โลกนี้เต็มไปด้วยความลึกลับที่ยังไม่คลี่คลาย แม้จะมีความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ในด้านวิทยาศาสตร์ มนุษย์เรายังคงมีเรื่องที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับหลายสิ่งรอบตัวเรา ‘มหาสมุทร’ เป็นอีกหนึ่งสิ่งซึ่งมีตํานานและความลึกลับมากมาย ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ประสบความสําเร็จในการอธิบายความลึกลับเหล่านี้จํานวนมาก แต่ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ เราจะพาทุกคนไปตามล่าเกี่ยวกับ 10 ความว้าวของ ‘นครแอตแลนติส (Atlantis)’ เมืองลึกลับใต้มหาสมุทรที่หายสาบสูญ

เครดิตรูปภาพจาก petmaya.com
  1. แอตแลนติสอยู่ที่ไหน ทำไมถึงเป็นสถานที่ลึกลับ

คําถามที่ใหญ่ที่สุดของนักวิทยาศาสตร์ทุกคนคือแอตแลนติสอยู่ที่ไหน มีการให้ความคิดเห็นว่าเมืองนี้จมลงไปในทะเลหลังจากเกิดแผ่นดินไหวหรือสึนามิ อย่างไรก็ตามยังไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ ที่เปิดเผยเมืองดังกล่าวบนเขตมหาสมุทร ในขณะที่บางทฤษฎีชี้ให้เห็นว่าแอตแลนติส ตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนอกชายฝั่งของสเปน สามารถพบได้ในระหว่างน่านน้ำสเปน และโมร็อกโก โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับที่ยังคงไม่ได้รับคําตอบที่แน่นอน

2. ขนาดของเมืองแอตแลนติส

บางคนเชื่อว่าแอตแลนติสจริง ๆ เคยมีอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ใหญ่กว่าประเทศลิเบียและทวีปเอเชียรวมกัน และได้มีการออกมาให้ความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่าจริง ๆ แล้ว แอตแลนติสมีขนาดเท่ากับเมืองครีต (Crete) ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกรีซ อย่างไรก็ตามในหลายเรื่องราวหลังจากยุคของ เอ็ดการ์ เคย์ซี (Edgar Cayce) นักพยากรณ์ชาวอเมริกัน ได้ออกมาทำนายว่าแอตแลนติสและยูเรเซียมีขนาดเท่ากัน แต่ก็ยังไม่มีอะไรออกมายืนยันได้ชัดเจนเช่นกัน

  1. เรื่องราวของความรักของพระเจ้า

ตํานานกล่าวว่าเมืองแอตแลนติสถูกสร้างขึ้นโดย โพไซดอน (Poseidon) เทพเจ้าแห่งทะเล แผ่นดินไหว พายุ และม้า เมื่อเขาพบและตกหลุมรักกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่า ไคลโต (Cleito) โพไซดอนใช้ความพยายามที่จะหาเกาะที่ใหญ่ที่สุด เป็นที่อยู่อาศัยของคนที่สวยงามและฉลาดกว่าส่วนที่เหลือของโลก เขาได้พาเธอไปอยู่ที่นั่น และได้ตั้งชื่อเกาะนี้ว่า แอตแลนติส

เครดิตรูปภาพจาก worldcivil14.blogspot.com/
  1. พระราชวัง ‘เสน่หา’

บ้านใหม่ที่สร้างขึ้นโดย โพไซดอน สําหรับความรักของเขาในเมืองแอตแลนติส ถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนของน้ำและที่ดิน ในขณะเดียวกันมีเนินเขาอีกแห่งที่เรียกว่า ‘Hill of Cleito’ ซึ่งเชื่อกันว่าโพไซดอนสร้างให้ภรรยาของเขาหลงใหลเพราะเขาไม่ไว้วางใจในความภักดีของเธอ

  1. อารยธรรมเชื่อมโยง

มีการกล่าวว่า อารยธรรมโบราณหลายๆ แห่งของโลก ไม่ว่าจะเป็น อียิปต์ (Egypt) เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) อินคา (Inca) มายา (Maya) และสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์ต่างๆ อย่าง สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) พีระมิด (Pyramid) ต่างก็เป็นมรดกจากชาวแอตแลนติสทั้งสิ้น แต่ก็ยังหาหลักฐานที่พิสูจน์แน่ชัดไม่ได้นะ

เครดิตรูปภาพจาก petmaya.com
  1. เมืองพอเพียงที่ร่ำรวย แต่อยู่ไม่นาน

เมืองที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามของแอตแลนติส ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเมืองที่มีมนุษย์ครึ่งสัตว์อาศัยอยู่ เชื่อกันว่ามีความพอเพียง อุดมสมบูรณ์ แต่ความรุ่งเรืองของแอตแลนติสได้ล่มสลายจากการที่ชาวแอตแลนติสเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนอยู่ในความโลภและลุ่มหลงในอำนาจ จนกระทั่งถูกเทพซุส (Zeus) ลงโทษให้เมืองแห่งนี้หายไป

  1. การเจริญเติบโตจากแอตแลนติสสู่อเมริกา

บรรดานักประวัติศาสตร์ และนักวิจัยคนอื่น ๆ เชื่อว่า แอตแลนติสเป็นดินแดนที่มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมีคุณธรรมและเทคโนโลยีก้าวหน้า กำแพงเมืองเป็นทองคำ วิหารสร้างด้วยเงิน ผู้คนปลูกพืชผักกินเอง มีสัตว์หายาก มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ มากมาย เขาคาดการณ์ว่าดินแดนใหม่จะปรากฏบริเวณทวีปอเมริกาเหนือ และยังเชื่ออีกว่าผู้คนจํานวนมากที่อาศัยอยู่ในแอตแลนติสได้เกิดในสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาและนําโลกสู่ยุคใหม่

เครดิตรูปภาพจาก petmaya.com
  1. การเชื่อมต่อนอกโลกในแอตแลนติส

มีความเชื่อว่าชาวแอตแลนติส จริง ๆ เป็นมนุษย์ที่มาจากดาวดวงอื่น พวกเขาสูงและมีผิวพรรณผุดผ่องกว่ามนุษย์ในปัจจุบัน พวกเขามาที่นี่เมื่อราว 50,000 ปีก่อนจากระบบดาวไลรา อายุไขโดยเฉลี่ยของพวกเขายืนยาวถึง 800 ปี นั่นทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งกว่ามนุษย์เรามากนัก

  1. พลังพิเศษของแอตแลนติส

ชาวแอตแลนติสถูกเชื่อว่ามีพลังอำนาจพิเศษที่ช่วยควบคุมสภาพดินฟ้าอากาศ สามารถหยุดการปะทุของภูเขาไฟ และพายุฝนฟ้าคะนองได้ บางคนก็เชื่อว่ามันอาจไม่ใช่อำนาจพิเศษ แต่เป็นเทคโนโลยีบางอย่าง ที่ล้ำสมัยกว่าในปัจจุบันนี้ และยังคงมีทฤษฎีที่เชื่อว่า ชาวแอตแลนติสไม่ได้สูญหายไปจากไหน เพียงแต่พวกเขาย้ายที่อยู่ไปอยู่ใต้ทะเลที่ไหนสักแห่ง ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้

เครดิตรูปภาพจาก nextsteptv.com
  1. เรื่องเล่าทั้งหมดมาจากเรื่องจริง ?

ในขณะที่หลายคนยังคงคิดว่าเมืองที่หายไปของแอตแลนติสเป็นเพียงตํานาน โดยนักสํารวจมหาสมุทร โรเบิร์ต บัลลาร์ด (Robert Ballard) พบตรรกะในเรื่องที่มีความคล้ายคลึงกันกับการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ในเกาะซานโตรินี (Santorini) ในทะเลอีเจียน (Aegean Sea) ใกล้กับประเทศกรีซ ส่วนอาริสโตเติล (Aristotle) นักปรัชญากรีกโบราณที่เป็นลูกศิษย์ของเพลโต และเจมส์ โรมม์ (James Romm) ศาสตราจารย์ในวิทยาลัยบาร์ด (ฺBard College) มีความเชื่อใกล้เคียงเกี่ยวกับแนวคิดของเพลโต ที่มีการสร้างเรื่องราวเพื่อถ่ายทอดทฤษฎีปรัชญาส่วนใหญ่เกี่ยวกับวิสัยทัศน์และอารยธรรมในอุดมคติของเพลโตด้วยเช่นกัน

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส