เมื่อพูดถึงเรื่องราวแปลก ๆ ในโลกของอนิเมะหลายคนอาจจะบอกว่า “จะไปจริงจังทำไม มันก็เป็นแค่การ์ตูนอะไรก็เกิดขึ้นได้” ซึ่งถ้ามองในมุมนี้มันก็ใช่และเราก็ไม่ได้หยิบเรื่องเหล่านั้นมาพูดถึง แต่สิ่งที่เราหยิบมาพูดถึงนั้นคือเรื่องราวของความแปลกในความแปลกที่เกิดขึ้นอีกที ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องจริงจังที่หลายคนพยายามหาคำตอบกันเลยก็มี หรือบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่หลายคนคิดไม่ถึง แต่เมื่อคิดตามแล้วก็จะอุทานออกมาว่า “ใช่จริงด้วย แบบนี้ก็ได้หรอ” ออกมาอย่างแน่นอน ขณะที่บางเรื่องก็เป็นเรื่องขำขันเฮฮาที่ไม่ต้องจริงจังมากปน ๆ กันไป มาดูกันว่าจะมีเรื่องราวแปลก ๆ ที่คุณต้องอุทานว่าแบบนี้ก็มีด้วยหรอในอนิเมะเรื่องไหนบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย

เขาของ Mori Ran จากเรื่อง Detective Conan

Detective Conan

เริ่มต้นเรื่องแปลกเรื่องแรกในอนิเมะที่หลายคนคงจะรู้สึกสงสัย กับเรื่องทรงผมของ โมริ รัน (Mori Ran) นางเอกจากเรื่อง ยอดนักสืบที่ตัวจะเป็นเด็กแต่สมองกลับเป็นผู้ใหญ่ชื่อของเขาคือยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ‘Detective Conan’ ที่ไม่ใช่แค่ในบ้านเราที่สงสัยในเรื่องนี้แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็สงสัยเหมือนกัน ว่ารันนั้นไว้ผมทรงอะไรหรือนั่นคือเขาของเธอกันแน่ เพราะนับวันเขาบนหัวเธอยิ่งใหญ่และแหลมขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเราย้อนกลับไปดูสมัยเด็กเขาของเธอก็แหลมชี้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้มีคนไปหาคำตอบมาแล้วจากผู้เขียนบอกว่า ความจริงแล้วทรงผมของรันนั้นอ้างอิงมาจากทรงผมของนักร้องชื่อดังในยุคนั้นอย่าง คุโดะ ชิซึกะ (Kudo Shizuka) ที่จะเป็นการปัดผมหน้าขึ้นมา ซึ่งเป็นที่นิยมมาก ๆ ในช่วงต้น 90s (ใครที่เกิดทันน่าจะคุ้นกับทรงผมแบบนี้ตามรายการต่าง ๆ ในบ้านเรา) ซึ่งอาจารย์ผู้เขียนอาจจะหยิบยืมทรงผมนั้นมาใช้ และด้วยความที่เป็นการ์ตูนเลยไม่ได้รายละเอียดลงไปมากมายนัก จนวันเวลาผ่านไปตรงส่วนนั้นก็ยิ่งแหลมขึ้น ที่เหมือนอาจารย์คนเขียนเองก็ลืมคิดไป นั่นจึงกลายเป็นปริศนาในโลกของอนิเมะที่หลายคนพยายามหาคำตอบมาจนถึงตอนนี้

Detective Conan

Kiji Brother ขบวนการ 5 สี ที่สีชมพูเป็นผู้ชาย จากเรื่อง Avataro Sentai DonBrothers

Avataro Sentai DonBrothers

เมื่อพูดถึงขบวนการ 5 สีหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘Sentai’ นั้นเราก็จะคิดถึงหัวหน้าขบวนการที่เป็นสีแดง และมีสีอื่น ๆ ประกอบสลับกันไป ซึ่งถ้าใครเคยดูซีรีส์ขบวนการ 5 สีมาก่อน จะทราบดีว่าตัวละครที่เป็นสีเหลืองกับสีฟ้าในขบวนการนี้ จะมีการเปลี่ยนเพศไปมาตลอดแล้วแต่การตีความของซีรีส์นั้น ๆ ที่บางครั้งก็เป็นผู้หญิงบางทีก็เป็นผู้ชาย จะมีเพียงสีชมพูเท่านั้นที่ถูกำหนดให้เป็นเพศหญิงตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง (สีแดงเพศหญิงก็เคยมี) แต่เมื่อมาถึงขบวนการล่าสุดอย่าง ‘Avataro Sentai DonBrothers’ นั้นกลับเปลี่ยนทุกอย่างที่เคยมีในขบวนการ 5 สีแบบเดิม ๆ ไปจนหมด หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนตัวละครสีชมพูอย่าง ‘Kiji Brother’ ให้เป็นพนักงานกินเงินเดือนที่ชื่อ สึโยชิ คิจิโนะ (Tsuyoshi Kijino) ผู้ชายที่แสนธรรมดาแต่ต้องมาแปลงร่างเป็นสีชมพู และที่เฮฮาสุดก็คือขบวนการนี้สามารถแปลงร่างเป็นขบวนการรุ่นพี่ในสีตัวเองได้ด้วย ซึ่งเมื่อสึโยชิแปลงร่างเป็นรุ่นพี่สีชมพูเขาจะมีหน้าอกด้วย ที่ขนาดเจ้าตัวเองยังตกใจตอนเปลี่ยนร่างเลย นับเป็นเรื่องแปลกที่น่าสนใจมาก ๆ เกี่ยวกับขบวนการนี้ จนหลายคนอยากรู้ว่าเรื่องราวที่เฮฮาแบบนี้จะจบลงอย่างไร

Avataro Sentai DonBrothers

Giorno Giovanna เด็กที่เกิดจากศพ จากเรื่อง JoJo’s Bizarre Adventure

JoJo's Bizarre Adventure

เชื่อว่าหลายคนคงจะได้ชมอนิเมะ ‘JoJo’s Bizarre Adventure’ ภาค ‘Golden Wind’ กันไปแล้ว และคงจะทราบตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่าตัวเอกของเรื่องอย่าง โจรูโน่ โจบาน่า (Giorno Giovanna) นั้นคือลูกชายของ ดิโอ แบรนโด (Dio Burando) ตัวร้ายจากซีรีส์ภาค 1 และ 3 ที่ตัวของดิโอนั้นคือผีดิบ ซึ่งในตอนนั้นเขาเหลือเพียงหัวในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับ โจนาธาน โจสตาร์ (Jonathan Joestar) ในช่วงท้ายของอนิเมะภาคแรก หลังจากนั้นดิโอก็หายตัวไปหลายสิบปี จนมาปรากฏตัวอีกครั้งในภาคที่ 3 พร้อมกับร่างท่อนล่างลงไปตั้งแต่คอลงมาของโจนาธาน ที่มีปานรูปดาวเป็นตัวบอกคนดู (รูปประกอบด้านล่าง) นั่นก็หมายความว่าตัวของโจรูโน่นั้นคือคนของตระกูลโจสตาร์อย่างแน่นอน เพราะเขาก็มีปานรูปดาวที่คนตระกูลนี้มี แต่ถ้าเราลองคิดให้ดี ๆ งั้นก็หมายความว่าโจรูโน่นั้นเกิดมาจากศพท่อนล่างของโจนาธาน น้ำเชื้อที่ผลิตออกมาทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรที่เป็นของดิโอเลยแม้แต่น้อย ที่พอคิดแบบนี้แล้วกลับสงสารดิโอขึ้นมาทันที เพราะแทนที่เขาจะสร้างลูกหลานของตัวเอง แต่กลับเป็นการสร้างเชื้อสายคนของโจสตาร์ที่ตัวเองเกลียดขึ้นมามากมายแทนซะงั้น

JoJo's Bizarre Adventure

Takishido Kamen กับดอกกุหลาบของเขา จากเรื่อง Sailor Moon

Sailor Moon

คราวนี้มาดูปริศนาที่หลายคนพยายามหาคำตอบ ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ เกี่ยวกับตัวละครสุดหล่อโดนใจสาว ๆ อย่าง ‘Takishido Kamen’ หรือที่เรารู้จักในชื่อ “หน้ากากทักซิโด้” จากเรื่อง ‘Sailor Moon’ ที่เราก็ทราบกันอยู่แล้วว่าตัวจริงของพี่เขาคือ มาโมรุ จิบะ (Mamoru Chiba) หนุ่มมหาลัยที่จีบสาวมัธยมต้นมาเป็นแฟน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่เราจะมาพูดถึง แต่สิ่งที่หลายคนสงสัยกว่านั้นคืออาวุธของเขาที่เป็นกุหลาบสีแดงที่สวยงาม ซึ่งคุณหน้ากากทักซิโด้สามารถใช้ในเป็นอาวุธทำลายล้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งที่เป็นประเด็นคือตอนที่เขาปาดอกกุหลาบใส่ศัตรู มันดูผิดหลักฟิสิกส์อย่างไม่น่าเป็นไปได้ (รูปประกอบด้านล่าง) เพราะแทนที่คุณหน้ากากทักซิโด้จะปาดอกกุหลาบโดยการใช้ก้านกุหลาบพุ่งตรงใส่ศัตรู แต่กลับเป็นด้านดอกที่พุ่งเข้าหาศัตรูแทน และที่แปลกยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อกุหลาบปักลงพื้นหรือใส่ศัตรูมันกลับเป็นด้านก้านไปเสียอย่างนั้น เล่นเอาหลายคนที่ดูอนิเมะงงไปตาม ๆ กันเลย หรือว่านั่นคือการสร้างภาพลวงตาให้ศัตรูมองเห็นว่านั่นคือดอกกุหลาบที่ไม่มีด้านคมเพื่อให้ศัตรูตายใจก็ได้ (นี่ช่วยแก้ตัวแบบสุด ๆ ให้แล้วนะ)

Sailor Moon

Neo Armstrong Cyclone Jet Armstrong เส้นขั้นระหว่างอาวุธและความอนาจาร จากเรื่อง Gintama

Gintama

คำถามแรกเมื่อคุณได้เห็นรูปปืนใหญ่ทำลายล้างสูง ‘Neo Armstrong Cyclone Jet Armstrong’ คุณจะคิดว่ามันคือปืนใหญ่หรือสิ่งที่เรียกว่าลามกอนาจาร ซึ่งไม่ใช่แค่เหล่าคนดูที่ถกเถียงเรื่องนี้ ไม่ซิคนที่ดูอนิเมะเรื่อง ‘Gintama’ ทุกคนไม่มีใครสงสัยหรือมองไปในทางลามกอนาจารเลย แต่ทุกคนมองเป็นปืนใหญ่ทำลายล้างสูง ‘Neo Armstrong Cyclone Jet Armstrong’ ทุกคน ไม่เชื่อลองเรารูปนี้ไปถามแฟนอนิเมะเรื่องนี้ทุกคนจะตอบคุณแบบนั้นทุกคน จะมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่มองว่านี่คือสิ่งลามกอนาจาร หนึ่งในนั้น (ทั้งเรื่องมีคนเดียว) นั่นคือ ชิมูระ ชินปาจิ (Shimura Shinpachi) ที่เมื่อเห็นปืนใหญ่ทำลายล้างสูง ‘Neo Armstrong Cyclone Jet Armstrong’ เขาก็โวยวายทันทีว่ามันไม่เหมาะสม ขณะที่ตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องที่มาเห็นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันคือ ปืนใหญ่ทำลายล้างสูง ‘Neo Armstrong Cyclone Jet Armstrong’ ไม่มีใครมองไปทางด้านไม่ดีเลย แล้วคุณละมองว่ามันคืออะไร

Gintama

เส้นขั้นบาง ๆ ระหว่างใสซื่อกับแกล้งไม่รู้ จากเรื่อง SPY×FAMILY

 SPY×FAMILY

เชื่อว่าหลายคนคงจะได้ดู ‘SPY×FAMILY’ ตามช่องถูกลิขสิทธิ์ต่าง ๆ กันไปแล้ว และคงจะได้เห็นความรู้สึกแปลกใจในการ์ตูนเรื่องนี้เกี่ยวกับการโกหกของ ลอยด์ ฟอร์เกอร์ (Loid Forger) ที่บอกกับ ยอ ไบรเออร์ (Yor Briar) ว่าตนเองเป็นจิตแพทย์แต่กลับถูกเหล่าคนไข้ไล่ล่าเอาชีวิตระหว่างที่ทั้งคู่เพิ่งเริ่มคบกัน แถมตัวลอยด์ก็ใช้ของแข็งฟาดใส่คนไข้ ที่คนดูอย่างเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าลอยด์นั้นเป็นสายลับที่ถูกตามล่า แต่สิ่งที่เล่นเอาคนดูแปลกใจคือสิ่งที่ยอเธอเชื่อว่าสิ่งที่ลอยด์ทำมันคือเรื่องจริง ทั้งการถูกคนไข้ตามล่าทั้งการบำบัดด้วยการทุบด้วยของแข็ง ที่ตัวลอยด์โกหกแบบรีบ ๆ แต่สาวเจ้ากลับเชื่อเสียอย่างนั้น จนแม้แต่ลอยด์เองยังสงสัยเลยว่าเธอแกล้งเชื่อรึเปล่า ซึ่งเมื่อเราดูต่อไปจะรู้เลยว่าเธอเชื่อแบบนั้นจริง ๆ ซึ่งมันขัดกับตัวตนของเธอมาก ๆ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่ายอ ไบรเออร์นั้นคือยอดนักฆ่าฉายา ‘Thorn Princess’ แต่กลับเชื่ออะไรง่าย ๆ แบบนี้เลยหรอ จนหลายคนที่ได้ดูต่างอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า แบบนี้ก็ได้หรอออกมาดัง ๆ เลยทีเดียว

 SPY×FAMILY

ผู้อยู่เหนือมนุษย์ จาก Tokyo Revengers

Tokyo Revengers

เมื่อพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนิเมะซึ่งมันขัดกับความเป็นจริง ก็คงจะมีคนออกมาขัดว่าจะเอาอะไรมากมายกับโลกของอนิเมะ ที่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนในภาพยนตร์ ซึ่งก็ใช่แต่บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในอนิเมะ เขาก็บอกเราอยู่ว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นมันคือพื้นฐานจากความจริงของคนทั่วไป ยกตัวอย่างเรื่อง ‘Tokyo Revengers’ ที่ถ้าตัดเรื่องการเดินทางข้ามเวลาออกไปและมองแค่เรื่องราวของนักเลงตีกัน ซึ่งทั้งหมดยังเป็นเด็กมัธยมแต่ก็ตั้งกลุ่มครองเมืองโดยไม่สนใจเหล่ายากูซ่าที่เป็นผู้ใหญ่เลย เหมือนจู่ ๆ พวกนี้ก็ตั้งกลุ่มแล้วครองเมืองโดยที่ตำรวจเหมือนไม่มีตัวตน ซึ่งตรงนั้นเมื่อเทียบกับความเป็นจริงก็คล้ายอยู่เราจึงไม่ขอพูดถึง แต่สิ่งที่ขัดตาขัดใจใครหลาย ๆ คนคือความเก่งเหนือมนุษย์ของ มันจิโร ซาโนะ (Manjiro Sano) หรือที่เราเรียกเขาว่า ไมค์กี้ (Mikey) ที่หมอนี่เรียกว่าเก่งผิดมนุษย์เก่งแกร่งเกินคนทั่วไป ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงเหมือน ไซตามะ (Saitama) ใน ‘One Punch Man’ ที่ความเก่งแกร่งเหนือมนุษย์ของไมค์กี้คุงนั้นมีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งจนถึงตอนนี้ปริศนาความแข็งแกร่งของไมค์กี้คุงคืออะไร หรือว่าเคล็ดลับความแข็งแกร่งของไมค์กี้คุงคือการวิดพื้น 100 ครั้ง ซิทอัพ 100 ครั้ง ลุกนั่ง 100 ครั้ง และวิ่ง 10 กิโลเมตรทุกวัน จนแข็งแกร่งแบบไซตามะแน่  ๆ

Tokyo Revengers

ไปต่างโลกแต่ทำไมต้องอ้างอิงระบบจากเกม

Kumo Desu ga, Nani ka?

ปิดท้ายกับเรื่องราวแปลก ๆ ที่มีอยู่ช่วงหนึ่งวงการอนิเมะและนิยาย จะมีการแต่งเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไปต่างโลกของคนในโลกปกติ ที่ไปอยู่ในโลกของแฟนตาซีที่มีเวทมนตร์สัตว์ประหลาด ซึ่งการไปต่างโลกแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหรือไม่ชอบอะไร ตรงข้ามมันกลับสนุกทุกเรื่องเสียด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่หลายคนต่างสงสัยคือทำไมเวลาไปต่างโลกถึงต้องอ้างอิงระบบจากเกมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบที่เรียกว่า ‘Skill’ ที่หมายถึงความสามารถติดตัวของตัวละครนั้น ๆ ที่จะมีการเพิ่มความสามารถต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบ ‘Level Up’ หรือที่ภาษาเกมบ้านเราเรียกว่า “ค่าประสบการณ์” ที่เกิดจากการสังหารสิ่งมีชีวิตเราก็จะได้แต้มมาเพื่อพัฒนาตัวเอง ซึ่งมันคือระบบของเกมภาษาหรือ ‘RPG’ ที่คนเล่นเกมรู้จัก ซึ่งเกือบทุกเรื่องที่เรารู้จักไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ‘Tensei Shitara Slime Datta Ken’ หรือชื่อไทยอย่าง “เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว” ไปจนถึง ‘Kumo Desu ga, Nani ka?’ ที่ชื่อไทย “แมงมุมแล้วไงข้องใจเหรอคะ” ก็ใช้ระบบจากเกมแบบชัดเจน ที่หลายคนต่างสงสัยว่าทำไมต้องอิงจากเกมด้วย คงเพราะมันสามารถอธิบายให้เห็นภาพได้ง่าย หรือเพราะมันดูแปลกใหม่น่าสนใจจนคนอื่น ๆ เอามาทำตามซึ่งเราก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่รู้ ๆ หลายคนกลับชื่นชอบการไปต่างโลกและอ้างอิงระบบเกมแบบนี้ จนมันกลายเป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่ควรมีที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว

Kumo Desu ga, Nani ka?
Tensei Shitara Slime Datta Ken

ก็จบกันไปแล้วกับ 8 เรื่องราวแบบนี้ก็ได้หรอกับสิ่งต่าง ๆ ในโลกของอนิเมะที่เราหยิบมาพูดถึง  ซึ่งต้องบอกก่อนว่าทุกเรื่องที่เราหยิบมาพูดถึงนั้นมันคือเรื่องของการพูดเล่นกันสนุก ๆ เป็นการแซวกันแบบขำ ๆ อย่าไปหาความจริงหรือเหตุผลมารองรับ เพราะอย่างที่คนดูอนิเมะหลายคนพูดเสมอว่า เพราะมันเป็นการ์ตูนเลยไม่ต้องไปหาความจริง รวมถึงเนื้อหาในบทความนี้ด้วยที่ก็เอามาบอกเล่าแบบสนุกเฮฮาไม่ต้องไปจริงจังมาก อ่านกันสนุก ๆ เพราะหลายเรื่องเราก็ต้องอุทานว่าแบบนี้ก็ได้หรอจริง ๆ ซึ่งถ้าคุณมีเรื่องราวที่ต้องอุทานว่าแบบนี้ก็ได้หรอเรื่องไหนอีกก็เอามาพูดคุยกันได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรอีกก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว รับรองไม่พลาดทุกข่าวสารบทความแปลก ๆ ใหม่ที่ไม่เคยอ่านที่ไหนแน่นอนนอกจากที่นี่ ยังไงก็ติดตามกันได้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส