ตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลง ธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ ก็ล้วนได้ผลกระทบกันถ้วนหน้า ทั้ง Shopee, JD Central หรือโปรแกรมประชุมระยะไกลอย่าง Zoom และแน่นอนสื่อบันเทิงออนไลน์อย่าง Netflix ก็โดนผลกระทบหนักเช่นกัน

Netflix เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้บรรดายักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงต่างลงมาแข่งขันในธุรกิจสตรีมมิงกันมากมาย แต่พอผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านเช่นเคย ช่วงเวลาที่อยู่หน้าจอทีวีก็ลดลงไป ทำให้ช่วงเวลานี้กลายเป็นภาวะวิกฤตของบรรดาผู้ให้บริการสตรีมมิงทั้งหลาย

หลาย ๆ รายก็ต้องขบคิดวางแผนกันหนักที่จะปรับกระบวนการรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ผู้นำธุรกิจสตรีมมิงอย่าง Netflix เองก็ยกเลิกโปรเจกต์ซีรีส์และหนังหลายเรื่องที่มีแนวโน้มว่าอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หรือขายสิทธิ์ในการสร้างให้กับสตูดิโออื่นไปเสีย รวมถึงการสร้างฟีเจอร์ใหม่ ๆ บนหน้าจอเมนูให้น่าสนใจ และตัดบางฟีเจอร์ที่ไม่ได้รับความสนใจออกไป อย่างเช่น “Surprise Me”

ย้อนไปเมื่อปี 2021 Netflix ได้เพิ่มฟีเจอร์ Surprise Me (บางพื้นที่อย่างเช่นประเทศไทย จะใช้คำว่า Play Something แทน) เข้ามาในหน้าเมนู โหมด Surprise Me จะใช้อัลกอริทึมจดจำและศึกษารูปแบบการใช้งานของแต่ละของบัญชีว่าบุคคลนี้ชอบดูหนังหรือซีรีส์ประเภทไหน จากนั้นก็จะนำเสนอหนังและซีรีส์มาให้ผู้ใช้บัญชีนั้น ๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเข้าไปกดเลือกเอง เหมาะสำหรับผู้ใช้ Netflix ที่อยากจะดูหนังหรือซีรีส์สักเรื่องแต่ไม่มีไอเดียว่าจะดูเรื่องอะไรดี ด้วยฟีเจอร์นี้ระบบก็จะสามารถคัดสรรหนังหรือซีรีส์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักและซุกซ่อนอยู่ในคลัง ออกมาให้ผู้ใช้ในบัญชีนั้น ๆ ได้เลือกชม
“พวกเราได้พยายามคิดค้นแนวทางใหม่ ๆ ที่จะทำให้สมาชิกได้มีช่องทางในการเลือกหาหนังในแบบที่พวกเขาอยากชม”
ตัวแทน Netflix พูดถึงฟีเจอร์ Surprise Me

แต่กลายเป็นว่า Surprise Me ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร มีผู้ใช้ Netflix เลือกใช้ฟีเจอร์นี้น้อยมาก ในที่สุด Netflix ก็ตัดสินใจนำฟีเจอร์นี้ออกไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี่เอง และการเอาออกไปแบบเงียบ ๆ นี่ บรรดาผู้ใช้ก็แทบไม่สังเกตเห็นเลย ยิ่งเป็นการยืนยันว่าการเอา Surprise Me ออกไปนี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของทีมบริหาร เท่ากับเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้กับบริษัทได้ด้วย

การเอา Surprise Me ออก นี่ก็ถือว่าเป็นกระบวนการนำร่องที่น่าพอใจ และในอนาคต Netflix ก็จะทยอยตัดฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออกไปจากแพลตฟอร์ม และตั้งใจจะนำงบประมาณไปลงทุนในการหนังและซีรีส์ให้มากขึ้นแทน

ที่มา