เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็นอยด์ เซ็งก็นอยด์ เศร้าก็นอยด์ ซึ่งคำว่า ‘นอยด์’ ที่คนใช้อธิบายความรู้สึกไม่พอใจหรืออารมณ์ทางลบ แต่ในความเป็นจริง นอยด์ไม่ได้หมายความว่าเซ็ง เศร้า หรือน้อยใจ แต่หมายถึงอาการหวาดระแวง หรือ ‘พารานอย’ (Paranoia) ที่เป็นลักษณะอาการทางจิตชนิดหนึ่ง

ส่วนพารานอยด์ (Paranoid) แบบมี ด์ เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายสิ่งต่าง ๆ เช่น บุคลิกแบบพารานอยด์หมายถึงบุคลิกแบบหวาดระแวง

พารานอยเป็นอาการทางจิตที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดระแวงต่อสิ่งรอบข้างหรือรู้สึกว่าถูกคุกคามอยู่ตลอดและต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เช่น คิดว่ามีคนเข้ามาภายในห้อง รู้สึกถูกจ้องมอง รู้สึกระแวงว่ามีคนดักรอจะทำร้าย ความคิดเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล หรือมีเหตุการณ์แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ทำให้รู้สึกหวาดระแวงได้ อย่างการมีคนเดินตามหลังเพื่อไปทางเดียวกัน หรือการถูกเดินชนในที่สาธารณะ และอาการพารานอยสามารถพัฒนาไปเป็นโรคจิตเภทชนิดอื่นที่รุนแรงขึ้นได้

อาการหวาดระแวงเป็นลักษณะทางจิตที่มีความเฉพาะตัว จึงถูกหยิบใส่ในตัวละครภายในนิยายหรือภาพยนตร์หลายเรื่อง

นาตาลี พอร์ตแมน รับบท นีนา นักบัลเลต์ผู้ทะเยอทะยานและมีอาการหวาดระแวง ใน Black Swarn (2010)

สัญญาณและพฤติกรรมอาการพารานอย

แม้จะเรียกว่าหวาดระแวง แต่คนที่มีอาการนี้ไม่ได้มีท่าทีสั่นกลัวแบบที่หลายคนคิด แต่มักเป็นการหวาดระแวงในเชิงก้าวร้าวมากกว่า ซึ่งอาการและพฤติกรรมอาจขึ้นอยู่กับความรุนแรง

  • หงุดหงิดง่าย เกรี้ยวกราด โมโหร้าย เจ้าอารมณ์
  • ไว้ใจคนยาก แม้แต่คนใกล้ตัว
  • เก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิง พูดคุยกับคนอื่น หรือออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น
  • มองโลกในแง่ร้าย หวาดระแวง คิดว่าคนอื่นคิดร้าย นินทา หรือวางแผนกลั่นแกล้งตัวเอง
  • ไม่สามารถให้อภัยคนอื่นได้ ขาดความเห็นอกเห็นใจ
  • ไม่สามารถทนต่อความเห็นต่างและคำวิพากษ์วิจารณ์
  • คิดว่าตัวเองถูกเสมอ สิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นมาจากคนอื่น
  • เข้าใจคนอื่นผิด ไม่สามารถตีความคำพูด หรือท่าทางของคนอื่นได้อย่างถูกต้อง

ด้วยอาการหวาดแวงผิดปกตินี้ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าที่จะพูดคุยหรือเข้าสังคมกับใครเลย ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว และตัดขาดจากสังคม ปัจจัยด้านสังคมส่งผลให้เกิดความรู้สึกเหงา เศร้า ร่วมกับความเครียดที่มาจากความรู้สึกหวาดระแวงส่งผลให้อาการทางจิต สมอง และอารมณ์นั้นรุนแรงมากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้เกิดโรคหรืออาการทางจิตอื่น ๆ ตามมา

รู้ตัวว่าหวาดระแวง แต่ทำอะไรไม่ได้

คนที่มีอาการทางจิตบางคนสามารถตระหนักรู้ได้ในบางครั้งว่าอาการหรือความคิดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดปกติ ทั้งอาจมองว่ามาจากโรค หรือไม่ใช่พฤติกรรมที่แท้จริงของตัวเอง แต่ไม่สามารถห้ามความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของตัวเองได้ ส่งผลให้คนที่มีอาการพารานอยเปิดใจรับคนอื่นเข้ามาในชีวิตได้ยาก และขาดคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือ คนที่มีอาการพารานอยเลยจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างเหมาะสม

สาเหตุของอาการพารานอย

ปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันถึงสาเหตุที่แน่ชัดของอาการหวาดระแวง แต่ละคนอาจมีสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นที่ต่างกันไป เช่น

  • ปัญหาสุขภาพ การบาดเจ็บ: การได้รับบาดเจ็บทางสมอง การได้รับสารพิษ โรคสมอง ภาวะความจำเสื่อม
  • ผลกระทบด้านจิตใจ: เคยผ่านอุบัติเหตุร้ายแรง ภัยพิบัติ การสูญเสียคนใกล้ตัว การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม การถูกทำร้ายร่างกาย จิตใจ หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะในวัยเด็ก
  • การใช้สารเสพติด
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
  • การพักผ่อนไม่เพียงพออย่างรุนแรง
  • กรรมพันธุ์ คนที่ญาติใกล้ชิดมีประวัติโรคทางจิตอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการทางจิตมากกว่าคนทั่วไป

พารานอยเป็นอาการของโรคทางจิตที่ควรได้รับการรักษา

นอกจากสาเหตุที่ได้เล่าไปแล้ว พารานอยเป็นผลจากความเจ็บป่วยทางจิต และเกิดขึ้นได้ในโรคทางจิตหลายโรค เช่น

  • โรคบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหวาดระแวง (Paranoid Personality Disorder): โรคบุคลิกผิดปกติอาจไม่รุนแรงเท่า 2 โรคแรก แต่ควรได้รับการรักษา มองจากภายนอกคนที่เป็นโรคนี้อาจถูกมองว่าเป็นคนนิสัยไม่ดี เก็บตัว เห็นแก่ตัว ไม่มีเหตุผล และขี้ระแวง เพราะสมองไม่สามารถตีความสารหรือสถานการณ์ได้ตามความเป็นจริง
  • โรคหลงผิด (Paranoid Delusion): โรคหลงผิดเป็นความผิดปกติที่ผู้ป่วยคิดไปเอง เข้าใจผิด อย่างคิดว่ามีคนมาหลงรัก คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ เป็นเทพเจ้า มีอำนาจวิเศษ หรือถ้าเป็นแบบพารานอยด์คือหวาดระแวงว่ามีคนกลั่นแกล้ง ทำร้าย หรือสะกดรอย
  • โรคจิตชนิดหวาดระแวง (Paranoid Schizophrenia): โรคจิตขั้นรุนแรงที่ส่งผลให้มีระบบความคิดและพฤติกรรมผิดปกติ ทำให้เห็นหลอน ได้ยินแว่วในหัว หรือคิดถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ร่วมกับอาการหวาดระแวง

พารานอย อาการหวาดระแวงที่ต้องรักษา

อาการพารานอยที่เกิดขึ้นอาจมีตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงขั้นร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและคนอื่นได้ หากคุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีสัญญาณของอาการนี้ แนะนำว่าลองไปพูดคุยกับแพทย์หรือนักจิตวิทยาก่อน เพราะหากคุณมีอาการนี้จริง คุณควรได้รับการรักษาเพื่อกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ซึ่งการรักษาอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง แพทย์จะเป็นคนประเมินวิธีรักษาที่เหมาะสม อาจมีตั้งแต่การพูดคุยเพื่อปรับความคิด การใช้ยา การบำบัดอื่น ๆ

ต่อไปนี้มุมมองในการใช้คำว่า ‘นอยด์’ ของคุณอาจเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ที่มา: mind.org, WebMD

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส