ตอนสุดท้ายของภารกิจ “สายลับพยัคฆ์ร้าย 007” โดยนักแสดง Daniel Craig  ที่สวมบทบาทนี้มาตั้งแต่ภาค Casino Royale (2006) เมื่อ 13 ปีก่อน กับหนังภาคล่าสุด No Time to Die ผลงานกำกับของ Cary Joji Fukunaga จากซีรีส์ True Detective (2014) มินิซีรีส์ Maniac (2018) และหนังใหญ่อย่าง Jane Eyre (2011) และ Beasts of No Nation (2015) ซึ่งตัวอย่างแรกก็ได้ฤกษ์เผยโฉมแล้วพร้อมกับโปสเตอร์ใหม่ล่าสุด ซึ่งแฟน ๆ รอคอยกันมานาน

Bond 25 No Time To Die

Daniel Craig’s Bond

เนื้อเรื่องของภาคนี้ 007 ได้ออกจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นสายลับและเกษียณตัวเองไปอยู่ที่ประเทศจาไมกา แต่แล้วเพื่อนเก่าสายลับ CIA อย่างฟีลิกซ์ ไลเทอร์ ก็ปรากฏตัวเพื่อขอให้เขาทำภารกิจช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ทำไปทำมากลายเป็นว่าภารกิจนี้ซับซ้อนและมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ บอนด์ต้องออกไล่ล่าตัวร้ายสุดอันตรายที่มาพร้อมกับอาวุธลับไฮเทคชิ้นใหม่

Play video

 

 

นอกจากจะได้ Craig กลับมารับบทเป็นครั้งสุดท้าย หนังก็ยังได้สาวบอนด์จากตอนที่แล้ว Léa Seydoux (Mission Impossible: Ghost Protocol) กลับมารับบท แมดเดอร์ลีน สวอนน์ เช่นเดิม และ Christoph Waltz (Django Unchained, Inglorious Basterds) กลับมารับบท โบลเฟลด์ ตัวร้ายของภาค Spectre เพิ่มเติมด้วย Rami Malek นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์นำชายปีล่าสุด มาแสดงเป็นตัวร้ายหลักในภาคนี้

Barbara Broccoli ผู้อำนวยการสร้างได้เปิดเผยกับสื่อเมื่อไม่นานนี้ว่า Malek จะมารับบท “วายร้ายที่แท้จริง”  เห็นอย่างนี้ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นตัวร้ายที่โหดหินกินกันไม่ลงกว่าตัวร้ายในภาคอื่น ๆ ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทีมหน่วยงานเบื้องหลังของสายลับพยัคฆ์ร้ายยังคงยกทีมกลับมากันหมด ทั้ง Ralph Fiennes ในบท เอ็ม หัวหน้า MI6, Ben Whishaw ในบท คิว ยอดนักประดิษฐ์อาวุธต่าง ๆ ให้บอนด์, Naomie Harris ในบทมันนี่เพนนี เลขาแสนสวย, Rory Kinnear ในบทแทนเนอร์ ผู้ช่วยของเอ็มตั้งแต่ยังเป็นผู้หญิง และ Jeffrey Wright ในบทฟีลิกซ์ ไลท์เตอร์ สายลับ CIA

No Time To Die เข้าฉายในสหรัฐฯ 20 เมษายน 2020

Bond 25 No Time To Die

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส