อย่างที่คอหนังทราบกันดีว่า ฮอลลีวูดคืออุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแต่ละปีมีการลงทุนมหาศาล แล้วนับวันหนังแต่ละเรื่องก็ใช้ทุนสร้างมากขึ้น เพื่อตอบสนองจำนวนผู้ชมที่มากขึ้นและช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคได้ทั่วถึงขึ้นตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ซึ่งทุนสร้างดังกล่าวนั้นก็รวมไปถึงค่าตัวของนักแสดง โดยเฉพาะบรรดานักแสดงแถวหน้าที่ค่าตัวก็อยู่ในระดับที่มหาศาลเกินคาด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาและเธอเหล่านี้ก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับบทบาทที่รับในระดับที่สมค่าราคาที่สตูดิโอควักกระเป๋าจ่าย
อย่างที่เราได้ข่าวกันเนือง ๆ ว่านักแสดงหลายคนก็เสี่ยงตายเล่นฉากสตันท์เอง บางคนก็เปลี่ยนแปลงสภาพร่างให้เข้ากับบท กลายเป็นอ้วนบ้าง กลายเป็นคนผอมขี้โรคบ้าง ซึ่งบางบทบาทพวกเขาเหล่านั้นก็ต้องฝึกฝน ฟิตซ้อมทักษะความสามารถต่าง ๆ ล่วงหน้าเป็นเดือนหรือเป็นปี ก่อนจะถึงวันเปิดกล้อง โดยเฉพาะหนังที่เกี่ยวกับชีวประวัติต่าง ๆ นั้น นักแสดงก็ต้องฝึกซ้อมทักษะพิเศษใหม่เพื่อบทนั้น ๆ สุดท้ายเขาและเธอเหล่านี้ก็ได้ความสามารถเหล่านี้ติดตัวมาเป็นของแถม มาดูกันซิว่ามีนักแสดงคนไหนบ้างที่มีความสามารถพิเศษเหนือคนทั่วไปแล้วมาจากหนังเรื่องอะไรกันบ้าง
ทอม ครูซ กลั้นหายใจได้นาน 6 นาที จากหนัง Mission Impossible: Rogue Nation


ในบรรดานักแสดงชื่อดังที่ชอบแสดงฉากผาดโผนเสี่ยงตายด้วยตัวเองนั้น ชื่อแรกที่คอหนังคิดถึงก็ต้องเป็น เฉินหลง หรือ แจ็กกี้ ชาน แต่อีกชื่อหนึ่งที่รองลงมาก็ต้องไม่พ้นเขาคนนี้ ทอม ครูซ (Tom Cruise) พระเอกอเมริกัน ที่วันนี้อายุอานามก็ปาไป 59 ปีแล้ว ทอม ครูซ เป็นพระเอกที่โด่งดังมาตั้งแต่ยุค 80s ผ่านมาทุกบทบาท ทุกแนวหนัง คอมเมดี้, หนังเพลง, ชีวประวัติ, แฟนตาซี, ดราม่า แต่ครูซเริ่มมาเป็นพระเอกแอ็กชันสายฮาร์ดคอร์ก็ในช่วง 10 ปีหลังนี่ล่ะ ตั้งแต่เขาเริ่มจับทางความชอบของผู้ชมได้จากหนัง Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011) หรือภาคที่ 4 ของแฟรนไชส์ Mission: Impossible ในภาคนี้มีฉากที่ใช้โปรโมตคือฉากปีนตึกระฟ้าด้วยมือเปล่า กลายเป็นว่าตั้งแต่ภาคนี้เป็นต้นไป ทีมงานผู้สร้างก็เลยต้องทำการบ้านขบคิดกันว่าภาคต่อไป จะให้ครูซโชว์ฉากสตันท์เสี่ยงตายแบบไหนกัน เราก็เลยได้เห็นภาพครูซเกาะเครื่องบินที่กำลังบินขึ้นจากสนามบิน, ขับเฮลิคอปเตอร์ผาดโผน, ขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศร, ดิ่งพสุธาแบบ HALO เขาผู้นี้ทำมาหมดแล้ว
แต่หนึ่งในฉากเสี่ยงตายที่น่าประทับใจที่สุด แม้ว่าหนังจะไม่ได้นำมาโปรโมตเท่าใดนักก็คือฉากดำน้ำจากหนังภาค 5 Rogue Nation ในฉากนี้อีธาน ฮันต์ (Etan Hunt) บทบาทของครูซจะต้องดำน้ำเป็นระยะทางไกล ซึ่งแน่นอนว่าครูซต้องฝึกฝนการดำน้ำเพื่อฉากนี้เป็นเวลา 2 เดือน และระหว่างที่ฝึกอยู่นั้น ครูซถึงกับหมดสติมาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อเป้าหมายสำคัญที่สุดในก็คือ กลั้นหายใจให้ได้นานที่สุด แล้วในที่สุดครูซก็สามารถกลั้นหายใจใต้น้ำได้ยาวนานเกินมนุษย์มนาถึง 6 นาทีเต็ม
ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ สื่อสารกับกอริลลาได้ใน Gorillas In The Mist


ถึงแม้ว่าคอหนังจะจำชื่อและหน้าตาของซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ (sigourney weaver) ได้จากบทบาท เอ็ลเล็น ริปลีย์ (Ellen Ripley) จากแฟรนไชส์ Alien ส่วนผลงานอื่น ๆ ของเธอก็ออกแนวไซไฟบ้าง คอมเมดี้บ้างอย่าง Ghostbusters และ Avatarแต่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยเล่นหนังที่ขายการแสดงจริงจังใน Gorillas In The Mist (1988) หนังชีวประวัติของ ไดแอน ฟอสซีย์ (Dian Fossey) นักสัตววิทยาชาวอเมริกัน ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อศึกษาพฤติกรรมของกอริลลา เธอมีชื่อเสียงจากการผลงานวิจัยกลุ่มลิงกอริลลาภูเขา ในป่าทึบของประเทศรวันดา
ซึ่งผู้กำกับตั้งใจอย่างมากที่จะถ่ายทอดตัวตนของไดแอน ฟอสซีย์ ออกมาให้สมจริงอย่างที่สุด นั่นแปลว่าวีเวอร์จะต้องเข้าฉากกับกอริลลาตัวเป็น ๆ เพื่อการนี้วีเวอร์จำต้องไปเรียนวิธีการสื่อสารกับกอริลลา เพื่อที่จะทำให้พวกมันรู้สึกปลอดภัยสบายใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้กับตัวเธอ วีเวอร์ต้องเรียนการสื่อสารด้วยท่าทางกับกอริลลา และยากที่สุดคือการใช้ ‘เสียงเรอ’ แทนการพูดแบบวานร
บางคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ต่างก็ประจักษ์แล้วว่า วีเวอร์ทำได้สำเร็จอย่างที่มุมานะพยายามมา เธอทำให้เหล่ากอริลลาไว้ใจและรู้สึกสบายใจปล่อยให้เธอเข้าไปคลุกคลีใกล้ ๆ ได้ ในที่สุดความพยายามของเธอก็คุ้มค่า ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบท ไดแอน ฟอสซีย์ แม้ว่าสุดท้ายเธอจะพลาดไปก็ตาม
โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ เดินบนเส้นลวดได้ จากหนัง The Walk


The Walk หนังที่สร้างเสียงฮือฮาพอควรในปี 2015 ที่ออกฉาย เสียงยืนยันจากแทบทุกคนที่ได้ดูในโรงภาพยนตร์ว่าหวาดเสียวจริง เป็นอีกเรื่องที่เล่าเรื่องราวของบุคคลจริง ฟิลลิปเป เพอทีต์ (Philippe Petit) นักกายกรรมผาดโผนด้วยการเดินบนลวดเส้นเดียวที่ขึงในที่สูง ชื่อของเพอทีต์กระฉ่อนไปทั่วโลกหลังจากเขาลอบไปขึงลวดแล้วเดินข้ามตึกแฝด เวิลด์ เทรด เซนเตอร์ ได้สำเร็จเมื่อปี 1974
โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ (Joseph Gordon Lewitt) นักแสดงเจ้าบทบาท ได้รับการคัดเลือกให้มารับบทเป็น ฟิลิปเป เพอทีต์ ในเรื่องนี้ The Walk จัดได้ว่าเป็นหนังชีวประวัติน้อยเรื่องที่สร้างจากเรื่องราวของบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็นับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของเลวิตต์ที่เขาได้รับการฝึกสอนจากเจ้าตัว ฟิลิปเป เพอทีต์ เองเลย ซึ่งงานนี้เพอทีต์เองก็ทุ่มเทจริงจัง เขาสอนเลวิตต์แบบใกล้ชิดตัวต่อตัวเลย แล้วเลวิตต์เองก็เรียนรู้ได้เร็ว จบหลักสูตรการเดินบนเส้นลวดได้ภายใน 8 วัน
ฉากระทึกในหนังนั้นเป็นฉากที่เพอทีต์เดินบนลวดข้ามตึกที่ความสูง 400 เมตร แน่ล่ะว่าฉากนี้ใช้เทคนิค CGI มาช่วย แต่ภาพที่เราเห็น เลวิตต์เดินทรงตัวบนเส้นลวดที่ขึงตึงนั้น คือความสามารถของตัวเขาเองล้วน ๆ หลังจากผ่านการฝึกอย่างเข้มงวดมาแล้ว ต้องเสริมอีกนิดว่าเพอทีต์คือนักกายกรรมตัวจริง เขาไม่ได้มีความสามารถแค่การเดินทรงตัวบนเส้นลวดแค่นั้น เขายังสามารถเล่นจักเกิลได้อีกด้วย (การโยนและรับลูกบอลหรือสิ่งของอย่างต่อเนื่อง) ซึ่งเขาก็ถ่ายทอดวิชาจักเกิลให้กับเลวิตต์มาด้วย
มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ใช้แส้ได้อย่างคล่องแคล่ว จากหนัง Batman Returns


ถึงวันนี้เราได้เห็น Catwoman หรือ นางแมวป่า ในจักรวาลดีซีมาหลายคนแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า Catwoman หรือ เซลินา ไคล์ (selina kyle) ในเวอร์ชันของ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ (Michelle Pfeiffer) ที่ปรากฏตัวใน Batman Returns (1992) เป็นรายที่น่าจดจำที่สุด ไฟเฟอร์รับบทนี้เมื่อวัย 34 ปี เธอยังสวยสด แม้ชุดนางแมวของเธอจะไม่ได้โชว์เนื้อหนังมังสาเหมือนเวอร์ชันหลัง ๆ แต่ก็เป็นชุดหนังดำรัดรูปที่โชว์หุ่นเป๊ะปังของเธอออกมาได้อย่างเซ็กซี่มาก ๆ
แม้ว่าชุดของ Catwoman จะเปลี่ยนดีไซน์ไปตามวันเวลา แต่เอกลักษณ์หนึ่งของเธอที่ยังคงอยู่ก็คือ “แส้” ที่เป็นอาวุธคู่ใจของเธอ จึงเป็นข้อบังคับให้ไฟเฟอร์ต้องฝึกการใช้แส้ให้คล่องแคล่ว ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าไฟเฟอร์ได้ฝึกการใช้แส้กับใครและใช้เวลานานเพียงใด แต่ผลลัพธ์ออกมาน่าประทับใจเกินคาด แอนโธนี เดอ ลองจิส (Anthony De Longis) นักออกแบบท่าทางการต่อสู้เล่าว่า เขาสังเกตเห็นได้ว่าไฟเฟอร์มีความมั่นใจอย่างสูงกับการใช้แส้ของเธอ และเธอก็ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วจริง ถึงขั้นสามารถประยุกต์ท่าทางการใช้แส้เพิ่มเติมเข้าไปนอกเหนือจากบทอีกด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือฉากที่เธอต้องเผชิญหน้ากับ คริสโตเฟอร์ วอล์กเค็น (Christopher Walken) นั้น เธอจะเหวี่ยงแส้ไปพันรอบคอของวอล์กเค็นแล้วดึงตัวเขาเข้ามา ที่เราเห็นในหนังนั้นคือฝีมือของไฟเฟอร์ล้วน ๆ ไม่ได้มีการใช้คนอื่นมาถ่ายทำแทน แล้วตัดต่อช่วยแต่อย่างใดเลย
จอห์น คราซินสกี เรียนเทคนิคการเคลื่อนพลผ่านอาคารที่ไฟไหม้ จากหนัง 13 Hours: The Secret Soldiers Of Benghazi


หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่า จอห์น คราซินสกี (John Krasinski) เคยรับบทนำในหนังสงครามเนื้อหาเข้มข้นจริงจัง เรื่อง 13 Hours: The Secret Soldiers Of Benghazi (2016) ผลงานกำกับของ ไมเคิล เบย์ เพราะว่าตั้งแต่คราซินสกี ประสบความสำเร็จกับ The Quiet Place ทั้ง 2 ภาค เขาก็เลยถูกจดจำในฐานะนักแสดงนำ ผู้กำกับและเขียนบทจากเรื่องนี้ แต่ที่จริงแล้วคราซินสกี สร้างชื่อเสียงไว้มากในฐานะพระเอกหนังซีรีส์ ทั้งจาก The Office และ Jack Ryan แต่ไม่เป็นที่พูดถึงมากนักในบ้านเรา
ย้อนมาที่หนัง 13 Hours: The Secret Soldiers Of Benghazi ในเรื่องนี้ คราซินสกีรับบทเป็น แจ็ก ซิลวา ทหารหน่วย SEALS ผู้มากประสบการณ์ นับว่าเป็นบทบาทที่พลิกภาพลักษณ์ของพระเอกคอมเมดี้อย่างเขามาก ๆ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นงานหนักของคราซินสกีที่ต้องเข้ายิมเคี่ยวกรำตัวเองอย่างหนัก เพื่อให้ได้หุ่นและภาพลักษณ์ที่ดูเป็นทหารผู้กรำศึกมายาวนาน
นอกจากฟิตซ้อมร่างกายอย่างหนักแล้ว คราซินสกีต้องเข้าค่ายฝึกกับทหารตัวจริง เพื่อให้เขาดูน่าเชื่อถือว่าเป็นทหารให้มากที่สุด งานนี้เขาต้องฝึกการใช้อาวุธหลากหลายประเภท และฝึกทักษะทางทหารต่าง ๆ และที่คราซินสกีบอกว่าการฝึกที่เขาคาดไม่ถึงว่าแบบนี้ก็ต้องฝึกด้วย คือการวางกลยุทธ์การรบพุ่งผ่านอาคารที่กำลังมีเพลิงลุกไหม้
“ผมและเพื่อนนักแสดงต้องผ่านการฝึกอย่างหนักกับทหาร SEALS จริง ๆ เราฝึกการยิงด้วยปืนหลากหลายประเภท แล้วฝึกการเคลื่อนพลผ่านห้องที่มีแสงสว่างและห้องที่มืดสนิท เราฝึกการรบผ่านตึกที่กำลังมีไฟลุกไหม้”
อย่างน้อย หลังจบการแสดงเรื่องนี้แล้ว ถ้าคราซินสกีต้องเผชิญเหตุการณ์เพลิงไหม้ขึ้นมาจริง ๆ เขาน่าจะรับมือได้และพาลูกเมียออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่ล่ะ
อ่านต่ออีก 5 รายชื่อในหน้า 2 ครับ