พักหลังเริ่มจะมีข่าวด้านลบมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสำหรับ ‘เสี่ยวหมี่’ แบรนด์มือถือที่กำลังฮอตจากเมืองจีน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าตัวโปรดักส์ก๊อปปี้หน้าตาของไอโฟนมาทั้งดุ้น ในมือถือรุ่น Redmi Note 

กรณีล่าสุดนั้นมีการเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่คณะกรรมการทางการค้าของไต้หวัน (FTC) นั้นได้ทำการปรับ เสี่ยวหมี่ 20,000 เหรียญฯ หลังจากพบว่าเจตนาโฆษณาเกินจริงในเรื่องของจำนวนยอดขายที่ถล่มทลายในไต้หวัน โดยเฉพาะการระบุว่าสามารถขายเครื่องได้หลายพันเครื่องในไม่กี่นาที หรือวิธีการขายแบบ Flash Sales นั่นเอง

เมื่อปีที่ผ่านมา เสี่ยวหมี่ได้ทำ flash sales ในไต้หวันถึงสามครั้งกับซีรีย์มือถือรุ่น Redmi ในวันที่ 9, 16 และ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าสามารถขายได้ 10,000 เครื่องในสองครั้งแรก (ครั้งแรก-ขายได้ภายในเวลา 9 นาที 50 วินาที, ครั้งที่สองขายได้ภายใน 1 นาที 8 วินาที) และครั้งที่สามขายได้ 8,000 เครื่อง ใน 25 วินาที! ซึ่งนั่นทำให้ทางคณะกรรมการการค้าของไต้หวัน (FTC) ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังโดยพบว่าในการทำ flash sales 3 ครั้งของเสี่ยวหมี่นั้น ตัวเลขยอดขายไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้นั่นเอง โดยในตัวเลขจริงครั้งแรกขายได้ 9,399 เครื่อง ครั้งที่สองขายได้ 9,492 เครื่อง (สวนทางกับที่ระบุในโฆษณาว่าขายได้ 10,000 เครื่อง) และครั้งที่สามขายได้จริง 7,389 เครื่อง (จากที่ระบุไว้ว่า 8,000 เครื่อง) จนเป็นเหตุให้ FTC ต้องลงดาบปรับเสี่ยวหมี่โทษฐานบิดเบือนข้อเท็จจริงกับผู้บริโภค

ทั้งนี้ เสี่ยวหมี่เองเป็นที่รู้กันว่า พวกเขามักทำการตลาดแบบ flash sales ในการสร้างแบรนด์ให้เกิดความฮือฮาอย่างต่อเนื่อง เช่น มือถือเรือธงในรุ่น Mi4 ก็เคยถูกระบุว่าขายหมดเกลี้ยงใน 37 วินาที เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 20,000 เหรียญฯ แต่คงจะไม่ทำให้พวกเขาระคายผิวเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับยอดขายรวมที่ทำเงินไปได้ถึง 5.3 พันล้านเหรียญฯ ในครึ่งปีแรกของปี 2014 ที่ผ่านมา

ทางด้านเจ้าหน้าที่ของ เสี่ยวหมี่ ได้ออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าวบนเว็บไซต์ Weibo แกมประชดประชัน โดยระบุว่า ขอโทษเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของไต้หวันด้วยที่เราขายเครื่องได้น้อยกว่าที่โฆษณาไว้ถึง 30 เครื่อง

 

Side-angle-red-520x437

ที่มา : thenextweb