จากอดีตถึงปัจจุบัน Guns N’ Roses เปรียบเสมือน เพื่อน พี่ หรือน้องของคนหลายช่วงอายุ คนจำนวนไม่น้อยโตมากับเพลง  “Sweet Child o’ Mine”, “Welcome to the Jungle” หรือ “November Rain” และปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นหนึ่งในวงร็อกที่คู่ควรแก่การ ‘ดูสักครั้งในชีวิต’

Guns N’ Roses เพิ่งจะเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตในไทย เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ สนาม Thunder Dome Stadium ซึ่งถือเป็นการกลับมาเยือนประเทศไทยครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2017 ของพลพรรคปืนและดอกกุหลาบ

คราวนี้แกนหลักของวงมากันครบ นำทีมโดย แอ็กเซล โรส (Axl Rose – นักร้องนำ)  สแลช (Slash – กีตาร์โซโล) และ ดัฟฟ์ แม็กเคแกน (Duff McKagan – เบส) ร่วมด้วย ดิซซี รีด (Dizzy Reed – คีย์บอร์ด) ริชาร์ด ฟอร์ทัส (Richard Fortus – กีตาร์), เมริสซ่า รีซ (Melissa Reese – คีย์บอร์ดและซินธิไซเซอร์) และ แฟรงก์ เฟอเรอร์ (Frank Ferrer – กลอง)

Guns N’ Roses ประเดิมคอนเสิร์ตด้วยเพลง “It’s So Easy” ผลงานจากอัลบั้มเดบิวต์ ‘Appetite for Destruction’ ก่อนจะไล่เรียงความสนุกต่อเนื่องกับเพลง “Mr. Brownstone”, “Chinese Democracy”, “Slither” และเพลงฮิตอย่าง “Welcome to the Jungle”

โรสและผองเพื่อน กล่าวทักทายแฟน ๆ ในสนามเล็กน้อย จากนั้นก็ยิงยาวความมันต่อเนื่องด้วยเพลง “Better”, “Double Talkin’ Jive”, “Live and Let Die” (ผลงานจากวง Wings), “Reckless Life”, “Estranged”, “Shadow of Your Love”, “Rocket Queen” และ “You Could Be Mine”

วงมีการปรับโชว์ เพิ่มสีสันเล็กน้อย ด้วยการให้ ’ดัฟฟี’ ขึ้นมาร้องนำในเพลง“I Wanna Be Your Dog” ของ The Stooges ก่อนจะเล่น 2 ผลงานล่าสุดอย่าง “Absurd” และ “Hard Skool” 

ความสนุกยังไม่หมดเท่านั้น Guns N’ Roses หยิบผลงานจากอัลบั้มเมื่อปี 2008 อย่าง “Sorry“ ขึ้นมาบรรเลง ก่อนจะส่งต่อเข้าเพลง “Civil War” จากอัลบั้ม ‘Use Your Illusion II’ ซึ่งช่วงเอาต์โทรก็มีการแทรกเพลง ”Machine Gun” ของ จิมี เฮนดริกซ์ (Jimi Hendrix) เข้ามาด้วย

ตลอดเริ่มต้นโชว์ สแลชถือเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญมากต่อโชว์ เสียงกีตาร์และไลน์โซโลของเขา เพิ่มดีกรีความเผ็ดแสบ และซาบซ่า ให้กับคอนเสิร์ตอย่างมาก อีกทั้งเสียงกีตาร์ของเขาก็ไปสอดรับเข้าคู่กันได้ดี กับเสียงกีตาร์ของฟอร์ทัสที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเวที การผสมผสานดังกล่าวลงตัวและลื่นไหลอย่างมาก

ช่วงท้ายสแลชมีช่วงโซโลเดี่ยว กับเพลง “Born Under a Bad Sign” ของ อัลเบิร์ต คิง (Albert King) ก่อนจะขึ้นอินโทรเพลงที่ทุกคนรอคอยอย่าง “Sweet Child o’ Mine” และขึ้นสุดความพีคไปกับเพลง “November Rain”

Guns N’ Roses ถือเป็นวงที่มีผลงานคัฟเวอร์ฮิต ๆ หลายเพลง แน่นอนว่าโชว์ในครั้งนี้ พวกเขาก็ไม่พลาดหยิบเพลง “Wichita Lineman” ของ จิมมี เว็บบ์ (Jimmy Webb) และ “Knockin’ on Heaven’s Door” ของ บ๊อบ ดีแลน (Bob Dylan) มาบรรเลงในครั้งนี้ ก่อนจะเลือก “Nightrain” เป็นเพลงปิดของโชว์

Encore ช่วงสุดท้าย Guns N’ Roses จัดเต็มมาก ๆ  พวกเขาเริ่มด้วยเพลง “Coma” จากนั้นเบรกอารมณ์ด้วยเสียงกีตาร์อะคูสติกของเพลง “Patience” และ ”Blackbird” ผลงานคัฟเวอร์ The Beatles ก่อนจะค่อย ๆ ดึงอารมณ์คนดูกลับมากับเพลง “Don’t Cry” 

แน่นอน อย่างเช่นทุกโชว์ Guns N’ Roses เลือกปิดคอนเสิร์ตของพวกเขาด้วยเพลงฮิตอย่าง “Paradise City”

มาถึงภาพรวมของงานนี้นะครับ คงต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ทำได้น่าผิดหวังอย่างมากในเรื่องของการบริหารจัดการงานทั้งหมด งานวันนี้เกิดความโกลาหลตั้งแต่ย่างเท้าเข้างานเลยทีเดียว เพราะคนดูต้องเข้าแถวเอา E-Ticket กับริสแบนด์ตามราคาของบัตรที่ซื้อ แน่นอนว่าความโกลาหลแรกได้เริ่มตรงนี้ทันที ลองคิดดูว่าคนหลายพันเดินเข้างานพร้อมกัน ต้องมาแลกบัตรพร้อม ๆ กัน ซึ่งแถวให้แลกมีประมาณ 10 แถวได้ แถมไม่มีป้ายชี้บอกตำแหน่งว่าแถวไหนของราคาเท่าไหร่ คนดูก็เลยออกันจำนวนมากบริเวณนั้น บางคนเข้าแถวผิด ต้องไปต่อใหม่ ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด

ความโกลาหล 2 คือ ด้วยความที่ Thunderdome Stadium เป็นสนามบอล ทางเข้าก็จะมีแค่สองทางเท่านั้น แถมตรงทางเข้าหลักก็แคบและเล็กมากสำหรับคนจำนวนเยอะ ๆ ซึ่งหากมองในเรื่องความปลอดภัยส่วนนี้ถือว่าอันตรายมาก ๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เจ้าหน้าที่จะไม่มีพื้นที่และไม่สามารถเข้าไปช่วยใครได้เลย 

ความโกลาหลที่ 3 คือก่อนโชว์มีคนจำนวนมากถูกระบบเปลี่ยนที่นั่งใหม่ทั้งหมด จำนวนกว่า 2,000 ที่นั่ง นั่นจึงเกิดเหตุการณ์บัตรและที่นั่งซ้ำกันเยอะมากทีเดียว 

ถือเป็นคอนเสิร์ตที่การจัดการทั้งหมดดูขรุขระ และทุลักทุเลมากจริง ๆ แม้โชว์บนเวทีของศิลปินจะเยี่ยมยอดขนาดไหน แต่หากการจัดการนอกเวทีมีปัญหา ก็อาจจะส่งผลต่อความประทับใจของผู้ชมได้ ซึ่งหวังว่าทีมผู้จัดจะทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และนำไปพัฒนาสำหรับโชว์ต่อไปในอนาคต

ส่วนภาพรวมโชว์ แม้วงอาจจะไม่ได้โชว์อย่างท็อปฟอร์มเหมือนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ด้วยอายุอานามที่มากขึ้นทุกวัน แต่เรื่องของการเอนเตอร์เทนโชว์ยังทำได้ดี สนุก และร้อนแรงเช่นเคย คงนิยามด้วยคำอื่นไม่ได้นอกจากพวกเขายัง ‘แซ่บ’ เหมือนเดิม

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส