ก่อนที่ วิน ดีเซล (Vin Diesel) จะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ ที่โด่งดังสุดขีดในแฟรนไชส์หนัง ‘Fast and Furious’ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในปี 2001 เขาเป็นนักแสดงโนเนมที่พยายามไต่เต้าสร้างชื่อด้วยตัวเองในธุรกิจภาพยนตร์มาก่อน  ได้มีโอกาสร่วมงานในเรื่อง ‘Saving Private Ryan’ ในปี 1998 ภาพยนตร์สงครามในตำนานของ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg)  ผู้ที่สร้างโอกาสให้กับหนุ่มน้อย วิน ดีเซล โดยการคัดเลือกเข้ามารับบทสมทบ ในขณะที่ตอนนั้น วิน มีหนังสารคดีเรื่อง ‘Strays’ ที่เขารับหน้าที่ทั้งกำกับ เขียนบท และแสดงเอง ปรากฎอยู่ในประวัติการทำงานของเขาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

แต่กระนั้นเขาก็ยังอาจหาญไปสอนหนังสือสังฆราชแนะนำแนวทางบางอย่างให้กับสปีลเบิร์ก ในระหว่างการถ่ายทำ แต่ใครจะไปรู้ว่าการถ่ายทำฉากนั้นมันดูดีขึ้นด้วยไอเดียของเขาจริง ๆ  คำแนะนำของเด็กน้อยที่ให้แก่ชายผู้มากประสบการณ์อย่างสปีลเบิร์ก กลายเป็นการยกระดับของฉากนั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ !

ดีเซลเปิดเผยว่าเรื่องราวที่กล่าวถึงเกิดขึ้นตอนกำลังจะถ่ายทำฉากที่ตัวเขาต้องตายอย่างกล้าหาญที่ Caparzo ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลถึงการจัดพรอป การจัดวางองค์ประกอบบางอย่างของฉากอีกด้วย มันเริ่มจากที่เขาถามสปีลเบิร์กว่า “เฮ้! สตีเวน คุณวางกล้อง C ของคุณไว้ที่ไหน” มีใครคนนึงตะโกนกลับมาว่า “มีอะไรพวก ทำไมเหรอ” พอดีเซลได้ยินจึงตอบกลับไปทันทีว่า “เอากล้อง C ไปวางไว้ตรงนั้น ตรงหน้าต่างที่ชั้นสองนั่น” ไม่เพียงแต่สปีลเบิร์กจะทำตามคำแนะนำของเขาเท่านั้น เพราะมันกลายเป็นว่าฉากนี้เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจมากฉากหนึ่งในหนังตัวอย่าง และทำให้หน้าหนังน่าดูขึ้นอีกเป็นกอง

ซีนที่สปีลเบิร์กทำตามที่ วิน ดีเซล แนะนำ และมันก็ออกมาดีเสียด้วย

เขาเล่าไปขำไปอย่างอารมณ์ดี “โอ้ ! พระเจ้าช่วย ผมไม่ควรพูดออกไปแบบนั้นเลย ให้ตายสิ” แต่ก็เป็นเพราะสปีลเบิร์ก เองเคยบอกว่าอยากให้เขาไปไกลกว่านั้น ไม่ใช่มาเป็นนักแสดงแค่หน้าฉาก เขาเลยกล้าที่จะพูด กล้าที่จะแนะนำสิ่งนั้นออกมา “มันเป็นพรจากพระผู้เป็นเจ้า ผมกล้าพูดแบบนี้เพราะสปีลเบิร์กบอกกับผมอยู่เสมอว่าเขาไม่ได้จ้างผมในฐานะแค่นักแสดงเท่านั้น เขาคาดหวังให้ผมเติบโตเป็นผู้กำกับการแสดง ”

ณ วันนี้เขาได้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเขาทำในสิ่งที่เขารักอย่างจริงจัง กล้าที่จะเผชิญหน้าออกความเห็นให้ผู้กำกับดังอย่างสปีลเบิร์ก ผู้ที่ให้โอกาสเขาในการแสดง และยังเอาสิ่งที่เขาแนะนำไปใช้ และมันก็ได้ผลดีเสียด้วย

เป็นเวลาหลายปีหลังจากที่ ‘Saving Private Ryan’ ออกฉาย สปีลเบิร์ก ก็ยังคงคาดหวังให้เขาทำงานอยู่เบื้องหลังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน “ถ้าพูดถึงสปีลเบิร์ก เราเพิ่งเจอกันเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง และเขายังย้ำกับผมว่า ที่เขาเขียนบทให้ผมใน ‘Saving Private Ryan’ มันชัดเจนว่าเขาจ้างผมในฐานะนักแสดงจริง ๆ แต่เขาบอกกับผมว่า ตัวเขาแอบให้กำลังใจผมในฐานะผู้กำกับอยู่เสมอ เขาว่าผมกำกับหนังน้อยเกินไป มันเหมือนเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ ผมควรกลับไปนั่งหลังกล้องให้มากขึ้น ผมยังกำกับหนังได้ไม่มากพอ” 

ถึงขนาดที่ สปีลเบิร์ก ผู้ยิ่งใหญ่ออกมาประกาศชัดว่าการที่ วิน ดีเซล ไม่ได้กำกับภาพยนตร์ ถือเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงต่อตัวเองขนาดนั้น เพราะตัวเขาเห็น วิน ดีเซล ตั้งแต่ยังทำหนังอินดี้อยู่เลย แม้ในตอนนี้ วิน ดีเซล อาจจะกำลังจดจ่อกับแฟรนไซส์ ‘Fast and Furious’ อยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะที่ควร ตัวเขาอาจจะกลับไปสู่รากเหง้าตัวตนของตัวเอง คือการทำหน้าที่ “ผู้กำกับการแสดง” ให้กับโพรเจกต์ของเขาต่อไปในอนาคต ซึ่งอีกไม่นานเราอาจจะได้เห็นกัน

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส