[รีวิวเกม] Sonic Frontiers ดินแดนใหม่ของเม่นสายฟ้าแบบ OpenWorld ที่เกือบจะดีแล้ว
Our score
7.0

Sonic Frontiers

จุดเด่น

  1. มีโลกกว้าง ๆ ที่สำรวจได้ทั่ว
  2. เกมเพลย์ผสมผสานหลายรูปแบบ

จุดสังเกต

  1. หลากหลายรูปแบบแต่สนุกไม่สุดสักทาง
  2. กราฟิกบน Nintendo Switch ดูด้อยกว่าคอนโซลอื่นมาก

สำหรับแฟน ๆ เกมคลาสสิกแล้วคงจะรู้จักตัวละครของค่าย SEGA อย่าง Sonic the Hedgehog ที่เปิดตัวครั้งแรกบน MegaDrive ในปี 1991 และมีการสร้างภาคต่อออกมาตลอด 30 กว่าปี แต่พักหลัง ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าทาง SEGA จะไม่ถอดใจยังคงออกภาคใหม่มาและพยายามคิดรูปแบบการเล่นที่แปลกใหม่เข้าไป จนเป็นที่มาของ Sonic Frontiers เม่นสายฟ้าที่มาแนว OpenWorld ครั้งแรกของซีรีส์ และยังคุยว่าจะเปิดประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนให้แฟน Sonic ได้ตื่นตะลึง ถือว่ายิ่งทำให้แฟน ๆ คาดหวังไว้สูงมาก โดยการมาครั้งนี้ออกบนคอนโซล Nintendo Switch, PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox One, Xbox Series X, Series S และบน PC ด้วยเรียกว่ามาแบบครบ ๆ

โดยเรื่องราวในเกม Sonic Frontiers เกิดขึ้นระหว่างการท่องไปในโลกกว้างของ Sonic, Tails และ Amy Rose ที่ระหว่างบินบนท้องฟ้าเครื่องบินของ Sonic ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ และหลุดเข้าไปยังดินแดนใหม่นาม Starfall Islands เกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ แม้แต่ตัวร้าย Dr. Eggman ก็โดนดูดเข้ามาด้วย ทำให้เราต้องหาทางกลับสู่โลกด้วยการรวมรวมเพชร Chaos Emeralds และค้นหาเพื่อน ๆ ที่หายตัวไป

กราฟิกดูดีสำหรับเกมที่มีโลกกว้าง

สัมผัสแรกของการเข้าสู่โลกกว้างของ Sonic ถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก แม้ว่ารายละเอียดของฉากจะไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ทำออกมาได้สวยงามพอตัว เพราะพื้นผิวและองค์ประกอบฉากมีความละเอียดและแสงเงาที่สมจริง และความโดดเด่นสุด ๆ คือความกว้างของฉากที่ทำออกมาได้กว้างมาก และยังเดินทางไปได้ทั่วที่ดีงามคือตวามลื่นไหลไม่มีการโหลดหรือกระตุก ทำให้เกมเพลย์ลื่นไหลมาก

อย่างไรก็ตามหากมองกันให้ดีในฉากจะดูโล่ง ๆ และใช้องค์ประกอบซ้ำไปมากอยู่บ้าง แต่สำหรับเกมที่เน้นความเร็วแล้วกราฟิกระดับนี้ทำได้ดีมากแล้ว และสำหรับคอนโซลที่สเปกไม่แรงอย่าง Nintendo Switch ทำได้ดีกว่าที่คิด แม้ว่ารายละเอียดมันจะดูด้อยกว่า PS4, PS5 อย่างเห็นได้ชัดแต่มันก็ยังคงได้รับประสบการณ์เดียวกัน และมีโลกกว้าง ๆ ให้สำรวจเหมือนกัน

ส่วนเพลงประกอบใน Sonic Frontiers ดูเหมือนว่าทีมสร้างจะพยายามคิดให้แตกต่างเช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าแต่งเพลงออกมาได้เข้ากับเกมเพลย์ใหม่ที่มีโลกกว้าง ๆ ให้สำรวจ เพราะมีการใช้ความเงียบที่เน้นเสียงของธรรมชาติในฉาก และเมื่อเจอศัตรูก็จะใส่ธีมที่สนุกเร้าใจ และในฉากที่ใช้ความเร็วสูงแบบเดิมของซีรีส์ Sonic ก็มีการใส่เพลงแนวเดิมที่เราคุ้นหูเข้ามาด้วย เสียงพากย์ของตัวละครก็มีมาให้ เรียกว่าไม่ได้โดดเด่นแต่ก็ไม่ได้ดูแย่

เกมเพลย์โลกกว้างให้สำรวจแบบจัดเต็ม

อย่างที่รู้กันว่าเกมเพลย์ Sonic Frontiers มาแนวโลกกว้างแบบ Open World เป็นครั้งแรกของซีรีส์ ในตอนแรกก็เชื่อว่ามีแฟนเกมหลายคนคงคิดไม่ออกว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน แต่พอได้สัมผัสแล้วมันก็คือแนวโลกกว้างอย่างแท้จริง เพราะดินแดนใหม่ที่เม่นสายฟ้าจะได้สำรวจกว้างใหญ่อย่างน่าทึ่ง และเรายังเดินทางไปได้ด้วยความเร็วสูงเหมือนเดิมด้วย

ฉากหลักในเกมบนเกาะ Starfall Islands แบ่งออกเป็น 5 ฉาก ที่มีภูมิประเทศที่แตกต่างกัน มีทั้งดินแดนที่ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าแบบเกม Sonic ทั่วไป และยังมีดินแดนทะเลทราย หรือภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยลาวาที่ร้อนแรง แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยศัตรูมากมายที่เกมเพลย์ในส่วนนี้จะเหมือนกับแอ็กชันที่มีโลกกว้าง ๆ ทั่วไป

ผู้สร้างยังเสริมในฉากหลักด้วยของเล่นจากซีรีส์ Sonic ไม่ว่าจะเป็นพื้นเลื่อน หรือลู่วิ่งที่ทำให้เราพุ่งตัวไปด้วยความเร็วสูงที่น่าทึ่งมาก ๆ เพราะมันสามารถวิ่งด้วยความเร็วแสงในฉากกว้าง ๆ รวมทั้งกระโดดไปที่สูงระดับตึกระฟ้าได้ภายในพริบตา ถือว่าเป็นส่วนที่ต้องชมว่าผู้สร้างทำได้ดี ที่ในฉากจะมีระบบกลางวันกลางคืนและมีภูมิอากาศที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นมีฝนตกซึ่งจะส่งผลกับเกมเพลย์ในบางจุดด้วย

แอ็กชันที่สนุกไม่ทิ้งความเป็น Sonic

ส่วนของระบบเกมเพลย์ถือว่าเป็นการผสมผสานของเก่าและของใหม่เข้าด้วยกัน เพราะจะมีการแบ่งฉากเป็น 2 รูปแบบ แน่นอนว่าแบบแรกคือ Open World ที่เราต้องวิ่งสำรวจฉากกว้าง ๆ เพื่อเก็บรวบรวมไอเทมไว้ปลดล็อกฉากและเปิดทางไปต่อ เช่นหัวใจหรือกุญแจ ที่ในฉากจะมีศัตรูหลากหลายรูปแบบรอต่อกรกับเราอยู่ และมีทั้งตัวเล็กแต่โจมตีเร็วและรุนแรง และตัวใหญ่ยักษ์ระดับไททันที่เราต้องไต่ไปบนตัวมันเพื่อต่อสู้คล้ายกับเกม Shadow of the Colossus

อีกส่วนของเกมเพลย์ใน Sonic Frontiers จะใช้แนวทางเดิมของเม่นสายฟ้า ที่จะเป็นฉากพิเศษไม่เกี่ยวกับฉากหลักที่จะอยู่ตามแท่นหินบนฉากโลกกว้างที่เมื่อกดเข้าเล่นไปจะพบกับฉากคลาสสิกทั้งแบบ 2 มิติและ 3 มิติของเกม Sonic แบบเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคยและเราต้องวิ่งเข้าเส้นชัยพร้อมกับเก็บสถิติให้ดีที่สุดเพื่อปลดล็อกกุญแจไว้ปลดล็อกฉาก ถือว่าส่วนนี้ทำได้ดีเป็นการไม่ทิ้งความดีงามเดิมของซีรีส์มาผสมกับของใหม่ได้ลงตัว แต่การต้องกลับมาเล่นซ้ำเพื่อเก็บของให้ครบอาจจะทำให้น่าเบื่อบ้าง

ระบบอัปเกรดตัวละครและท่าไม้ตายคือจุดเด่นที่น่าสนใจ เพราะอัปเกรดได้หลากหลายพอตัว และ Sonic มีท่าไม้ตายใหม่สุดโหดที่บางท่าไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์เม่นสายฟ้า และที่ชอบมากคือท่าที่เราต้องวิ่งรอบตัวศัตรูที่จะเป็นการโจมตีและยังใช้แก้ปริศนาหรือหาไอเทมได้ด้วย และยังมีอีกหลายท่ารอให้เราปลดล็อกที่ผู้เล่นต้องจดจำการกดท่าให้ดีเพราะมันจำเป็นอย่างมากในการเล่น และยังมีระบบเลเวลด้วย ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนที่ไม่เสียของและทำให้อยู่กับเกมได้ยาวนานขึ้น

อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อเสีย เพราะรูปแบบการเล่นทั้งหมดทำได้ไม่สุดสักทาง เกมเพลย์แม้พยายามจะคิดใหม่ให้แตกต่างแต่ก็ยังคงอยู่ในกรอบของเกม Sonic อยู่ อีกทั้งภารกิจในเกมที่จำเป็นต้องเล่นให้ผ่านบางครั้งก็ชวนน่าเบื่อมากกว่าสนุก ส่วนเกมเพลย์ในฉากคลาสสิกของ Sonic ก็ดูเชยไปแล้วสำหรับมาตรฐานในยุคนี้

โดยรวมการกลับมาของเม่นสายฟ้าใน Sonic Frontiers ถือว่าเป็นความพยายามของ SEGA ในการหาแนวทางใหม่ของซีรีส์เก่าแก่อายุกว่า 30 ปีแม้จะมีข้อเสียอยู่พอสมควร แต่ก็ถือเป็นการมาถูกทางและหากมันมีภาคต่อและปรับให้สมดุลและดีกว่านี้มันอาจจะหนึ่งในเกมยอดเยี่ยมก็เป็นไปได้ แต่สำหรับภาคนี้อาจจะแค่สอบผ่านเล่นได้เพลิน ๆ แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นให้จดจำ

https://youtu.be/CuTcBAkyNL4

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส