[รีวิวเกม] ‘Apollo Justice: Ace Attorney Trilogy’ รวมฮิตเกมทนายในตำนาน
Our score
8.0

Apollo Justice: Ace Attorney Trilogy

จุดเด่น

  1. รวมฮิต 3 เกมทนายในตำนานในชุดเดียว
  2. ปรับกราฟิกและเพิ่มระบบใหม่ให้เล่นง่ายขึ้น

จุดสังเกต

  1. ยังคงเป็นเกมเฉพาะกลุ่มที่ต้องชอบจริง ๆ
  2. สิ่งที่เพิ่มเข้ามาน้อยไปหน่อย

หากจะพูดถึงเกมแนวทนายความแฟนเกมคงจะนึกถึงเกมซีรีส์ ‘Ace Attorney’ ที่วางขายมายาวนานกว่า 20 ปีโดยต้นฉบับภาคแรกออกบน Gameboy Advance และมีการสานต่อออกภาคใหม่มาตลอด แม้อาจจะไม่ได้โด่งดังเท่าเกมอื่นแค่ก็มีแฟนกลุ่มใหญ่มากพอที่จะมีการสานต่อเรื่องราว

และล่าสุดทาง Capcom ได้ประกาศเปิดตัว ‘Apollo Justice: Ace Attorney Trilogy’ ภาครวมฮิตที่ยำรวมเอาเกม ‘Apollo Justice: Ace Attorney'(NDS), ‘Phoenix Wright: Ace Attorney – Dual Destinies'(3DS), และ ‘Phoenix Wright: Ace Attorney – Spirit of Justice'(3DS) และยังรวมเอา DLC เสริมเข้ามาด้วย โดยเกมวางขายบน PS4, Nintendo Switch, XBoxone และ PC

ส่วนเนื้อเรื่องในเกมก็จะเดินตามรอยเกม 3 ภาคที่เอามารวมกันโดยไม่ได้ปรับแต่งเสริมอะไรใหม่นอกจาก DLC เนื่องจากเป็นการพอร์ตไม่ใช่รีเมก แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมีความเข้มข้นในแต่ละภาคที่เริ่มตั้งแต่ตัวเอกเป็นทนายความหน้าใหม่ และยังมาพร้อมกับการ์ตูนที่มีคัตซีนงาม ๆ มาให้ชมพร้อมเกมเพลย์ที่เหมือนได้ดูการ์ตูนไปตลอดการเล่นด้วย

กราฟิกปรับเล็กน้อยแต่ยังดูดี

ภาพในเกมถือว่ามีการลงทุนเล็กน้อย เพราะไม่ได้ยกเอาของเดิมมาทั้งดุ้น เพราะต้นฉบับเกมไม่ได้มีความละเอียดระดับ HD เพราะออกบนเครื่องพกพารุ่นเก่า ทำให้มีการปรับให้คมชัดมากขึ้น และถือว่าดูดีเหมาะสมกับแนวทางการเล่นที่เน้นการอ่านเพื่อทำเนื้อเรื่องอยู่แล้ว และเนื่องจากตัวละครในเกมมาแนวการ์ตูนทำให้มันยังคงเล่นได้ไม่ดูเชย

ที่หากไม่นับภาค ‘Apollo Justice: Ace Attorney’ แล้วฉากและตัวละครของ 2 ภาคหลังถูกสร้างด้วยโพลิกอน 3D ที่ทำให้การเคลื่อนไหวดูลื่นไหล และเนื่องจากเกมไม่ได้ยกเอาภาคที่เก่าเกินไปทำให้โดยรวมภาพในเกมไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป ส่วนเพลงและเสียงประกอบเป็นจุดที่ไม่มีอะไรให้ติเพราะทำออกมาดีเหมาะกับเกมเพลย์ที่เน้นสืบสวนต่อสู้กันในศาล และยังมีเสียงพากย์ด้วยแม้จะไม่ได้มีทุกฉากก็ตาม

เกมเพลย์เข้าใจไม่ยากแต่ต้องอ่านเยอะ

รูปแบบการเล่นหากคุณเคยสัมผัสมาก่อนก็ไม่ต้องบอกอะไรมาก ไปหามาเล่นได้เลยเพราะมันก็เหมือนเดิมเนื่องจากมันคือการรวมฮิตแบบปรับกราฟิกนิดหน่อย แต่หากคุณไม่เคยเล่นมาก่อนและสนใจ ก็ต้องทำความเข้าใจสักหน่อย เพราะว่าเกมซีรีส์ ‘Ace Attorney’ คือเกมแนวสืบสวนสอบสวนที่ต้องใช้ความสามารถทางภาษา (อังกฤษ) ค่อนข้างสูงเพราะต้องอ่านข้อความจำนวนมาก รวมทั้งต้องหาเบาะแสหาหลักฐานแล้วเอาไปประกอบการทำคดีในศาล

เกมเพลย์โดยรวมจะเรียบง่ายที่มีทั้งในศาลและตามสถานที่เกิดเหตุ ที่ในบางฉากเราจะได้สำรวจด่านด้วยแต่จะนำเสนอแบบการเลือกคำถามตำตอบ และการสำรวจฉากหรือสิ่งของด้วยการเลื่อนลูกศรในฉากเหมือนเกมแนวที่เน้นสำรวจทั่วไป ซึ่งจะมีความโดดเด่นที่ระหว่างการต่อสู้กันในศาลจะมีจุดที่เราต้องคอยฟังคำพูดของผู้ต้องหาและคอยหาจังหวะจับผิดที่เราจะสามารถกดเรียกหยุด “Hold it” หรือ “Objection!” เวลาต้องการคัดค้าน

เนื้อหาสนุกมีของใหม่เพิ่มนิดหน่อย

นอกจากนี้ผู้เล่นต้องหาข้อมูลจากหลักฐานที่เรามีเช่นภาพถ่ายศพในที่เกิดเหตุหรือสิ่งของที่อาจจะเป็นอาวุธ ผ่านเนื้อเรื่องแนวการ์ตูนที่หลายครั้งอาจจะมีอะไรที่ดูหลุดโลก ซึ่งมันเป็นเสน่ห์ของซีรีส์เกมทนายมาตั้งแต่ภาคแรก อย่างไรก็ตามก็อย่างที่บอกไปว่ามันต้องนั่งอ่านและตีความ ทำให้ผู้ที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษอาจจะงงเล็กน้อย แต่ยุคนี้เราสามารถหาคู่มือแนะนำการเล่นได้ยิ่งเกมนี้เป็นการนำภาคเก่ามารวมฮิตทำให้มีคนทำคู่มือไว้นานแล้ว

ส่วนของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาครวมฮิตนี้คือระบบการเลือกฉากที่ไม่ใช่แค่เลือกตัวเกมที่แบ่งเป็นภาค ผู้เล่นยังสามารถเลือกตอนที่อยากเล่นได้ตามใจตั้งแต่ต้นจนฉากสุดท้ายโดยไม่ต้องรอปลดล็อก และข่าวดีสำหรับคนที่ไม่อยากเล่นแต่อยากเสพเนื้อเรื่อง ภาคนี้ได้ใส่โหมด “Story” ที่เมื่อกดเลือกในเมนูแล้วเกมจะเล่นแบบอัตโนมัติเรามีหน้าที่นั่งชมเท่านั้น ใครไม่อยากปวดหัวมานั่งอ่านแล้วตีความแนะนำให้เลือกโหมดนี้

ปิดท้ายกับโหมดรวมเอาของที่เอาใจแฟนตัวจริงซีรีส์เกมทนายเช่นเพลงประกอบของทั้ง 3 ภาคมาให้เลือกฟัง และมีภาพงานออกแบบงาม ๆ ที่อยู่ในโหมดพิพิธภัณฑ์ และยังมาพร้อมโหมดตกแต่งภาพที่ผู้เล่นเอาฉากสำคัญในเกมมาแต่งเพิ่มเติมได้ด้วย ถือว่าเป็นของแถมเล็กน้อยที่ไม่ได้เป็นของแปลกอะไรเพราะว่าเกมรวมฮิตต้องใส่เข้ามาอยู่แล้ว

สำหรับแฟนซีรีส์เกมทนายความการมาของ ‘Apollo Justice: Ace Attorney Trilogy’ การรวมฮิตของ 3 ภาคคลาสสิกถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะเกมเพลย์ของเดิมถือว่าดีอยู่แล้วเพิ่มการปรับกราฟิกเล็กน้อยเข้าไป รวมทั้งมีโหมดใหม่ให้เล่นด้วย แต่หากไม่เคยเล่นอยากจะมาเริ่มกับภาคนี้ถือเป็นเรื่องดีเพราะถือว่าเข้าใจง่ายและมีโหมด Story ที่จะเล่นแบบอัตโนมัติด้วย แถมราคาขายถือว่าไม่ได้แพงมากด้วยถือว่าเป็นก้าวแรกสู่โลกของซีรีส์ Ace Attorney’ ได้เป็นอย่างดี

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส