สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ พยายามรุกเข้าอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างเต็มที่ นอกเหนือจากที่เปิดให้บริการสตรีมมิง Apple TV+ แล้วนั้น

รายงานดังกล่าวระบุว่า Apple มีแผนจะลงทุนราว 1,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 34,000 ล้านบาท เพื่อนำภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรุกเข้าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในฮอลลีวูดไปพร้อมกับความพยายามเพิ่มจำนวนผู้สมัครบริการสตรีมมิง Apple TV+ ให้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี โฆษกของ Apple ยังมิได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานดังกล่าวนี้แต่อย่างใด

Apple ได้เริ่มรุกเข้าตลาดฮอลลีวูดมาตั้งแต่ปี 2019 ด้วยการเปิดให้บริการสตรีมมิง Apple TV+ โดยมีคู่แข่งหลักในตลาดอย่าง Netflix, Disney+ และ Amazon Prime Video ที่จำนวนผู้สมัครบริการมากกว่า แต่ Apple TV+ นั้น ได้ประสบความสำเร็จในการเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงรายแรกที่สามารถนำภาพยนตร์คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมาได้ ‘CODA’ (2021)

นอกจากนี้ Apple ยังเร่งผลิตเนื้อหาต้นฉบับจำนวนมาก ทั้งซีรีส์, ภาพยนตร์ และสารคดี ป้อนให้แก่ Apple TV+ อย่างเต็มที่ โดยหนึ่งในเนื้อหาต้นฉบับที่ประสบความสำเร็จสูงสุด คือ ซีรีส์ ‘Ted Lasso’ ที่คว้างรางวัลเอมมีสาขา ซีรีส์ตลกยอดเยี่ยม มาครองได้ รวมถึงซีรีส์ดราม่าซ่อนปมชวนสงสัยอย่าง ‘Severance’ ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

Ted Lasso

ผลงานถัดไปของ ‘Apple TV+’ ที่ถูกตั้งความหวังเอาไว้มากก็ยังมีอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ‘Killers of the Flower Moon’ ภาพยตร์ดราม่าฟอร์มยักษ์ที่สร้างร่วมกับ Paramount Pictures ของผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ที่นำแสดงโดยนักแสดงคู่บุญอย่าง ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) ซึ่งคาดว่จะฉายพรีเมียร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์และเวนิส ก่อนจะฉายในโรงภาพยนตร์ในปลายปี 2023 นี้

อีก 2 เรื่อง ที่ Apple จะนำเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ คือ ‘Argylle’ ภาพยนตร์สายลับของผู้กำกับ แมทธิว วอห์น (Matthew Vaughn) ที่นำแสดงโดย เฮนรี แควิลล์ (Henry Cavill) และ ‘Napoleon’ ภาพยนตร์ดราม่าอิงประวัติศาสตร์ของผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต (Ridley Scott) ที่กลับมาร่วมงานกับ วาคีน ฟินิกซ์ (Joaquin Phoenix) อีกครั้ง หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จร่วมกันใน ‘Gladiator’ (2000)

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส