[รีวิว] ‘Toscana’ หนังรักฟีลกู้ดของเชฟมิชลินสตาร์ แต่รสชาติจืดชืดเหมือนอาหารแช่แข็ง

Release Date

18/05/2022

13+ 1h 30m

Director : Mehdi Avaz

Starring : Andres Matthesen, Christina Dell'Anna

[รีวิว] ‘Toscana’ หนังรักฟีลกู้ดของเชฟมิชลินสตาร์ แต่รสชาติจืดชืดเหมือนอาหารแช่แข็ง
Our score
5.2

[รีวิว] ‘Toscana’ หนังรักฟีลกู้ดของเชฟมิชลินสตาร์ แต่รสชาติจืดชืดเหมือนอาหารแช่แข็ง

จุดเด่น

  1. หากไม่คิดเรื่องความสมเหตุสมผล ถือว่าหน้าหนังและบรรยากาศอันอบอุ่นหนังก็ชวนให้ผ่านคลายฟีลกูดได้ในระดับหนึ่ง

จุดสังเกต

  1. บทหนังขาดทิศทางที่ชัดเจนไปในทางใดทางหนึ่ง และขาดความสมเหตุสมผล หนังใช้ประโยชน์จากอาหารและบรรยากาศในทัสกานีได้ไม่คุ้ม
  • การแสดง

    6.0

  • โปรดักชัน

    5.0

  • บทหนัง

    4.0

  • ความบันเทิง

    5.0

  • คุ้มเวลาในการชม

    6.0

ทุกครั้งที่มีหนังเกี่ยวกับเชฟและการทำอาหาร (ซึ่งส่วนใหญ่ออกมาเป็นแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ปนดราม่านิด ๆ) คนดูมักจะได้เห็นภาพการทำอาหารที่น่าตื่นตา ชวนให้น้ำลายสอ บวกกับการสร้างบรรยากาศดี ๆ บนโต๊ะอาหารและอารมณ์ขันเล็กน้อยของนักแสดงที่ช่วยเติมรสชาติให้กับหนัง อย่างเช่น ‘Chocolat’ (2000), ‘Julie & Julia’ (2009), ‘Burnt’ (2015) หรือ ‘Big Night’ (1996) แม้แต่แอนิเมชัน ‘Ratatouille’ (2007) ก็ประดิษฐ์จานอาหารออมากมาได้ประทับใจ

‘Toscana’ หนังรัก คอมเมดี้ ดราม่า ของ Netflix สัญชาติเดนมาร์ก (เป็นหนัง Netflix เรื่องแรกของเดนมาร์ก) เล่าเรื่องของธีโอ เชฟชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ชาวเดนมาร์กที่ได้รับทราบเรื่องว่าพ่อของเขาเสียชีวิต และได้รับมรดกเป็นปราสาท Toscana หลังโตในทัสกานี ประเทศอิตาลี ที่ถูกทำเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ โดยมีพ่อของเขาเป็นเชฟ ธีโอตัดสินใจทันทีว่าจะขายร้านอาหารของพ่ออย่างไม่สนใจใยดี เพื่อนำเงินมาเปิดร้านอาหารใหม่ในเดนมาร์ก เขาจึงเดินทางไปที่นั่น และก็ได้พบกับโซเฟีย สาวอิตาเลียนที่เป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา (ที่ธีโอจำไม่ได้) และเป็นผู้ช่วยดูแลร้านอาหารของพ่อเขามาโดยตลอด จากนั้นไม่นาน ตามสูตรสำเร็จ ธีโอก็ตกหลุมรักกับโซเฟีย ทั้งที่เธอกำลังจะแต่งงานกับปิโน ทนายความที่ดูแลเรื่องทรัพย์สินให้กับธีโอ

แอนเดอส์ แมททีซัน (Andres Matthesen)

หนังเปิดเรื่องได้น่าสนใจ กับภาพจานอาหารที่ถูกจัดวางอย่างประณีต ห้องครัวเรียบหรูสะอาดเอี่ยม และการทำงานของเชฟธีโอที่เป๊ะไร้ที่ติ มั่นใจสูง ขึงขัง ไม่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้ช่วยเชฟคนอื่น ๆ จากนั้นเมื่อบรรยากาศของทัสกานีที่แสนสวยงามเข้าครอบคลุม คนดูก็ได้สูดหายใจกับอากาศที่สดชื่น โทนหนังเริ่มมีความโรแมนติก ธีโอเองก็ค่อย ๆ แสดงให้เห็นความอบอุ่นละมุนละไมมากขึ้นกว่าที่เคย คล้ายกับได้ค้นพบตัวตนอีกด้านของเขา 

แต่น่าเสียดายที่หนังที่ปูเรื่องให้มีทั้งอาหาร ความรัก และวิวสวย ๆ ของทัสกานี (ไหนจะเสน่ห์ของอาหารอิตาเลียน) กลับไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์เลย เราได้เห็นสถานที่น่าสนใจเพียงไม่กี่ฉาก หรือการเน้นภาพจานอาหารที่น่าตื่นตาตื่นใจก็แทบไม่มี (ขอให้ไปดูงานของ ไดแอน เลน ใน ‘Under the Tuscan Sun’ หนังไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ใช้บรรยากาศจากทัสกานีได้คุ้มมาก)

หนังอาจพลาดที่วางทิศทางไม่ชัดเจน ได้เห็นชื่อ ‘Toscana’ คนดูต้องคาดว่าจะได้ดูหนังโรแมนติกเบา ๆ เคล้าทิวทัศน์สวย ๆ ไร่ไวน์และอาหารจานโอชะ อิตาลีต้องมา! แต่เปล่าเลย เมื่อไปถึงกลางเรื่องหนังยิ่งปรับทิศไปทางดราม่ามากขึ้น ปมความหลังในอดีตของเขาและพ่อ นั่นจึงกัดกินและบั่นทอนส่วนของการสร้างความสัมพันธ์และความโรแมนติกไปอย่างน่าเสียดาย

ที่สำคัญหนังขาดความเป็นไปได้ในหลาย ๆ ส่วน ทั้งความรักของธีโอกับโซเฟียที่เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่วัน ตลอดจนบทสรุปของความสัมพันธ์ในตอนท้ายที่ดูไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ และไหนจะการตัดสินใจของธีโอที่กลายเป็นตัวละครในอุดมคติแบบสูตรสำเร็จ เปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในระยะเวลาสั้น ๆ 

คริสตินา เดลแอนนา (Christina Dell’Anna)

ดาราดังชาวเดนมาร์ก แอนเดอส์ แมททีซัน (Andres Matthesen) รับบทธีโอได้เหมาะสม เขาทำให้ธีโอดูเคร่งขรึม มั่นใจสูง และเป็นคนอบอุ่น ขาดความมั่นใจได้ในเวลาเดียวกัน ส่วน คริสตินา เดลแอนนา (Christina Dell’Anna) ก็สร้างเสน่ห์และเติมความหวานให้กับหนังได้ดี เสียดายที่บทของทั้งคู่ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ ไปหน่อย และเป็นตัวละครที่คาดเดาได้ตลอดทั้งเรื่อง

‘Toscana’ ไม่ได้เป็นอาหารที่แย่จนกินไม่ได้ เรียกว่าเป็นอาหารที่พอกินได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นเลิศหรูมิชลินสตาร์อย่างธีโอ คำที่เหมาะสุดคือเหมือนอาหารแช่แข็งที่นำมาเข้าไมโครเวฟอุ่นกินมากกว่า เพราะรสชาติตรงตามสูตรเหมือนกันทุกกล่อง แต่ก็อย่างที่บอกว่าบางครั้งคนเราก็ไม่ได้อยากกินอาหารมิชลินสตาร์ไปเสียทุกมื้อ ดังนั้นถ้าคุณอยากกินอะไรง่าย ๆ สักมื้อ ‘Toscana’ ก็เป็นจานที่เหมาะสำหรับคุณ

อ้อ หนังพูดสามภาษาคืออิตาเลียน เดนมาร์ก และอังกฤษ ต้องตั้งใจอ่านซับไตเติลกันหน่อยล่ะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส