Once there was a way, to get back homeward, Once there was a way, to get back home…

Golden Slumber สำหรับคอเพลงยุคเก่าคงไม่พ้นภาพของวง The Beatles หรือ 4 เต่าทอง จากอังกฤษเป็นแน่ เพราะเป็นชื่อเพลงที่ใช้นำช่วงปิดอัลบั้ม Abbey Road (1969) และเพลงนี้ก็ได้มาเป็นแรงบันดาลใจให้ อิซากะ โคทาโระ นำมาเขียนนิยาย และถูกนำมาถ่ายทอดในฉบับหนังจอเงินที่ญี่ปุ่นในปี 2010 ในชื่อเรื่อง Golden Slumber โดยผู้กำกับ นากะมูระ โยชิฮิโระ  ซึ่งเคยทำงานร่วมกับอิซากะมาแล้วในหนังเรื่อง Fish Story (2009) ทั้งยังได้นักแสดงนำของญี่ปุ่นอย่าง ทาเคะอุจิ ยูโกะ (Be With You, 2004) และ ซากาอิ มาซาโตะ (ซีรีส์ Legal High) แสดงนำด้วย

โปสเตอร์ฉบับญี่ปุ่น

และในปีนี้เกาหลีก็ได้นำ Golden Slumber มาสร้างใหม่ในชื่อเดียวกัน โดยผู้กำกับ โนดองซอก และได้ดารานำที่เป็น 1 ใน 4 สมบัติแห่งชาติของเกาหลีเทียบชั้นกับ กงยู, ฮยอนบิน และ โซจีซอบ อย่าง คังดงวอน  (Master ล่าโกง อย่ายิงมันแค่โป้งเดียว, 2016) มาแสดงนำ สมทบด้วยดาราสาวอย่าง ฮันฮโยจู (ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์) ด้วย

หนังยังคงเล่าเรืื่องราวเดียวกับฉบับญี่ปุ่น ว่าด้วย กอนยู (คังดงวอน) หนุ่มแสนดีที่มองโลกอย่างซื่อตรงที่ต้องเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีลอบสังหารว่าที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยมี มูยอล เพื่อนสนิทในสมัยหนุ่มที่เคยพยายามไล่ตามความฝันสร้างวงดนตรีมาด้วยกันเป็นคนชักนำโชคชะตานี้มาหาเขา และหลังจากเตือนกอนยูว่า ‘อย่าไว้ใจใครแม้แต่คนเดียว’ มูยอลก็ถูกฆ่าตาย

กอนยูตกอยู่ท่ามกลางความสับสน เจ้าหน้าที่รัฐกล่าวหาเขาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร ทั้งข่าวในสื่อต่าง ๆ ก็ล้วนมีภาพที่เขาร่วมขบวนการก่อการร้ายทั้งที่เขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก และที่สำคัญยังถูกองค์กรใต้ดินไล่ล่าเอาชีวิต คนรอบตัวก็ต่างน่าสงสัยไปหมด แม้จะมองโลกสวยอย่างไรแต่ตอนนี้แม้แต่เพื่อนเก่าที่เคยเชื่อใจกันก็ยากจะไว้ใจ นั่นรวมถึง ซอนยัง (ฮันฮโยจู) อดีตหวานใจ และอดีตเพื่อนร่วมวงคนอื่น ๆ ด้วย

เขาต้องหนีการตามล่า พยายามหาคนที่เชื่อใจได้ และพิสูจน์ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขากันแน่

พูดกันตามตรงเนื้อหาแม้จะเป็นแนวไล่ล่าที่เกาหลีทำได้ดี และยังผสมดราม่าความสัมพันธ์ที่เกาหลีโคตรถนัด แต่ทว่ารายละเอียดอย่างพวกความสัมพันธ์เพื่อนเก่า ความฝันที่เคยมีด้วยกันแต่เวลาผ่านพ้นไปต่างก็แยกย้ายกันไปทำสิ่งอื่น แล้วต้องกลับมารวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือเพื่อนคนหนึ่ง มันเป็นพล็อตที่ต้องญี่ปุ่นจริง ๆ ล่ะครับ ขนาดว่าไม่เคยดูต้นฉบับของญี่ปุ่น แต่ลองเทียบความรู้สึกของตัวอย่างหนังทั้ง 2 ชาติ ยังรู้สึกเลยว่าของญี่ปุ่นมันได้กว่าจริง ๆ นะ

Play video

Play video

และปัญหาของหนังเรื่องนี้ที่สำคัญเลย คือการผสมสัดส่วนของความเข้มข้นไล่ล่า กับความดราม่าสมัยวัยหวาน แบบไม่ค่อยลงตัวนัก ดราม่าทำให้ความระทึกมันลดความต่อเนื่องทางอารมณ์ลงไปอย่างน่าเสียดาย เลยไม่โฟกัสให้เด่นไปสักทางว่าจะเอาแนวสืบสวนเข้ม ๆ หรือแนวดราม่าเพื่อน ๆ ดี แต่ถ้ามองผ่าน ๆ ไม่ได้ชอบหนังแนวไหนเป็นพิเศษ หนังก็ประคองคุณภาพได้ดีสมกับเป็นหนังเกาหลีจริง ๆ

ความดีงามของทั้งเรื่องคงต้องยกให้การแสดงของ คังดงวอน นั่นล่ะครับ เพราะเขาสามารถทำให้เราเชื่อได้จริง ๆ ว่าเป็นหนุ่มที่ใสซื่อโดนเอาเปรียบง่าย มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี เราเห็นความเชื่อใจแล้วก็ไม่เชื่อในมนุษย์ จนกลับมาเชื่อใจอีกครั้งของเขาอย่างชัดเจน เขาสามารถถ่ายทอดความอ่อนแอของตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ ค่อย ๆ ได้ใจของผู้ชมไปเป็นพวกอย่างไม่ขัดเขินเลย ซึ่งนักแสดงอื่น ๆ ก็ถือว่าทำได้ดีครับ แค่บทอาจไม่ได้ส่งเท่าพระเอก

ส่วนที่เห็นว่าปรับจากฉบับญี่ปุ่นอีกอย่างคือหนังได้ปรับตอนจบให้เคลียร์ชัดเจน และค่อนข้างจบแบบมีความสุขกว่ามากด้วย แต่ถ้าเอาความมีรสนิยมคิดว่าตอนจบของญี่ปุ่นจะดูมีของกว่าครับ คือพระเอกเปลี่ยนหน้าและซ่อนตัวจากองค์กร

ลองเอาตอนจบแบบญี่ปุ่นมาให้ชมเทียบกัน (สำหรับคนที่ดูฉบับเกาหลีมาแล้วครับ)

หนังเป็นหนึ่งในโครงการ หนังผมไม่เล็กนะครับ ที่สหมงคลฯจับมือกับเมเจอร์ ซึ่งคัดหนังดี ๆ ที่อาจถูกมองข้ามเพราะคนไม่รู้จักมาให้ได้ชมกัน ดังนั้นจึงฉายแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่โรงในเครือเมเจอร์ตั้งแต่วันนี้ไปเท่านั้นครับ ลองเช็กรอบเช็กโรงก่อนได้เลย