงฮิตมาให้แฟน ๆ ได้ร้องและโยกตามอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “Steal The Show” ซิงเกิลล่าสุดที่หนุ่ม Lauv ร้องประกอบภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘Elemental’ และ “Modern Loneliness” เพลงเหงา ๆ ที่ฟังแล้วทั้งเศร้าและฮีลใจไปในเวลาเดียวกัน 

นอกจากนี้ยังมีเพลงที่หนุ่ม Lauv มีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินคนอื่นทั้ง “I’m So Tired” ที่ทำร่วมกับ ทรอย ซีวาน (Troye Sivan) และผลงานที่ทำร่วมกับ 7 หนุ่ม BTS “Who” ก่อนจะปิดท้ายค่ำคืนด้วยเพลงรักพลังบวก “I Like Me Better” จบค่ำคืนแบบฟิน ๆ ที่ทำเอาแฟน ๆ ตกหลุม Lauv ชนิดยากจะ Move On

ภาพรวม Lauv สร้างสรรค์โชว์ออกมาได้สนุก มีสีสัน เจ้าตัวโชว์เอนเตอร์เทนได้สุด ชนิดที่ว่าเล่นเกินค่าตัวเลยทีเดียว เซตลิสต์ลงตัวอย่างมาก มีการเรียงเพลงด้วยท่วงทำนองที่ใกล้เคียงกัน ไม่กระโดดมากนัก ทำให้แฟน ๆ ได้ค่อย ๆ ไหลรื่นไปกับดนตรีของเขาได้อย่างสมูธ

สิ่งเดียวที่น่าเสียดายของโชว์ในครั้งนี้ก็คือ Lauv มาแบบโซโลเดี่ยว ไม่ได้ขนทีมนักดนตรีมาเล่นด้วย แน่นอนว่าการขาดดนตรีสดไป ทำให้โชว์จับทางได้ง่าย ไร้ซึ่งพลังในบางช่วง และยากที่จะสร้างอัตลักษณ์เฉพาะให้กับตัวโชว์ เพราะหากมีดนตรีสดเต็มวง คนดูจะสามารถเสพดนตรีของเขาได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น คนดูจะได้เห็นโชว์ที่หลากหลาย ได้สัมผัสท่วงทำนอง การสอดรับเข้าด้วยกันแบบวิต่อวิของเครื่องดนตรีหลาย ๆ ชนิด ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความสนุกมากยิ่งขึ้น 

ขอขอบคุณภาพจาก Live Nation Tero

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส