[รีวิว] HYPERCHARGE: Unboxed นี่มัน Toy Story เวอร์ชันเกม FPS ชัด ๆ
Our score
7.9

Platform: PC (Steam), Nintendo Switch Price: 289.-

จุดเด่น

  1. เป็นเกมที่เด่นด้านงานศิลป์นี่คือดีมาก ๆ (ๆ ล้านตัว)
  2. มีอะไรให้ปลดล็อคเยอะมาก ไม่เบื่อง่าย ๆ แน่นอน
  3. เพลงก็ดีนะ

จุดสังเกต

  1. ไม่มีสหายร่วมรบคือจบ ตัวเกมไม่ได้ลด/เพิ่มจำนวนศัตรูให้ตามผู้เล่นในด่าน (ขั้นต่ำคือขอสักคนก็ยังดี)
  2. ระบบเซิร์ฟเวอร์เป็นแบบผู้เล่นเชื่อมต่อกันเอง (Peer-to-Peer) ก็ถ้าไปจอยฝรั่งเล่นกันก็นั่นแหล่ะ อย่างกับ Dr. Strange
  • ระบบการเล่น

    7.5

  • กราฟิก

    7.0

  • งานออกแบบศิลป์

    9.0

  • ความคุ้มค่าและการคุณค่าในการย้อนกลับมาเล่น

    8.0

ถ้าคุณคือเกมเมอร์ที่ในวัยเยาว์ชอบเล่นทหารเขียวตัวเล็ก ๆ เบย์เบลด, หุ่นยนต์, ตุ๊กตุ่น, ฟิกเกอร์ทหาร หรือจะอะไรก็ตามที่มันเป็นของเล่นในอดีตกาล ผู้เขียนขอแนะนำให้รู้จักกับ “HYPERCHARGE: Unboxed” เกมที่จะดึงภาพความทรงจำในวัยเด็กของคุณออกมาให้กลายเป็นเกมร่วมสมัย ซึ่งเราจะนำมารีวิวให้ทุกคนได้รู้จักและตัดสินใจกันว่าจะสอยมาไว้ในคลังดีหรือไม่!?

เนื้อเรื่องคร่าว ๆ ของ HYPERCHARGE: Unboxed

คงบอกได้ไม่เต็มปากว่ามันคือเนื้อเรื่อง แต่เอาเป็นว่ามันคือโครงคอนเซปต์เกมที่ให้ผู้เล่นรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับการเล่น โดยเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้นะทหาร! คุณจะได้รับบทเป็นผลทหารตุ๊กตาฟิกเกอร์ที่มีชีวิต ถูกนายจ่า Max Ammo (ชื่อเท่จริง ๆ!) เกณฑ์ตัวมาเพื่อสู้ในสนามรบบนโลกมนุษย์ที่มีภารกิจอันยิ่งใหญ่เป็นปกป้อง HYPER-CORE จากการบุกของของเล่นชนิดอื่น โดยหากขุมพลังนี้ถูกทำลายลง ไลน์ของเล่น HYPERCHARGE หรือว่าทหารฟิกเกอร์อย่างคุณนั่นแหล่ะ จะถูกทำลายลง และเพื่อนมนุษย์ของคุณจะลืมไปว่าเคยนำคุณไปนอนกอดหรือบังคับจับเล่น

ครับ มีประมาณนี้จริง ๆ (ฮ่า ๆ) ก็ไม่รู้จะให้คะแนนเนื้อเรื่องยังไงดีเหมือนกัน มันไม่มีทั้งเชิงลึก ไม่มีข้อมูลอะไรให้ค้นหาทั้งนั้น แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเนื้อเรื่องไม่ใช่สิ่งที่ HYPERCHARGE: Unboxed นำเสนอ แต่เป็น (อ่านต่อในหัวข้อถัดไปได้เลยจ้า)

“งานกำกับศิลป์” หัวใจหลักของ HYPERCHARGE: Unboxed

ถ้า Toy Story คือภาพยนตร์แอนิเมชันที่ถอดจินตนาการของในวัยเด็กของเราถึงเหล่าของเล่นมีชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยม “HYPERCHARGE: Unboxed ก็จะทำให้คุณได้รับรู้สึกแบบนั้นแต่เป็นในรูปแบบของเกม” ทุก ๆ แมปการเล่นจะเต็มไปด้วยการออกแบบรายละเอียด สภาพแวดล้อม ไม่เว้นแม้แต่ศัตรูในเกม จะเป็นเหมือนการนำภาพนึกคิดจินตนาการที่เรา ๆ มีต่อเหล่าของเล่นในอดีต ออกมาให้ผู้เล่นได้สัมผัสผ่านมุมมองการสวมบทบาทผ่านการเป็นของเล่นเลือดเนื้อพลาสติกผิวพรรณมันเงา

ห้างสรรพสินค้าโซนของเล่นที่มีเชลฟ์ต่างระดับและรถเข็นที่ใช้เติมสินค้า กลายสภาพมาเป็นสนามรบเต็มรูปแบบที่ผู้เล่นจะต้องหลบกระสุนจากทหารเขียวตัวจิ๋วอยู่หลังกองกล่องของเล่น, เตียงนอน, โต๊ะคอม, ชั้นวางหนังสือ คือพื้นต่างระดับที่ผู้เล่นจะต้องใช้แรงกระโดดเป็นอย่างมากในการข้ามไปข้ามมา, ลานสนามหญ้าหลังบ้านที่มีเต็นท์และบ่อเลี้ยงปลา กลายมาเป็นสมรภูมิที่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้สร้างได้เปรียบได้ระหว่างการรบ ฯลฯ

ไม่เพียงเท่านี้ ศัตรูในเกมทั้งหมด ก็เป็นของเล่นที่เราคุ้นตาเป็นอย่างดีในอดีต ลูกข่างไม่สิ เบย์เบลด ที่เคลื่อนที่เข้าหาผู้เล่นได้อย่างรวดเร็วแต่เปราะบาง, หุ่นยนต์ใส่ถ่านที่อึดถีก เคลื่อนที่ได้ช้า แต่มีการโจมตีเป็นระเบิดพลีชีพ ไม่เว้นแม้แต่ตุ๊กตาทีเร็กซ์ขนิดที่มีข้อต่อ ที่เป็นศัตรูระดับโหดสุดในแต่ละด่านการเล่น ทั้งหมดที่กล่าวมา HYPERCHARGE: Unboxed ได้นำภาพนึกคิดในหัวของเราไปต่อยอด และสร้างมันออกมาได้ชนิดที่ว่าเกือบจะสมบูรณ์ ซึ่งถ้าหากมีใครมาถามผู้เขียนว่าช่วยแนะนำเกมนี้หน่อย แต่บอกจุดเด่นแค่ข้อเดียวนะ ผู้เขียนก็จะตอบว่า “การกำกับศิลป์นี่แหล่ะครับคือคำตอบเพียงหนึ่งเดียว”

ระบบการเล่นสนุกเข้าถึงง่าย แต่มาเสียท่าตรงระบบการเล่นออนไลน์…

HYPERCHARGE: Unboxed เป็นเกมแนว FPS (First Person Shooter: แนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง) ที่จะถูกครอบด้วยรูปแบบการเล่นเกมแนว Tower-Defense หรือภาษาบ้าน ๆ คือกันป้อม เคลียร์ศัตรูให้ครบตามเวฟที่กำหนดอีกที โดยในแต่ละแมป ผู้เล่นจะต้องหาเงินในเกมจากการเดินหาทั่วทั้งแมปและกำจัดศัตรู มาใช้ในการสร้างเครื่องป้องกันต่าง ๆ เราเซ็ตไว้ที่มีทั้งด้วยกันทั้งสิ้น 4 ชิ้น หรือเราสามารถนำเงินมาใช้ในการอัปเกรดปืนที่เป็นอาวุธประจำตัวของเราได้ในเฟซเตรียมพร้อมก่อนไปเวฟถัดไป

อยากได้ปืนดีขึ้นต้องปีนไปหาด้วยตัวเอง (ปืนเลเซอร์อย่างโหดบอกเลย)

แต่ใช่ว่าการอัปเกรดปืนจะทำได้ง่าย ๆ หากแต่เราจะต้องเป็นคนหาจุดขายอะไหล่เสริมที่กระจายตัวตามฉากเหล่านั้นด้วยตัวเอง ซึ่งในบริเวณที่ไปถึงได้ง่าย ๆ มันก็มี แต่อะไหล่ที่ได้จะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสูงนัก เช่น อาจจะเป็นแค่ลำกล้องขั้นที่ 1, เป็นแค่ปืนกลเบา ฯลฯ “ซึ่งถ้าอยากได้ของดี ๆ ก็ต้องเอาความลำบากเข้าแลกด้วยการกระโดดไปยังมุมหรือขอบของฉากเพื่อไปยังจุดที่มีอะไหล่อาวุธที่ดีกว่ามาใช้งาน อาทิ ปืนเลเซอร์ ลำกล้องขั้นสูง หรือพานท้ายลดแรงถีบขั้นสูง เป็นต้น”

ผู้เขียนว่าเป็นไอเดียในที่ไม่เลวเลย คือ ในระหว่างเฟซเตรียมความพร้อม เราต้องเลือกว่าจะเสียเวลาไปกับอะไร อัปเกรดปืนให้เน้นไปที่การสร้างความเสียหายใส่ศัตรูผ่านตัวเราแทนไหม? หรือจะเอาเงินทั้งหมดไปสร้างล้อมเครื่องป้องกันดีกว่า? เราจะเลือกแบบไหนก็ไม่ผิด เพราะปัจจัยที่จะทำให้เราชนะไม่ได้มีแค่นี้ แต่ยังมีเรื่องของทีมเวิร์กอีกด้วย เพราะไม่ว่าผู้เล่นจะเลือกเล่นคนเดียวหรือว่าระดับความยากอะไร ทาวเวอร์ที่เราต้องปัองกันก็ยังคงมีจำนวนเท่าเดิม นั่นหมายถึงผู้เล่นทุกคนจะต้องมีความสามัคคีกันในระดับหนึ่งเพื่อช่วยให้การเจอกับกองทัพศัตรูไม่หนักหนาสาหัสเท่าที่ควรจะเป็น และนี่ก็เป็นบทนำไปสู่ข้อเสียของเกมนี้ครับ

HYPERCHARGE: Unboxed เลือกที่จะใช้ระบบการเชื่อมต่อผู้เล่นแบบ Peer-to-Peer หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้เล่นเองในการสร้างห้อง โดยบุคคลที่เป็นสำคัญที่สุดคือหัวห้อง ซึ่งหากว่าเขาเล่นในวง Lan หรือในประเทศเดียวกัน ปัญหานี้ตัดออกไปได้เลย (เว้นเสียแต่หัวห้องจะมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่แย่ด้วยสาเหตุภายนอก) “แต่ถ้าคุณไปเล่นกับฝรั่งหรือห้องที่คนสร้างคนละประเทศกับคุณ ก็เตรียมตัววอร์ปไปวอร์ปมาเป็น Dr. Strange ได้เลย ทั้งกระตุก ทั้งแลค ทั้งค้าง เพียบ” และถึงแม้ผู้พัฒนาเกมแกจะสร้างห้องขึ้นมาให้เราเยอะพอสมควร แต่อย่าลืมนะครับว่าบริษัทหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการเปิดห้องไม่ได้อยู่ใกล้ประเทศเรานะ…

ถ้าชอบเกมที่ความคุ้มค่า เกมนี้ตอบโจทย์นะ มีอะไรให้ปลดล็อกเพียบ!

ได้สกินใหม่มาเพราะได้คะแนนจากแมป No. 2 ระดับ Platinum แหล่ะ

ถ้าเกณฑ์ความคุ้มค่าของคุณคือปริมาณ HYPERCHARGE: Unboxed น่าจะตอบโจทย์นะ เพราะเกมนี้มีอะไรรอให้คุณไปปลดล็อกอีกเพียบ (ขอใช้คำว่าบานตะไทเลยละกัน ฮ่า ๆ) ทั้งหน้ากาก ตัวละครที่มีให้เลือกเล่น ชุดของตัวละคร สกินของปืน ไหนจะเครื่องป้องกันทาวเวอร์อีก และที่สำคัญเกมนี้ (ยัง) ไม่มีระบบเติมเงินเพื่อเปิด Loot Boxed ปลดของเหล่านี้ แต่ต้องใช้ความอุตสาหะความพยายามของตัวเอง เพราะแต่ละชิ้นจะมีเงื่อนไขทีไม่เหมือนกัน บางชิ้นจะปลดเมื่อเคลียร์แมปต่าง ๆ ด้วยคะแนนสวย ๆ หรือบางชิ้นจะเป็น Secret ให้คุณใช้ทักษะปีนไต่ไปเก็บมาเอง ซึ่งถ้าคุณยังไม่เบื่อหน่ายไปกับเกมเพลย์ไปเสียก่อน เล่นไปเถอะ กว่าจะปลดหมดก็นู่น 40 – 50 ชั่วโมงขึ้นไป

กราฟิกพอถูไถไม่ตกยุค (แต่ก็ไม่ได้สวยจนร้องว้าว) ประสิทธิภาพเลยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ไม่ว่าเราจะมองอย่างละเอียดหรือผ่านตา กราฟิกของ HYPERCHARGE: Unboxed ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ละนะครับ ตัวเกมมีภาพที่ไม่ได้ตกยุค แต่ก็ไม่ได้สวยงามไปแข่งกับงานระดับ AAA ได้ ฮาร์ดแวร์ที่ตัวเกมต้องการขั้นต่ำขอแค่ CPU เป็น Intel Core 2 Quad Q9550 ขึ้นไป, มี RAM 8 GB หรือมากกว่า และการ์ดจอตั้งแต่ NVIDIA GeForce GT 640 กับพื้นบนเครื่องโดยประมาณ 13 GB ก็สามารถรันเกมนี้ได้แล้ว ซึ่งก็ด้วยเหตุนี้เองละมั้งเลยไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจอะไรที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพ ถ้าพูดกันเรื่องของสิ่งที่เกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งควรจะกังวลที่สุดอย่างเฟรมเรต ในระหว่างผู้เขียนก็ไม่ได้การหล่นฮวบหรือตกแต่อย่างใด

สรุปภาพรวม HYPERCHARGE: Unboxed เกมอินดี้ราคาไม่แพง ถ้าเบื่อ ๆ ก็อยากให้ลองนะ

HYPERCHARGE: Unboxed สนนราคาอยู่ที่ 289 บาทเท่านั้น ถ้าดูจากสิ่งที่ได้ในราคานี้ ผู้เขียนถือว่าเป็นเกมที่ให้คอนเทนต์มาจัดหนักจัดเต็มเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะด้านความสุนทรีย์ทางสายตาที่มองไปทางไหนก็ชวนให้ย้อนกลับไปยังจินตนาการวัยเยาว์ถึงภาพการต่อสู้อันดุเดือดของตุ๊กตุ่นตุ๊กตาผ่านมือคู่น้อย ๆ ของเราที่นำมาชนไม้ชนมือกระทบกระทั่งกันราวกับพวกมันมีชีวิต ออกมาเป็นเกมที่มีระบบการเล่นเข้าง่าย ไม่มีเชิงลึก แต่สามารถทำให้เพลิดเพลินไปกับการเล่นซ้ำวนไปปลดล็อคสิ่งใหม่ ๆ สำหรับใครเบื่อเกม AAA หรืออยากหนีจากเกมงานภาพสมจริงอลังการเนื้อเรื่องดุดันสมองซีกซ้ายเกมนี้อาจตอบโจทย์คุณนะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส