หลังจากปู่นินเปิดตัวเกม Super Mario RPG Remake ในงาน Nintendo Direct ก็เรียกเสียงฮือฮาจากแฟน ๆ มากมายโดยเฉพาะเด็กยุค 90S ที่เกิดทันเล่น เพราะมันเป็นหนึ่งในเกมแนว RPG ในตำนานที่เป็นครั้งแรกที่ลุงหนวดของเราจะมาในรูปแบบเกม RPG แถมยังมีดราม่าหลังจากได้วางขายแล้วด้วย ทำให้การกลับมาครั้งนี้ไม่ธรรมดา

โดยจุดกำเนิดของ Super Mario RPG ออกวางขายบน Super Famicom ในปี 1996 ในตอนนั้นเป็นการร่วมมือกันของค่าย Nintendo และ Square Soft (ในตอนนั้นยังไม่รวมกับ Enix) เพราะว่าผู้ให้กำเนิด Mario อย่าง ชิเงรุ มิยาโมโตะ (Shigeru Miyamoto) อยากสร้างเกมลุงหนวดฉบับ RPG ขึ้นมา พอดีกับที่ค่าย Square ต้องการนำเกมแนว JRPG ให้เข้าถึงแฟนทั่วโลกมากกว่าเดิม ทำให้เกิดโครงการ Super Mario RPG ขึ้นมา

เพราะในอดีต JRPG ไม่ดังในโลกตะวันตก

หนึ่งในการมาของลุงหนวดฉบับ RPG เพราะว่าในช่วงต้นยุค 90S ถือว่าเป็นยุคทองของเกมแนว JRPG ที่ขายดีแบบถล่มทลายในประเทศบ้านเปิดอย่างญี่ปุ่น โดยเฉพาะเกม Final Fantasy ทำให้ต้นสังกัดอยากเอาความสนุกไปให้แฟนทั่วโลกได้เล่นกัน โดยช่วงแรกค่าย Square ได้สร้างเกมซีรีส์ Final จำนวน 5 เกมไปวางขายในอเมริกา

โดยเริ่มที่ The Final Fantasy Legend บน Gameboy ที่เอาเกม SAGA ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ และยังมี Final Fantasy Adventure ที่เป็นการนำ Seiken Densetsu ไปแปลออกบน Gameboy เช่นกัน ต่อด้วย Final Fantasy Mystic Quest เกมที่สร้างขึ้นใหม่โดยปรับรูปแบบการเล่นให้เข้ากับตะวันตก ต่อด้วย Final Fantasy 2 (ฉบับ USA) ที่นำภาค 4 ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ ตามด้วย Final Fantasy 3 (ฉบับ USA) ที่เอาภาค 6 มาเปลี่ยนชื่อ แต่ผลตอบรับไม่ค่อยดีนักทำให้ทีมงานมีแนวคิดว่า อยากจะนำรูปแบบการเล่นแนว JRPG ไปใส่ในซีรีส์ที่โด่งดังอยู่แล้วอย่าง Mario น่าจะเข้าถึงคนได้มากกว่า

เริ่มต้นจับมือกับ Nintendo

อย่างที่บอกไปว่าเพราะว่าการมาของเกมเกิดจากเจตนารมณ์ของทั้ง 2 ค่ายตรงกันพอดีทำให้เกิดการร่วมงานกันสร้าง Mario อยู่ในโลกของเกม RPG โดยในตอนแรกทีมงานได้ออกแบบให้ลุงหนวดเป็นตัวละคร 2 มิติแบน ๆ แบบ Final Fantasy ในยุคนั้น แต่ได้เปลี่ยนเป็นกราฟิก Pre Render แบบเดียวกับ Donkey Kong Country แทนในภายหลัง และด้วยการที่ต้องใช้กราฟิกระดับสูงเกินหน้าสเปกเครื่อง ทำให้ต้องมีการใช้ชิป SA1 ใส่ในตลับเกมเพื่อให้ Super Mario RPG มีกราฟิกที่ดูดีที่สุด

และทีมงานได้เปลี่ยนมาใช้มุมกล้องแบบเฉียงทำให้ฉากดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งก็เข้ากับเกมแนว Mario ที่ตัวละครต้องกระโดดไปบนพื้นผิว ซึ่งในเกมมีการใส่ฉากที่ต้องกระโดดไปเยอะมาก ถือว่าเป็นการผสมผสานความเป็น Mario เข้าไปแบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นฉากหลักที่ผู้สร้างใส่อุปสรรคเช่นพื้นเลื่อนมาให้เราต้องกระโดดที่แฟนลุงหนวดต้องคุ้นเคยแน่ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่นอาวุธหลักของ Mario ให้ใช้ค้อนแทนดาบ เพราะมิยาโมโตะคิดว่าดาบไม่เหมาะกับ Mario ทำให้ทีมงานเลือกใช้ค้อนที่ลุงหนวดของเราเคยใช้งานในเกม Donkey Kong น่าจะดีกว่า

ต่อเนื่องด้วยระบบต่อสู้หลัก ๆ จะเป็นแนวเทิร์นเบส RPG ใส่คำสั่งที่เรียบง่ายและเห็นศัตรูบนฉากเป็นตัวเลยทำให้ผู้เล่นเลือกที่จะเดินหลบได้ และที่ทำให้มันสนุกจนเป็นตำนานคือในฉากต่อสู้ที่ใส่ความเป็นแอ็กชันเข้าไปสูงมาก เพราะเราสามารถบังคับตัวละครได้มากกว่าเกมแนว RPG ทั่วไปเช่นการกดปุ่มซ้ำเพื่อโจมตีต่อเนื่อง หรือกดป้องกันการโจมตีซึ่งเป็นจุดเด่นของซีรีส์นี้มาตลอด

ประสบความสำเร็จแต่ไม่มีภาค 2 แถมมีดราม่า

การรวมทีมกันระหว่าง Nintendo กับ Square ก็ประสบความสำเร็จตามคาด เพราะเกมเพลย์ที่ปรับให้มีความเป็นแอ็กชันเข้าใจง่าย และตัวละครจากซีรีส์ Mario ที่แฟน ๆ คุ้นเคยก็มีการใส่เข้ามา บวกกับเรื่องราวที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากต้นฉบับ ที่ใครเคยเล่นคงจะจำได้เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เล่นเป็นคุปป้าตัวร้ายหลักที่ภาคนี้ต้องร่วมมือกับ Mario

และด้วยความสนุกของเกมทำให้นักวิจารณ์ต่างยกย่องว่ามันเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดในยุคนั้น แน่นอนว่ามันขายดีพอตัวทำยอดขายไป 2.1 ล้านชุดแต่ก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับซีรีส์ RPG เกมอื่นในยุคนั้น และก็ไม่ได้มีการสร้างภาคต่อโดยตรงออกมา ทั้งที่เคยมีการเปิดภาพของ Super Mario RPG 2 ออกมาแล้ว คำตอบก็ไม่ยากเพราะว่าค่าย Square หันไปจูบปากกับ Sony ทำเกมลง PS1 แทนแล้ว

นอกจากนี้ยังมีดราม่าเกี่ยวกับตัวละครในเกมเพราะ Super Mario RPG เป็นการร่วมงานกันของ 2 ค่ายใหญ่ ทำให้มีการอ้างสิทธิ์ตัวละคร Geno ที่เป็นหุ่นกระบอกที่มีการอ้างว่าเป็นผลงานของ Square เพราะว่าหลังจากนั้นปู่นินเอาภาพของ Geno ไปอยู่ในเมนูเกม Mario & Luigi: Superstar Saga ทำให้ปู่นินต้องเอาออกในภาครีเมก อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น Geno ได้อยู่ในเกม Super Smash Bros. (เป็นสกินของ Mii Fighters) และกลับมาในภาค Remake แปลว่าทั้ง 2 ค่ายตกลงกันได้แล้ว

ไม่ได้สร้างภาคต่อแต่กำเนิดซีรีส์ใหม่แทน

เพราะว่าทั้ง 2 ค่ายไม่ได้ร่วมงานกันแล้วทำให้ Nintendo ตัดสินใจสานต่อลุงหนวดในรูปแบบ RPG ด้วยตัวเอง โดยการเปิดซีรีส์ใหม่ในชื่อ Paper Mario ที่รูปแบบหลัก ๆ จะเหมือน Mario RPG แต่เปลี่ยนกราฟิกให้เป็นกระดาษทั้งตัวละครและฉาก ทำให้มันดูแปลกและโดดเด่นมาพอจนมีการออกภาคต่อมาหลายเกม และดูเหมือนว่าจะไม่พอเพราะว่ายังมีการออกซีรีส์ RPG บนเครื่องพกพาด้วย

และมันคือ Mario & Luigi: Superstar Saga ที่ออกวางขายบน Gameboy Advance แถมยังได้ทีมงานบางส่วนจาก Square มาสร้างให้ด้วย ที่เกมเพลย์ก็จะเหมือนกันแต่กราฟิกจะเป็นพิกเซล 2 มิติแบบปรกติไม่ได้เป็นกระดาษแต่เสริมความสนุกและแปลกใหม่เช่นบางภาคจะได้เล่นอยู่ในท้องของคุปป้า แถมมีการออกมาหลายภาคมากแต่จะออกบนเครื่องพกพาเท่านั้น

เชื่อว่าการกลับมาของเกม Super Mario RPG เวอร์ชัน Remake หากมันขายดีแบบถล่มทลายทำยอดเกินต้นฉบับ อาจจะทำให้มีการสร้างภาคต่อจริง ๆ ของมันออกมา เพราะในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างปู่นินกับ Square Enix กลับมาดีกันเหมือนเดิมแล้ว และอาจจะเป็นการบอกไปยังผู่สร้างว่าเกมแนว RPG แบบเทิร์นเบสยังไม่ตาย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส