Our score
8.0

[Review] Metal Gear Solid Δ: Snake Eater ความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่ทำลาย “ต้นฉบับ”

จุดเด่น

  1. ยึดมั่นในจิตวิญญาณ Snake Eater ดั้งเดิมทั้งเรื่องราวและตัวละคร
  2. ระบบควบคุมและ UI ที่ทันสมัยมากขึ้นตอบโจทย์ผู้เล่นยุคใหม่
  3. เสน่ห์และเอกลักษณ์ในเกมต้นฉบับ ยังคงอยู่เหมือนเดิม

จุดสังเกต

  1. สำหรับผู้ที่ไม่ติด nostalgia อาจรู้สึกเกมดูเก่าเกินไป และผิดหวัง Gameplay ในบางช่วง
  2. AI และระดับความยากบางช่วงอาจยากต่อการเล่น หรือไม่ท้าทายพอ ถ้าเล่นแบบ Normal
  • GAMEPLAY

    7.0

  • GRAPHICS

    8.0

  • STORY

    9.0

  • PERFORMANCE

    8.0

ในปี 2004 หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเกม ด้วยการมาของ PlayStation 2 เครื่อง Console ที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากกับวงการเกม ที่ได้ขยายขอบเขตและจินตนาการของเหล่านักพัฒนาให้ได้มีโอกาสใหม่ ๆ ในการถ่ายทอดสิ่งที่พวกเขาต้องการออกมาได้ดีกว่าเดิม

Hideo Kojima ชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของซีรีส์เกม Action-adventure Stealth อย่าง Metal Gear ที่ได้วางรากฐาน และประสบความสำเร็จมาตั้งแต่ยุค PlayStation 1 ได้ต่อยอดความสำเร็จมาสู่ยุค PS2 กับ Metal Gear Solid 2: Sons of Liberty ก่อนที่จะได้ปล่อย Metal Gear Solid 3: Snake Eater ตามออกมาในยุคเดียวกัน

เดิมทีแล้วนั้น Metal Gear Solid 3: Snake Eater เป็นเกมที่ตังใจจะพัฒนาขึ้นสำหรับ PlayStation 3 แต่ด้วยระยะเวลาที่เป็นข้อจำกัด ทำให้การพัฒนาต้องถูกลดขั้นมาอยู่บน PS2 แทน แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งแนวคิด วิสัยทัศน์ และการนำเสนอของ Snake Eater นั้นยังคงไว้ในรูปแบบเดิม แต่ด้วยความสามารถของ PS2 ที่ในยุคนั้นก็เข้าสู่ยุคปลาย ๆ แล้ว การดึงประสิทธิภาพของเครื่องให้ออกมาถึงจุดสูงสุด นับว่าเป็นความท้าทายต่อทีมงานเป็นอย่างมาก


Snake Eater


จนถึงวันวางจำหน่าย Metal Gear Solid 3: Snake Eater ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสุดยอดผลงานของ Hideo Kojima ที่แฟน ๆ Metal Gear ต่างยกให้ว่า เป็นงานชิ้นเอกของเขาเลยล่ะ

Snake Eater นั้นได้เปลี่ยนแนวทางของ Metal Gear ไปตลอดกาล และได้วางรากฐานให้กับเกมอื่น ๆ ที่ตามมาในซีรีส์ของตัวเอง อีกทั้งยังได้รับการยอมรับ และกลายเป็นที่รู้จักให้กับเหล่าเกมเมอร์หน้าใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยสัมผัสซีรีส์นี้มาก่อนอีกด้วย เอาเข้าจริงแล้วเกมนี้ถูกหยิบมา Remaster อยู่บ่อยครั้ง ทั้งในส่วนของ HD Edition บนเครื่อง PS3 และ Xbox 360 และยังมีการเอาไปลงเครื่องพกพาอย่าง PS Vita และมีการทำ Snake Eater 3D มาไว้บน 3DS อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเวอร์ชันตู้ปาจิงโกะ ที่เราอาจจะไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันนะครับ

เป็นที่รู้กกันดีว่า Hideo Kojima นั้นได้แตกหักกับ Konami อย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่อย่างไรก็ตาม ลิขสิทธิ์ของ Metal Gear ก็ยังคงอยู่กับ Konami เป็นเรื่องเศร้าที่เราคงไม่ได้เห็น Metal Gear ภาคใหม่ ๆ กันอีกแล้ว แต่ถึงแบบนั้นในยุคนี้ ยุคที่วงการเกมเริ่มจะนิยมนำเกมเก่ามาปัดฝุ่น เอามาสร้างใหม่ หรือที่เรียกกันว่า “Remake” นั้น ค่อนข้างได้รับความนิยมมาก Metal Gear Solid 3: Snake Eater เองก็เป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่ถูกแฟน ๆ ต่างกันเรียกร้องให้นำกลับมาทำ Remake จนในที่สุด Metal Gear Solid Delta: Snake Eater ก็ได้ถูกปล่อยออกมา

โดยงานชิ้นนี้นั้นถือว่าเป็นการกลับมาตั้งลำใหม่ของ Konami หลังจากที่ประสบความสำเร็จไปกับ Silent Hill 2 Remake และดูเหมือนว่าทิศทางใหม่ ๆ และการนำเอาเกมเก่ากลับมา Remake จะเป็นเหมือนหนทางที่ Konami จะเลือกใช้ไปอีกสักพัก แต่ถึงแบบนั้นก็ต้องบอกตามตรงว่า ผลงานล่าสุดอย่าง Metal Gear Solid Delta: Snake Eater นั้นอาจจะเป็นผลงานที่ไม่น่าชื่นชมนัก ถ้าหากเรามองในมุมมองของเกมเมอร์ยุคนี้ครับ


Story


Metal Gear Solid Delta: Snake Eater จะเล่าเรื่องถึงยุคสงครามเย็นในช่วงปี 60s ที่อ้างอิงจากประวัติศาสตร์จริง แต่ถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทของเนื้อเรื่องในเกม และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดใน Metal Gear ทุกภาค เราจะได้เรียนรู้ถึงเรื่องราวของตัว Naked Snake และ The Boss รวมไปถึงตัวละครสบทบอื่น ๆ อย่าง Ocelot, Eva ซึ่งเรื่องราวในเกมนี้ ยังคงเป็นเกมเดิม เมื่อ 19 ปีที่แล้วไม่มีเปลี่ยนแปลงครับ

การเล่าเรื่อง คัทซีน บทพูด มุมกล้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มีการปรับซีนในบางฉากบ้าง และโดยรวมเกือบทั้งหมดยังเป็นเหมือนเดิม แม้กระทั่งการเล่าเรื่องผ่านวิทยุ Codec ก็ยังคงเหมือนเดิม การวาง sequence ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งเสียงพากย์ ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เป็นเสียงชุดเดิมที่ใช้ไปในปี 2004 เลยล่ะ


Gameplay


Metal Gear Solid Delta: Snake Eater ได้นำเสนอ 2 ระบบโหมดควบคุม Legacy และ Modern ที่จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้เล่นยุคเก่าและใหม่ เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ Legacy Mode คือการควบคุมแบบดั้งเดิม และยังคงรูปแบบ gameplay เหมือนดั้งเดิม มีการใช้มุมกล้องจากด้านบนแบบเกมสองภาคแรก

แต่ในโหมด Modern นั้น จะเป็นการเปลี่ยนเกมให้มาอยู่ในมุมมองแบบ 3rd Person (แบบเดียวกับ MGS 5) พร้อมกับปรับปรุงการควบคุมให้เข้ากับสมัยใหม่แทนครับ

แน่นอนว่าไม่ว่าเราจะเล่นโหมดไหน เราก็ยังคงได้เล่นเกมเดียวกัน แต่ต่างกันแค่ระบบการบังคับกับ Gameplay ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แล้ว สองโหมดนี้มันให้ความรู้สึกการเล่นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ผมกลับรู้สึกว่าใครที่เคยเล่นมาแล้ว ก็ขอให้ลองเล่น Modern ดู ส่วนใครที่ยังไม่เคยเล่น ผมแนะนำให้ลอง Legacy ครับ เพราะพูดตามตรงเลยว่า Metal Gear Solid ยุคแรก (ภาค 1-3) ตัวเกมมันถูกออกแบบมาให้เล่นแบบนี้จริง ๆ นะ

ระบบอื่น ๆ อย่างการล้อบเล้น ระบบ camouflage ที่ภาคนี้สามารถเปลี่ยนไปมาได้ตลอดเวลา ระบบหิวและบาดเจ็บ ทุกอย่างยังอยู่ครบ เอาเข้าจริงคือมันเหมือนเดิมหมดเลย มีเพียงแค่ปรับ QOL ให้รู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย


เก่าไป ? ใหม่ไป ?


อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เกมมันถูกวางแนวคิดด้วย Logic ของทีมพัฒนาในสมัยก่อน เมื่อมันมาถูกนำเสนอในยุคนี้ ก็อาจจะทำให้เกมเมอร์ยุคใหม่ ๆ งงกันได้ เป็นอย่างที่รู้กกันดีกว่า Metal Gear Solid นั้นมันเป็นเกม Action Adventure ที่จุดขายคือระบบ Stealth ไม่ใช่เกม Action เดินหน้ายิงทั่ว ๆ ไป

และสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า บางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ ก็คือการโหลดฉากภายในเกม ต้องขอย้ำตรงนี้อีกครั้งเลยว่างาน Remake ของ Metal Gear Solid Delta: Snake Eater มันคือการนำเอาเกมเก่า กลับมาทำใหม่ แบบ 100% จริง ๆ แม้กระทั่งการโหลดฉากในเกม โดยใครที่เคยเล่นภาคต้นฉบับมาก็อาจจะพอนึกภาพออก และเจ้าเวอร์ชัน Remake นี้ มันก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ทุกฉากโหลด ทุกสถานที่ ทุกจุดต่าง ๆ มันเหมือนเดิม 100% ตรงจุดนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าโดนตัดขาดระหว่าง Gameplay ซึ่งเอาเข้าจริงกับเกมปี 2025 มันไม่ควรจะมีอะไรแบบนี้แล้ว

แต่สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้น ก็เพราะ Metal Gear Solid Delta: Snake Eater ถูกพัฒนาขึ้นตามแนวคิดของทีมงาน ที่ต้องการจะให้งานชิ้นนี้เป็นการทำขึ้นเพื่อเคารพคุณ Hideo Kojima ที่ได้ทำเอาไว้จริง ๆ การที่ตัวเกมไม่ได้มีการเปลี่ยน
sequence การเล่าเรื่อง หรือแม้แต่ sequence ของ Gameplay เลย ก็เหมือนจะเป็นการเลือกทางที่ปลอดภัยสำหรับทีมงาน แต่ในอีกมุมนึงถ้าเราจะมองว่ามันเป็นการทำเพื่อเคารพ ก็อาจจะได้เช่นกัน

Metal Gear Solid Delta: Snake Eater ถูกรันบน Unreal Engine 5 สุดยอด Engine ที่หลาย ๆ ค่ายเริ่มนิยมเอามาใช้งานกัน ผลลัพธ์คือ ภาพสวยจัดเอียดทุกพื้นผิว ใบไม้เปียกฝน โคลนเลอะสมกับอยู่ในป่า ฉากมีชีวิตชีวา ทุกอย่างดูสมจริง แต่ถึงแบบนั้นก็มีปัญหาตามมา ซึ่งมันก็คือตัว Unreal Engine 5 นี่เอง ที่สร้างปัญหาเรื่องการ Optimize สุดแย่เอาไว้ และดูเหมือนว่าปัญหานี้ผู้เล่นบน PC จะเจอกัน แต่ถึงแบบนั้นตัวเกมที่ผมใช้รีวิวครั้งนี้อยู่บน PS5 ก็เลยไม่ได้พบเจอปัญหาใด ๆ

เรื่องของ AI ภายในเกมนั้น ถ้าหากใครที่เล่นภาคต้นฉบับมาแล้วคิดว่ามันจะถูกปรับปรุง ผมก็ต้องบอกตรงนี้เลยว่า มันยังคงเป็นเหมือนเดิมเลย ฉาก Boss Fight ก็ยังคงเหมือนเดิม และถ้าหากคุณยังคงจำ แพทเทิร์น การเล่นแบบเดิม ๆ ได้ ไอ่สกิลการเล่นเกมของคนยุคเก่า ๆ ก็เอามาใช้ในนี้ได้เหมือนเดิม จังหวะการเล่นเกมนี้ยังคงเหมือนเดิม การใช้ท่า CQC ที่พลาดได้ง่าย ๆ ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เอาเข้าจริง ๆ ถ้าหากจะให้วัดเทียบกับ MGS 5 แล้ว ต้องบอกตามตรงว่า Gameplay ของ Metal Gear Solid Delta: Snake Eater นั้นยังทำได้ไม่ดีเท่า และดูตกยุคมากกว่าอีกด้วยซ้ำไป

แต่อย่างไรก็ตาม Metal Gear Solid Delta: Snake Eater ถูกพัฒนาขึ้นโดย “จงใจ” จะไม่ทิ้ง DNA เดิม ๆ ของเกมนี้เอาไว้ ผลงานชิ้นนี้จึงเป็นเหมือนการสร้างความเคารพต่อคุณ Hideo Kojima และเป็นการเปิดประตูให้เกมเมอร์ยุคใหม่ ๆ ได้ลองสัมผัสกับ Metal Gear ในแบบดั้งเดิม ที่มีความ Original สุด ๆ กันในยุคปัจจุบัน ตัวเกมยังยึดมั่นในจิตวิญญาณ Snake Eater ดั้งเดิมทั้งเรื่องราวและตัวละครครับ

แต่ถ้าหากใครที่เล่น Snake Eater กันมาแล้ว ก็อาจจะรู้สึกเหมือนกับได้เจอเพื่อนเก่าที่ห่างไปนาน ที่กลับมาดูดีขึ้น โตขึ้น แต่ภายในก็ยังเป็นเขาคนเดิม แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นใหม่ นี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานขึ้นหิ่งของวงการเกม ที่คุณอาจจะอยากลองสัมผัสมันสักครั้ง ถึงแม้ว่าหลาย ๆ อย่างในเกมมันอาจจะดูเก่า และตกยุคไปบ้าง แต่ผมก็แนะนำให้เปิดใจรับระบบแบบคลาสสิก เพราะนี่คือ “ที่สุดของ Snake Eater” ในยุคปัจจุบันแล้วล่ะ

ความหมายของสัญลักษณ์ “Δ” คือความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่เคยทำลายสิ่งที่เรียกว่าว่า “ต้นฉบับ”