School Tales เรื่องผีมีอยู่ว่า งานหนังผีจากค่ายไฟว์สตาร์ที่ส่งหนังผีมาให้คนไทยดูประจำ ดีๆก็มีงานคลาสสิคอย่าง ลองของ (2548) และเปนชู้กับผี (2549) มาคราวนี้จับผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง ภาส พัฒนกำจร ที่เคยมีผลงานอย่าง รักจัดหนัก (2554) และซีรีส์ ฝัน / เปลี่ยน / โลก (The Change Company) (2557) มาขายไอเดียหนังผีแนวแปลกที่ไม่ค่อยคุ้นเคยในบ้านเราดู ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น เรื่องมีอยู่ว่า..

School Tales เล่าถึงโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งมีตำนานผีประจำโรงเรียนมากมาย ในวันหนึ่งสมาชิกชมรมดุริยางค์ของโรงเรียนกลุ่มหนึ่งทำการจุดเทียนเล่าเรื่องผี แบบในพวกเรื่องเล่าญี่ปุ่นที่เล่าจบหนึ่งเรื่องก็เป่าเทียนให้ดับไปหนึ่งเล่ม โดยแต่ละคนก็ประกอบด้วยคู่เพื่อนจอมกลั่นแกล้งอย่างเน็ต และฝ่ายที่ถูกแกล้งเล่นประจำอย่าง ท็อป คู่เพื่อนสนิทสองสาวที่มีเรื่องผิดใจกันอย่าง เมย์ และ ครีม สุดท้ายคือคู่เพื่อนปากเก่งอย่าง สอง และ พีท โดยการกระทำของทั้งหมดอยู่ในสายตาของ โอม รุ่นพี่หัวหน้าชมรมที่ไม่มีน้องคนไหนเคารพ กับ ปัน เพื่อนสาวคนสนิทของโอมที่แสนลึกลับและหมกตัวอยู่ในห้องชมรมวิทยาศาสตร์อยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนครับเมื่อลองดีอยากเจอผี ทั้งหมดก็จะได้เจอตามหลักหนังผี

ในเรื่องเล่าฝั่งผีนั้นก็มีหลากหลายคาแรกเตอร์ตั้งแต่ ยักษ์ ผีนักเรียนที่ใส่ขาเหล็กและมักปรากฏกายที่ตึกเรียนเก่า พร้อมเสียงถามเหยื่อว่า อยู่ไหน ซึ่งหากใครตอบรับมันก็จะจับไปฆ่าตรงที่มันเคยถูกกลั่นแกล้งจนตาย ภาวดี ผีดาวชมรมดนตรีสากลที่ใครไปเล่นฟรุต 9 โน้ตที่หน้ากระจกที่เธอถูกฆ่าตายจะถูกเธอสิงจนถึงแก่ความตายตามกัน ผีห้องสมุด ที่หากใครไปตะโกนเสียงดังในห้องสมุดยามค่ำคืน จะมีเสียงชู่ให้เงียบดังมา จากนั้นผีห้องสมุดก็จะติดตามคนๆนั้นเพื่อเปิดใบหน้าของมันให้ชมก่อนตาย และสุดท้าย ตำนานผีอาคาร 3 ที่เล่าว่าจะมีห้องๆหนึ่งที่เปิดไฟทิ้งไว้ ใครก็ตามที่ไปปิดมันจะเจอผีใส่หน้ากากไล่ล่าจนตาย เรียกว่าผีแต่ละตัวก็มีสตอรี่ของตัวเองชัดเจน และได้บรรยากาศพวกเรื่องสยองประจำโรงเรียนแบบญี่ปุ่นมากๆด้วย

ข้อดีของหนังคือ หนังคิดคอนเซปต์ในการเป็นผีที่น่าสนใจครับ คือผีนั้นแต่เดิมก็มาจากเรื่องจริงที่เป็นแบบหนึ่ง แต่เมื่อผ่านเวลาและคำบอกเล่าต่างๆก็ถูกแต่งเติมให้น่ากลัวขึ้นๆ จนไม่เหลือเค้าความจริงเดิม ผีที่น่ากลัวก็อุบัติขึ้นมาจากโศกนาฏกรรมของใครสักคนแบบนี้เอง ก็นับว่าแม้แนวคิดจะไม่ได้ใหม่จนแสตนดิ้งโอเวชั่น แต่ก็ถือว่าใหม่กับสไตล์หนังไทยมากทีเดียว ทั้งยังต้องชื่นชมความคิดกลั่นกรองการเป็นผีของผีแต่ละตัวไว้ด้วยปมอันสัมพันธ์กับคู่เพื่อนที่ต้องไปพัวพัน ซึ่งสะท้อนและคลี่ปมได้อย่างมีเหตุมีผลมากๆ อย่างคู่เพื่อนที่ฝ่ายหนึ่งชอบแกล้งฝ่ายหนึ่งแรงๆอย่าง เน็ต และ ท็อป ก็ต้องมาไขปริศนาของผียักษ์ที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้งจนตายด้วย อะไรแบบนี้ ตรงนี้ทำให้เห็นว่าใส่ใจบทในฐานะแก่นการเล่าอย่างดีเลยครับ

ท็อป เด็กอ้วนที่ตกเป็นเป้าการแกล้งของเพื่อนๆเสมอ

หนังใช้อนิเมชั่นในการเล่าเรื่องผีแต่ละตัว สไตล์อนิเมะสยองขวัญเรื่อง ยามิชิมไบ ทีเดียว

แต่กระนั้นข้อเสียของบทก็มีเหมือนกัน หนังค่อนข้างนานเกือบๆสองชั่วโมง แต่บางส่วนที่คิดว่าน่าจะขยี้อย่างพวกปมความสัมพันธ์กลับน้อยไปหน่อยในบางตัวละคร และบางส่วนที่คิดว่าไม่ต้องใส่มาก็ได้อย่างเรื่องช่วงขยี้ความรักที่เหมือนจะอยากทำให้อินแต่ก็ไม่ทันได้อินแถมดูเป็นแฟลชแบ็กเอ็มวีแนวน้ำเน่าไปเสียอีก ตรงนี้คงมาจากการเติมให้หนังมีครบรสซึ่งเอาจริงๆก็ไม่จำเป็นนักเพราะเป็นซับพล็อตที่ไม่ได้ส่งผลกับพล็อตหลักเท่าใด

อีกอย่างคือแม้จะปูเนื้อหาผีมาดีแต่การคลี่คลายและเฉลยปมผีบางตัวก็จัดว่าเดิมๆ น้ำเน่าและคาดเดาได้ง่ายมากเช่นกัน ทำให้ความรู้สึกว้าวมันหายไป มาทำได้ดีตอนผีตัวสุดท้ายหน่อย ที่ลุ้นและประหลาดใจที่สุดในผีทุกตัวแล้ว แต่กระนั้นด้วยการคลี่คลายด้วยบทพูดที่แม้คอนเซปต์จะดีเรื่องการถูกลืม แต่หนังให้รายละเอียดน้อยไป คำพูดก็ไม่เคลียร์ทำให้รู้สึกคลี่คลายปมง่ายไปหน่อยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโดยภาพรวมก็ต้องบอกว่าบทหนังให้รสผีไทยแบบใหม่ๆที่ดึงข้อดีจากงานในแนวอื่นๆของญี่ปุ่นมาปรับใช้ในบริบทไทยๆ ที่สะท้อนปัญหาวัยรุ่นทั้งเรื่องการกลั่นแกล้ง การถูกสังคมปฏิเสธ ความแปลกแยกเหล่านั้นได้อย่างดี

ส่วนข้อเสียที่ใหญ่สุดๆคงเป็นเรื่องการแสดง หรืออาจต้องล่วงไปถึงว่าการสร้างตัวละครที่ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย โดยเฉพาะคู่ โอม และ ปัน ที่เป็นเหมือนนักสืบคอยช่วยเหลือรุ่นน้องในการไขคดีต่างๆ เรียกว่ามีบทบาทเป็นแก่งกลางทีเดียว ทว่าตัวละครสองตัวนี้ช่างไร้ความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง หรือถ้าจะเป็นคนก็ต้องบอกว่ามีปัญหาในการแสดงความรู้สึก ทักษะการพูดสื่อสาร หรือมีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์แบบมนุษย์กันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะการเล่นหน้าเดียว อารมณ์เดียว น้ำเสียงเรียบๆเป็นจังหวะๆเหมือนอ่านมากกว่าพูด รวมถึงพฤติกรรมที่พูดไม่ถูกว่าจะแปลกแยกหรือมีความห่วงใยผู้อื่นดี ซึ่งกลายเป็นปัญหาความเชื่อถือและความสมจริงทีเดียว และไม่ใช่ว่าตัวละครอื่นจะไม่มีปัญหา นักแสดงทุกคนมีปัญหาหมดเลย แต่หนักสุดก็คือสองคนที่บอกนี่ล่ะครับ

สรุป

หนังเรื่องนี้นับเป็นหนังผีคอนเซปต์แหวกตลาด ที่ใช้ความเป็นหนังผีสะท้อนปัญหาความสัมพันธ์และสังคมวัยรุ่นภายในโรงเรียนได้อย่างมีระดับมากๆ ผ่านการคิดในตัวบทต่างๆมาอย่างดี แต่ก็มาตกม้าตายในๆหลายๆส่วนที่เป็นการเล่าเรื่อง ทั้งการสร้างบรรยากาศที่ยังไม่กดดันน่ากลัวจนขนลุกซู่ เอฟเฟกต์ผีที่น่าจะทำได้หลอนกว่านี้มากๆ และที่สำคัญคือการสร้างตัวละครที่ไม่สมจริง จนอาจไม่อินไปกับสารดีๆที่หนังพยายามจะเล่าออกมา แต่ถ้าถามว่าหนังควรดูไหม ถ้าไม่ใช่สายต้องการความสยองขนลุกขนพองเอะอะๆหลอก เอะอะๆสะดุ้ง จัดว่าเป็นหนังที่บทให้เหตุให้ผลดี ทั้งยังได้ข้อคิดหลายๆอย่าง ควรดูครับด้วยคุณงามความดีที่ได้กล่าวมา

Play video