[รีวิว] The Next 365 Days : แซ่บตาเหลือก ฉบับคุณผู้หญิงหิวบ่อย
Our score
3.8

Directed by

Barbara Białowąs ,Tomasz Mandes

ความยาว

1 ชั่วโมง 56 นาที

[รีวิว] The Next 365 Days : แซ่บตาเหลือก ฉบับคุณผู้หญิงหิวบ่อย
Our score
3.8

[รีวิว] The Next 365 Days : แซ่บตาเหลือก ฉบับคุณผู้หญิงหิวบ่อย

จุดเด่น

  1. มุมกล้อง องค์ประกอบภาพและการนำเสนอในฉากอีโรติกดีขึ้นกว่าภาคที่แล้ว
  2. มีการผูกปมเรื่องรักสามเส้าเข้ามา เป็นเนื้อหาที่เพิ่มขึ้นจนรู้สึกหายเหงากับความโหวงเหวงไปได้บ้าง

จุดสังเกต

  1. บทยังคงไม่มีอะไรอย่างสม่ำเสมอ และความฟุ่มเฟือยยังคงอยู่ ดูเหมือนเขาจะรักในสิ่งนี้ซะจริง ๆ
  • บท

    3.0

  • โปรดักชัน

    5.5

  • นักแสดง

    5.0

  • การดำเนินเรื่อง

    2.5

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    3.0

ภาพยนตร์ภาคต่อสุดแซ่บที่เสิร์ฟความเร่าร้อนชนิดถึงพริกถึงขิงเอาไว้ในภาคแรก 365 DNI และเบาไฟลงมาหลายเบอร์ในภาคสอง 365 Days: This Day แถมเลาร่ายังเกือบจะเป็นนางเอก MV อีกต่างหาก แต่การกลับมาคราวนี้เลาร่าได้แปลงร่างเป็นผู้หญิงหิวบ่อยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจ้ะ ชนิดที่ตื่นก็หิว หลับก็หิว ว่างั้นเถอะ

‘The Next 365 Days : อีก 365 วัน’ เล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วและทำทีเป็นหลอกคนดู พยายามเหลือเกินที่จะให้เราเข้าใจผิดว่า ‘เลาร่า’ (อันนา-มาเรีย เชกลูสกา) เสียชีวิต เพราะภาคที่แล้วเธอโดนยิงลงไปนอนแน่นิ่ง ด้วยการให้ ‘มัสซิโม’ (มิเคเล มอร์โรเน) และเหล่ามาเฟียทั้งหลาย ยืนไว้อาลัยอยู่หน้าหลุมศพใครสักคน แถมยังตัดภาพไปที่เพื่อนเลาร่าสวมชุดขาว ทำหน้าเศร้าและเอ่ยประโยคชวนอาลัยออกมาอีกด้วย

แต่ความจริงก็เฉลยอย่างรวดเร็ว เมื่อเราได้พบกับเลาร่านอนโชว์เรือนร่างยามหลับไหลบนที่นอนยับ ๆ อีกเช่นเคย เธอพักฟื้นจากการโดนยิงครั้งนั้นนานแรมเดือน ไม่ได้กินอะไรแซ่บ ๆ ที่อยากกิน แต่เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว ความโหยที่ไม่เข้าใครออกใครก็ทำให้เลาร่าเดินผ่ากลางวงที่ประชุม แล้วยั่วสามีให้ไปกินอาหารรสเผ็ดที่ห้องข้าง ๆ หน้าตาเฉย

ภาคนี้ชะนีหิว

เมื่อเราตามติดชีวิตของเลาร่ามาถึงภาคที่ 3 ถ้าหากจะมีใครสักคนสนใจเนื้อเรื่องที่หนังพยายามจะใส่มาให้เราคล้อยตามแล้วละก็ น่าจะจำได้ว่าเลาร่าเป็นสาวสวยที่มาเฟียเอาแต่ใจอย่างมัสซิโมตกหลุมรักและอยากได้มาครอบครองในทันทีที่พบเห็น เธอโดนข่มขู่ โดนบังคับอย่างลุแก่อำนาจ และต้องมีชีวิตที่หาความสงบสุขได้ยากเย็นเพราะดันกลายมาเป็นเมียของมาเฟียใจโหด ต้องแท้งลูกจนความสัมพันธ์เริ่มเปราะบาง และเมื่อมีมือที่สามสุดหล่ออย่าง ‘นาโช’ (ซิโมเน ซูซินนา) เข้ามาเป็นข้อเปรียบเทียบ หัวใจของเลาร่าก็เริ่มสั่นคลอน และเผลอกินอาหารนอกบ้านอย่างยั้งใจไม่อยู่

ภาคนี้มีการชูความต้องการของนางเอกเป็นหลัก และสร้างเหตุผลรองรับขึ้นมาว่า เธอยังต้องการเป็นภรรยาที่ดี แต่สามีเจ้ากรรมก็โหดจัดและอารมณ์ร้อนเกินจะรับไหว เธออดทนกับเขามานานมาก พยายามสนองตัณหาของเขาอยู่ตลอด แล้วเมื่อเธอมาเจออีกคนที่ต่างกับสามีอย่างสิ้นเชิง เธอก็อยากลิ้มลองดูบ้างเป็นธรรมดา แต่ในขณะที่เนื้อเรื่องพยายามทำให้เราเห็นใจและเข้าใจเลาร่า การดำเนินเรื่องก็ทำให้เรางงกับเลาร่าอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเธอกินไปบ่นไป ใจไม่อยู่กับเขาแต่ก็ยังไปยั่วยวนเขาเวลาที่หิว แล้วก็หายหน้าไปจากเขาในยามที่เธออยากผ่อนคลายนอกบ้าน

มากไปกว่านั้นความหิวของเธอยังไม่เลือกเวล่ำเวลาอีกด้วยสิ เพราะเธอโหยหาอาหารรสเลิศทั้งยามหลับยามตื่น เมื่อหัวถึงหมอนและหลับไป เธอจะมีความสุขกับชายในฝันที่ไม่ใช่สามีตัวเอง และเป็นความสุขที่ฟินแบบติดกับ ฟินแบบตามหา เพราะมันช่างแตกต่างจากสามีตัวเองเหลือเกิน

อีโรติกครั้งนี้มีร้องกรี๊ด

สำหรับคุณผู้ชายทั้งหลาย ผู้เขียนอยากบอกว่ามีกรี๊ดแน่นอนกับความฟินในฝันที่แสนจะบ้าบอของนางเอก เชื่อหัวไอ้เรืองได้เลยว่าต้องมีคุณผู้ชายบางคนที่ร้องเสียงหลงออกมาอย่างลืมตัว กับเซอร์ไพรส์คิสจากฉากหนึ่งในความฝันที่เลาร่าฝันเก่ง อึ้งแน่ กรี๊ดแน่สำหรับคุณผู้ชาย และเข้าใจในทันทีเลยว่าเลาร่าคิดอะไรอยู่

ในภาคนี้ฉากเซอร์วิสจัดมาแบบฉากเว้นฉากกันเลยละค่ะ และหากใครถามหาความเผ็ดพริกยกสวนแบบภาคแรก บอกเลยว่าจะไม่เจอแบบนั้น แต่สิ่งที่จะได้กลับมาคือความอีโรติกนวล ๆ ฟุ้ง ๆ ที่นำเสนอออกมาได้สวยงาม ส่งให้เห็นความต้องการภายในของเลาร่าออกมาอย่างชัดเจน ภาพสวย มุมกล้องดีกว่าภาคอื่น ๆ ไม่โจ๋งครึ่มแต่มีการถ่ายทอดที่เป็นศิลปะมากขึ้น จนถือว่าเป็นส่วนดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็ว่าได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หนังยังมีความเป็นไบโพลาร์อยู่เนือง ๆ ด้วยการพยายามจะสะท้อนอารมณ์ของตัวละครมัสซิโมออกมา ในฉากเซ็กส์ฮาร์ดคอร์ที่บรรจุไปด้วยสาวชุดหนัง เต้าโตเรียงหน้ามากันตรึมให้มันตัดอารมณ์กันไปข้าง

ในขณะที่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความแซ่บนัวของเลาร่าและนาโช ให้เห็นความแตกต่างของผู้ชายสองคนอย่างชัดเจน ประมาณแบดบอยปะทะเทพบุตรก็ไม่ปาน ว่ากันแบบนี้ใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของพ่อมาเฟียขาโหดอย่างมัสซิโมอย่างที่เห็นในภาคแรก ก็ขออภัยด้วยที่ต้องพบกับความผิดหวัง แต่จะได้รับการปลอบใจไปที่เรือนร่างล่อนจ้อนของนาโชเป็นสิ่งทดแทน สองคนจะกอดกระหวัดรัดรึงกันนานและบ่อย ทั้งในฝันและได้เสียเป็นเมียผัวสมใจแม่นางเอกของเราในที่สุดแบบวาบหวาม อ่อนโยนจนตาเหลือกกันไปข้าง

ฉากฟุ่มเฟือยแบบเดิม ๆ และตอนจบที่!!?

ภาคที่แล้วผู้เขียนขอสารภาพว่าดูไปก็สัปหงกไป เพราะ MV มาบ่อยเหลือเกิน นึกอะไรไม่ออกก็เล่าเรื่องแบบเริงร่า หัวเราะ ยิ้ม ทำมิวสิกไปเรื่อยเปื่อย เรียกว่าเป็นการจับยัดให้ได้เวลาไปงั้น ๆ ซึ่งภาคนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีแบบนั้นค่ะ เรายังคงเห็นฉากที่ไม่จำเป็นอยู่มากมาย จนสามารถกดข้ามไปบ้างก็ได้เพราะไม่มีผลกับเนื้อหาส่วนใดเลย แต่ใด ๆ ก็ตามภาคนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าภาคที่แล้วอย่างยกระดับในบางฉาก โดยเฉพาะฉากอีโรติกที่ผู้เขียนยกให้เป็นฉากที่ทำได้สะอาดตา กว่าภาคอื่น ๆ มีความนุ่มนวลชวนดูและเห็นถึงการใส่ใจที่จะถ่ายทอดและสื่ออารมณ์ได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เรียกว่ามีการพัฒนาในด้านดีของการถ่ายทำ มุมกล้องและองค์ประกอบภาพ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนดีส่วนเดียวที่มองเห็นจากส่วนอื่น ๆ ที่ติดลบอย่างสม่ำเสมอ ทั้งบทที่ไม่มีความสมเหตุสมผล การตัดต่อที่ขาดความเชื่อมโยงและดึงอารมณ์ร่วมไม่เคยได้ เรียกว่าเสมอต้นเสมอปลายจนชาชิน แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจมากกว่าใด ๆ ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้นคือฉากจบที่อิหยังวะ คำถามต่าง ๆ เริ่มผุดขึ้นมาในความคิดทันทีว่า จบแบบนี้ใจคอจะทำต่อภาค 4 อีกเหรอจ๊ะ พ่อคุณพ่อทูนหัวของบ่าว

นิยายของ บลังกา ลิปินสกา (Blanka Lipinska) เป็นนิยายไตรภาค หมายความว่าเนื้อหาจะจบที่ภาค 3 เท่านั้นนะคะ ไม่มี 3, 4 , 5 ต่อไปอีก แต่ด้วยความเลือกยากของเลาร่าและการเปลี่ยนแปลงของมัสสิโมที่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ในฉากสุดท้าย ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจมีภาค 4 ทำท่าว่าจะมีเลยละ และหากการคาดเดานี้เป็นเรื่องจริง เราอาจได้เห็นฉากแซ่บ ๆ แบบพริกยกสวน มาเสิร์ฟคนดูให้เคี้ยวกร้วมจนปากพองกันไปข้าง ก็อาจเป็นไปได้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส