[รีวิวซีรีส์] The song of Glory / เพลงรักเพชฌฆาต : ย้อนยุค อิงประวัติศาสตร์ ฟินด้วยมันส์ด้วย ครบรส
Our score
8.8

จุดเด่น

  1. พระ-นาง เคมีเข้ากันมาก ๆ ดึงเสน่ห์ออกมาได้เรื่อย ๆ ในแต่ละฉาก
  2. โปรดักชันละเอียด งานละเมียดจนร้องว้าว
  3. คิวบู๊ที่เท่ที่สุดยกให้นางเอกของเรื่องไปเลยจ้ะ
  4. เป็นซีรีส์ที่แฝงข้อคิดไปพร้อม ๆ กับความมันส์และความฟิน ครบรส คุ้มค่าแก่การรับชม
  5. ซีรีส์ซ่อนสัญลักษณ์ไว้มากมายกับฉากต่าง ๆ ที่ไม่ได้บรรจงสร้างมาให้ดูแค่งามตาเท่านั้น

จุดสังเกต

  1. ฉากสนามรบบางฉากนักแสดงประกอบน้อยไปหน่อย แต่ก็ให้อภัยได้ หยวน ๆ
  2. ฉากดราม่าบางฉากหลวมไปบ้าง แน่นไปบ้าง ถ้าตัดหรือเพิ่มรายละเอียดบางฉากที่ว่า ซีรีส์เรื่องนี้ก็เอาไปได้เลย 10คะแนนไม่หัก
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.0

  • คุณภาพการเล่าเรื่อง

    9.0

  • คุณภาพนักแสดง

    9.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    9.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    9.0

เรื่องนี้เป็นซีรีส์จีนย้อนยุค อิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเมืองในราชสำนัก สมัยปลายราชวงศ์หลิวซ่งของฮ่องเต้หลิวอี้หลง ในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ เล่าเรื่องราวของ เสิ่นหลีเกอ/มู่ฉานเกอ(Li Qin หลี่ซิน ) วีรสตรีแห่งตระกูลขุนศึก ชำนาญศาสตร์และศิลป์ไม่ว่าจะเป็นการร่ายรำ การทำอาหาร หรือแม้แต่การออกรบ เป็นสตรีที่เคียงข้าง เผิงเฉิงอ๋อง/หลิวอี้หลง(Qin Hao ฉินห่าว) กอบกู้วิกฤตบ้านเมืองที่กำลังระส่ำระสายให้กลายเป็นมั่งคั่งผาสุก 

เสิ่นหลีเกอ (Li Qin หลี่ซิน )-เผิงเฉิงอ๋อง (Qin Hao ฉินห่าว)

**รีวิวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหา บางส่วน

ก่อนที่จะเป็นวีรสตรีคู่บัลลังก์ได้ชีวิตของ หลีเกอ สะบักสะบอมมากค่ะ เพราะนางเริ่มต้นจากการเป็น “นักฆ่า” หลีเกอ เป็นนักฆ่าสาววรยุทธเป็นเลิศเปิดหอนางรำเพื่อกระทำการใหญ่คือ “ฆ่าเผิงเฉิงอ๋อง” เรื่องราวในราชสำนักเป็นเรื่องยากที่ประชาชนตาดำ ๆ ธรรมดาจะล่วงรู้ถึงความจริงความเท็จ บวกกับความทุกข์ยากแร้นแค้นของชาวบ้านตาดำ ๆ ชะตากรรมต่าง ๆ ที่เผชิญ ทำให้ประชาชนส่วนมากเข้าใจว่า เผิงเฉิงอ๋อง ผู้สำเร็จราชการในขณะนั้น เป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัน ไม่สนใจความทุกข์สุขของราษฎร์

หลีเกอและพี่น้องร่วมสำนัก เป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไปเพราะภัยสงคราม ถูกปลูกฝังมาจากอาจารย์ที่เลี้ยงดูมาว่า เผิงเฉิงอ๋อง คือทรราชดี ๆ นี่เอง การสังหารเผิงเฉิงอ๋องจะทำให้แผ่นดินสูงขึ้นและพ่อแม่ได้นอนตายตาหลับ แผนการจู่โจมสังหารจึงเกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดของ ซุนไท่เฟย (Zhang Yameng จาง ยาเมง) จากการวางแผนของ แม่ทัพลู่ (Qi Ji มิราเคิล ชี) โดยการจัดแจงหานางรำไปร่ายรำเพลง “ระบำอำลายาตราทัพ”

แม่ทัพลู่ (Qi Ji มิราเคิล ชี)

รำสวย ๆ อยู่ ดี ๆ นางเองและสาวชุดแดงทั้งหลายเปลี่ยนชุดดำ พรึ่บ!! แล้วยิงธนูใส่ท่านอ๋องกันเลยจ้ะ แต่ไม่โดนนะเพราะ จิ้นหลิงอ๋อง (Gu Jia Cheng กู่เจียเฉิง) ผู้เป็นน้องชายพุ่งหลาวมารับธนูแทนพี่ชายไปซะฉิบ งานนี้นักฆ่าสาวตายเรียบเหลือเพียง หลีเกอ และศิษย์ร่วมสำนักที่เป็นชายอีกสองคนรอดมาได้จากการสละชีวิตของ อาหนู ศิษย์น้องร่วมสำนัก พร้อมกับคำสั่งเสียที่ว่า “ตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงให้ข้าด้วย” โดยการมอบกำไลที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กให้หลีเกอ และกำไลอันเดียวนี่แหละ ทำให้เส้นทางชีวิตของหลีเกอเปลี่ยนไปอย่างเหนือความคาดหมาย

บทดี

เป็นซีรีส์ที่ดูสนุก ครบรส ดิฉันดูครั้งแรก 10 ตอนรวดแบบยังไม่อยากจะนอน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชอบซีรีส์ย้อนยุคเป็นทุนเดิม ส่วนที่สองก็ขอยกให้บท การแสดงและโปรดักชันงาม ๆ ที่เสิร์ฟสวย ๆ สู่สายตาในทุก ๆ ฉาก พูดถึงบทก่อนเลย ซีรีส์เรื่องนี้เขียนบทมาให้ดูง่ายเข้าถึงง่าย เรียกได้ว่าเป็นบทตลาดที่เสิร์ฟมาครบทุกรสไม่ว่าจะหวาน ๆ ฟิน ๆ แบบคู่เอกคู่รอง มีเรื่องรักกุ๊กกิ๊กที่พาเรายิ้มฟิน ๆ ไปได้ มีเรื่องอุดมการณ์ความเสียสละในฐานะผู้ปกครองบ้านเมืองที่ประชาชนผู้ไม่รู้ความจริง กว่าจะเข้าใจก็เกือบจะทำเสียเรื่องไปซะแล้ว โดยเฉพาะการเมืองในราชสำนักที่เราคุ้นชินกับซีรีส์ย้อนยุคสไตล์นี้

บทเขียนให้ตัวละครทุกตัวเป็นสีเทา ๆ ไม่มีใครขาวจั๊วะ แต่ก็มีเทาเข้มและดำปี๋อยู่ไม่กี่คน ซึ่งนั่นคือตัวโกงอย่างแม่ทัพลู่แน่นอนจ้ะ ตัวละครบางตัวอย่าง เสิ่นเล่อชิง (กวนเสวี่ยอิ๋ง Guan Xue Ying) ที่บทบอกชัดว่านางรับบทนางอิจฉา เจ้าแผนการและมารยาร้อยเล่มเกวียน แต่มีมุมอาภัพและน่าสงสาร ดูไปก็อยากให้นางตาย ๆ ไปซะชาวบ้านเขาจะได้ไม่เดือดร้อน แต่ทำไปทำมา เอ้า!! ดันมีประโยชน์ไปซะงั้น

เสิ่นเล่อชิง (กวนเสวี่ยอิ๋ง Guan Xue Ying)

บทมีการหลอกซ้ำหลอกซากและไม่ได้หลอกแค่คนดูเท่านั้นนะ แต่หลอกกันเองในเรื่องอีกต่างหาก มีการชิงไหวชิงพริบ หลบเหลี่ยมหลบคมกันไปมาและสาส์นสำคัญที่สอดแทรกมาในเรื่องนี้ก็คือ การเมืองและความเสียสละเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้มีไว้เฉพาะบุรุษ การมีสตรีรู้ใจข้างกายที่เฉลียวฉลาดและกล้าหาญ เป็นมากกว่าแค่คำว่า กำลังใจ

การแสดงเด่น

เรื่องนี้แม้แต่นักแสดงประกอบก็เล่นดีมาก ๆ อาหนู ออกมา Ep เดียว ตายเลยแล้วดันเป็นฉากดึงอารมณ์มาจุก ๆ ได้ง่าย ๆ บทเล่นกับความใจเด็ดของผู้หญิงและการทำตามคำสั่งอย่างไม่ถามเหตุผล เขาให้มาตายก็ตายความหวังความฝันที่จะได้เจอพ่อแม่ที่พลัดพราก ก็ยอมฝากไว้กับคนอื่น ส่วน หลี่ซิน นางเอกของเรื่องไม่ต้องพูดถึง บทเด่น บทโดน ตอนที่เล่น กระบี่เทพสังหาร กับ ฉู่เฉียว จอมใจจารชน ว่าสวยเท่แล้วมาเจอเรื่องนี้ สวยและเท่มากขึ้นไปอีกสองเท่า

เสิ่นหลีเกอ (Li Qin หลี่ซิน )

เมื่อนักฆ่าสาวผูัมีอุดมการณ์และรักชาติบ้านเมือง มาเจอกับเผิงเฉิงอ๋องที่ทำทุกอย่างเพื่อประชาชนแบบปิดทองหลังพระ ซุ่มเงียบและนิ่งเฉย จัดการเรื่องราวด้วยการวางแผนลับ ๆ แบบไฟใต้น้ำ สองคนเท่ากับมีอุดมการณ์เดียวกันก็ตกหลุมรักกันจนกลายเป็นคู่สร้างคู่สมที่ทำเอาลุ้นกับหลาย ๆ ฉากที่พระนางคู่นี้ร่วมแสดง ฉินห่าว ในบทเผิงเฉิงอ๋อง หล่อไม่มากแต่เท่มาก ๆ และอบอุ่นจนไม่แปลกใจว่าทำไมสาว ๆ ในเรื่องต่างตกหลุมรักกันเป็นทิวแถว ทั้ง ๆ ที่ กู่เจียเฉิง ในบท จิ้นหลิงอ๋องผู้เป็นน้องก็น่าเจี๊ยะไม่แพ้กัน

เผิงเฉิงอ๋อง (ฉินห่าว)-จิ้นหลิงอ๋อง (กู่เจียเฉิง)

เรื่องนี้เฉลี่ยนบทกันได้ดีค่ะ นักแสดงแต่ละคนเอาอยู่ในบทของตัวเองจนเราอินและหลงเชื่อกับฉากบางฉากที่ตั้งใจมาหลอก โดยเฉพาะคิวบู๊ของพระ-นาง ที่เป๊ะปังและเนียนตาเอามาก ๆ แต่นางเอกก็เดี๋ยวเจ็บ ๆ สะบักสะบอมเกิ๊นนน สงสารเชียว ในส่วนนี้ถือว่าสมจริงเลยนะเพราะความเก่งของแต่ละคนมันเป็นความเก่งที่เป็นไปได้ หากได้รับการฝึกฝนและไม่ได้เก่งเกินเบอร์ชนิดที่ตีรันฟันแทงเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกรู้สา ทนทายาดอย่างกับไม่ใช่สิ่งมีชีวิต

โปรดักชันงามตา

ฉาก ชุด โลเคชันในส่วนนี้อยากให้ 10 คะแนนไปเลย ชอบเป็นพิเศษกับฉากเปิดของหอนางรำที่อยู่ในขั้นวิจิตร ณ จุดนี้ดิฉันกรี๊ดกร๊าด ทั้งฉาก พรอปการจัดแสงที่มีความอลัง ต่าง ๆ นา ๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นฉาก ๆ เดียวอยู่ในขั้นของความพอดีไม่มากไม่น้อย ที่สำคัญฉากนี้ก็ใช้มันอยู่ตอนเดียวนี่แหละ ลงทุนไปขนาดนี้แล้วฉากอื่น ๆ ที่ต้องได้เห็นกันบ่อย ๆ เขาจะลงทุนขนาดไหน

หอนางรำ

มันอดคาดหวังแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ นะ เรียกได้ว่าตั้งตารอดูความวิจิตรที่จะได้เห็นในฉากอื่น ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวัง เขามีการวางคาแร็กเตอร์ของฉากต่าง ๆ ให้เข้ากับบทบาทของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างลึกซึ้ง ห้องทรงงานของเผิงเฉิงอ๋องที่แวดล้อมไปด้วยน้ำพุเล็กน้ำพุน้อย คลอไปด้วยเสียงน้ำไหลเบา ๆ ผ่อนคลาย ห้องส่วนตัวของ หวงเฟย (พระชายา) ที่รักการวาดรูปก็แวดล้อมไปด้วยภาพของท้องฟ้า ที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆและการตกแต่งที่ละเอียดอ่อน ไปจนถึงฉากลานดีดพินที่จิ้นหลิงอ๋องชอบไปปล่อยอารมณ์เป็นประจำ ก็บ่งบอกลักษณะตัวตนของตัวละครออกมาอย่างเห็นได้ชัด เป็นการสื่อสารด้วยภาพที่หากเราไม่ดูผ่าน ๆ เราจะสามารถเดาอุปนิสัยแท้จริงของตัวละครได้ง่าย ๆ จากส่วนประกอบเหล่านี้กันเลยแหละ

หวงเฟย (พระชายา)

ชมมาตั้งเยอะแล้วมีข้อติบ้างไหม ก็มีข้อตินิด ๆ หน่อย ๆ ในส่วนของ ฉากสนามรบบางฉากที่งบ Extra น่าจะหมดไปกับการเนรมิตฉากสวย ๆ งาม ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม เรื่องนี้ CG ไม่มากนะคะ การเหาะเหินเดินอากาศก็ไม่ได้พิสดารพันลึกอะไร เพราะอยู่ในขั้นของจอมยุทธนักรบที่หนักไปในทางบู๊แอ็กชันซะมากกว่า ซึ่งคิวบู๊นี่ก็มันส์ได้ใจ ดราม่าบางฉากอาจจะดูหลวม ๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญของเรื่อง ทำให้มองข้ามไปได้แบบจำไม่ได้ซะด้วยซ้ำว่าจุดที่อยากให้แน่นขึ้นอีกอยู่ตรงไหน

ถือเป็นซีรีส์น้ำดีที่ให้ข้อคิดที่ดีกับคนดูในหลาย ๆ ด้านและเป็นอาหารตาอาหารหูที่เพลิดเพลิน ควรค่าแก่การให้เวลานั่งดูเป็นอย่างยิ่ง ตัวแสดงสวยหล่อ งานดีไปยันตัวโกงอ่ะค่ะ ละมุนตาดีจริง ๆ

The Song of Glory (เพลงรักเพชฌฆาต) 

  • กำกับโดย : Li Huizhu
  • จำนวนตอน : 53 ตอน (อัปเดตล่าสุดถึงตอน 36 แล้วจ้ะ)
  • วันเวลาออกอากาศ : อัปเดตทุก วันพุธ ถึง วันศุกร์ เวลา 20:00 วันละ 2 ตอน (สมาชิก VIP ดูล่วงหน้า 6 ตอน)

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส