ถ้าคุณอยากเห็นสุดยอดเกมมิงโน้ตบุ๊กระดับเรือธงประจำปี 2020 แล้วล่ะก็ คลิปนี้คุณห้ามพลาดกับ ROG Zephyrus Duo 15 ที่สุดแห่งขุมพลังที่มาพร้อม 2 หน้าจอ 4K สุดล้ำ และเทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยโลหะเหลว ตอบโจทย์การเล่นเกมและสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ทุกรูปแบบ !

สเปกของ ROG Zephyrus Duo 15

ROG Zephyrus Duo 15 มาพร้อมกับ CPU เบอร์แรงสุด Intel Gen 10th Core i9-10980HK มี 8 cores 16 Threads ให้ความเร็วสูงสุดที่ 5.3GHz และการ์ดจอ Nvidia GeForce RTX 2080 Super (Max-Q Design) ที่มี Ram 8 GB GDDR6 ส่วนทางด้าน Ram ก็จัดเต็ม 32GB แบบ DDR4 ความเร็ว 3200 MHz ส่วน SSD ก็จัดหนัก เป็นแบบ M.2 NVMe ขนาด 1 TB 2 จำนวน 2 ตัวมาทำ raid 0 รับรองว่าแรงสะใจ ส่วนการเชื่อมต่อแบบไร้สายก็มาพร้อมกับ WiFi 6 802.11ax รุ่นล่าสุด และ Bluetooth 5.0

โดยที่เรานั้นสามารถเข้าไปปรับแต่งความแรงของทั้ง CPU และ GPU ได้ที่นี่ ซึ่งเราสามารถเลือกโหมดต่าง ๆ ได้ตั้งแต่โหมด Windows Silent Performance ไปจนถึง Turbo ซึ่งเป็นโหมดที่เสริมประสิทธิภาพสูงที่สุดให้กับเครื่อง

หรือถ้าใครยังไม่จุใจ เขาก็มีโหมด Manual ที่ให้คุณเข้าไปปรับแต่ง OverClock ทั้ง CPU และ GPU ได้อย่างอิสระเลยล่ะครับ

และนอกจากนี้เรายังสามารถตั้งค่าการแสดงผลไฟ RGB บนคีย์บอร์ดได้อีกด้วยนะ ชอบแบบไหนก็เข้าไปปรับให้เหมาะสมกับตัวเราได้เลย

ส่วนทางด้านหน้าจอของ Zephyrus Duo 15 ก็มี 2 ตัวด้วยกัน เรามาพูดถึงหน้าจอที่ 2 ในชื่อ Screen Pad+ กันก่อนเลยดีกว่าครับ โดยเมื่อเราเปิดเครื่องขึ้นมา หน้าจอนี้ก็จะทำการยกขึ้นมา 13 องศาตามหลัก การยศาสตร์อีกด้วย

โดยหน้าจอ Screen Pad+ นี้มาพร้อมขนาด 14.1” นิ้ว ความละเอียดแบบ UHD 3,840 x 1,100 Pixels เป็นหน้าจอแบบ IPS แสดงผลค่าสี 100% sRGB ซึ่งหน้าจอนี้สามารถใช้การสัมผัสสั่งงานหรือใช้เม้าส์ปากกาก็ทำได้อย่างอิสระเลยล่ะครับ แถมยังมีฟีเจอร์เสริมทางด้านซ้ายของจอ ทำให้คุณเรียกใช้งานโปรแกรมได้สะดวกขึ้นเยอะ

ส่วนหน้าจอหลักมีขนาด 15.6 นิ้ว เป็นแบบ 4K UHD (3,840 x 2,160 Pixels) เป็นจอแบบ IPS แสดงค่าความสว่างได้ 400 nits และแสดงสีสันได้ 100% แบบ Adobe RGB ซึ่งสูงกว่า sRGB อีกขั้นหนึ่ง พร้อมได้รับการรับรอง Pantone Validated อีกด้วย

โดย ROG Zephyrus Duo 15 ตัวนี้มาพร้อมน้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม และตัวเครื่องบางเพียง 21 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าเบาและบางมาก ๆ เมื่อเทียบกับสเปกขั้นสุดขนาดนี้ เดี๋ยวเรามาดูรอบ ๆ เครื่องกันดีกว่าว่า มีอะไรน่าสนใจบ้าง

พอร์ตต่าง ๆ ของตัวเครื่อง

เริ่มจากทางซ้าย เราจะเห็นว่า ROG Zephyrus Duo 15 พิเศษกว่าโน้ตบุ๊กรุ่นอื่น ๆ ตรงที่ นอกจากพอร์ตสำหรับชาร์จไฟแล้ว ยังมี port 3.5 mm ให้คุณถึง 2 ช่อง นั่นหมายความว่า เราสามารถต่อไมค์และหูฟังได้พร้อมกัน พร้อมทำคอนเทนต์เป็นสตรีมเมอร์ หรือแคสเตอร์ได้ทันทีเลย

ส่วนทางด้านขวาก็จะเห็นว่ามีพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 ตัวนี้พิเศษกว่าปกติ ตรงที่เป็นทั้ง Display Port 1.4 แล้ว ยังเป็นพอร์ต Thunderbolt™ 3 and Power Delivery ในตัวอีกด้วย ส่วนอีก 2 พอร์ตที่เหลือเป็น USB-A 3.2 Gen 1 ครับ

และนอกจากนี้ยังมีทางด้านหลังก็มีพอร์ต HDMI 2.0b พอร์ต USB-A 3.2 Gen 2 และช่องเสียบสายแลนด์อีกด้วย

ถึงแม้ยุคนี้คนส่วนใหญ่จะใช้งาน WiFi กันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่กลุ่มนักเล่นเกมแบบจริงจังเกมมิง โดยเฉพาะการแข่งขัน E-Sports นั้น ก็ยังคงใช้การเชื่อมต่อผ่านสายแลนด์ เพราะความเสถียรของอินเทอร์เน็ต สามารถส่งผลกับการแพ้ชนะได้เลยครับ

นอกจากนี้ระบบเสียงเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกันครับ เพราะ ROG Zephyrus Duo 15 ตัวนี้มาพร้อมลำโพงคู่ขนาด 4W โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเสียง อย่าง ESS Sabre DAC และยังมี Smart Amp Technology (with Hi-Res Certification) ทำให้ทั้งการเล่นเกม ดูหนังและฟังเพลง สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มหูทองหรือ Audiophile ได้อย่างเต็มที่

ทดสอบประสิทธิภาพ

พูดถึงรายละเอียดต่าง ๆ กันไปหมดแล้ว เรามาดูการทดสอบดีกว่าว่า ROG Zephyrus Duo 15 จะสามารถรีดประสิทธิภาพต่าง ๆ ออกมาได้ดีขนาดไหน!

เริ่มต้นกันที่โปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพการ์ดจออย่าง 3DMark ซึ่งผมทดสอบ 2 ตัวหลัก ๆ คือ Time Spy ซึ่งตัวนี้ได้คะแนนที่ 9,043 คะแนน ส่วนการทดสอบ Ray-Tracing ด้วย Port Royal นั้น ก็ได้คะแนนอยู่ที่ 5,343 คะแนนซึ่งโดยรวมถือว่าสูงมาก ๆ ส่วนการวัดประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องผ่าน PCmark 10 นั้น ก็ได้คะแนนโดยรวมออกมาที่ 6,974 คะแนน โดยคะแนน Digital Content Creation ถือว่าโดดเด่นมากที่ 10,435 คะแนนเลยทีเดียว และสุดท้ายคือการทดสอบประสิทธิภาพของ SSD ด้วยโปรแกรม CrystalDiskMark 7.0 ได้ความเร็วในการอ่านที่ 3,511 MB/s และความเร็วในการเขียนที่ 3,406 MB/s เร็วสุด ๆ ไปเลย!

นอกจากนี้เรายังได้ทำการทดสอบด้วยการให้ทีมงาน beartai ทำการตัดต่อวิดีโอคลิปที่คุณกำลังชมอยู่นี่แหละครับด้วย ROG Zephyrus Duo 15 ผ่านโปรแกรม Adobe Premiere Pro ซึ่งทีมงานที่ใช้ก็พูดได้คำเดียวว่า “Very good”

ทดสอบการเล่นเกม

และก็มาถึงสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นกัน นั่นก็คือการเล่นเกม ซึ่งผมจะมาทดสอบเล่นเกมที่ต้องใช้การประมวลผลทั้ง CPU และ GPU แบบมหาศาลอย่างเกม Mount & Blade II: Bannerlord ว่า มันจะกินสเปคขนาดไหน

ซึ่งผมได้ทำการตั้งค่าของเกมแบบสูงที่สุดเท่าที่จะตั้งได้ พร้อมความละเอียดในการแสดงผลแบบ 4K และจำนวน Unit ไว้สูงสุดที่ 1000 Units ซึ่งเรียกได้ว่าเกมมิงโน้ตบุ๊กทั่วไปแทบจะกลายเป็น Slideshow เหลือ FPS หลักหน่วยอย่างแน่นอน แต่ ROG Zephyrus Duo 15 นี้ยังสามารถเล่นได้ที่ระดับ 30 – 40 fps แบบสบาย ๆ ครับ บอกเลยใครชอบเกมแนวนี้ รับรองว่าฟินแน่นอน

และนอกจากนี้หน้าจอยังรองรับ Nvidia G-Sync ที่ทำให้เวลาเล่นเกม จะลดการฉีกขาดของภาพ ทำให้ภาพที่แสดงผลออกมาเนียนตาแบบสุด ๆ เลยล่ะครับ

การระบายความร้อน

ด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนพิเศษของ ROG ในชื่อ Active Aerodynamic System Plus ใหม่ล่าสุดตัวนี้ นอกจากจะมีช่องระบายความร้อนรอบตัวเครื่องแล้ว เขายังได้ออกแบบการระบายความร้อนผ่านช่องใต้หน้าจอ Screen Pad+ เพิ่มเติม ทำให้การระบายความร้อนดีขึ้นกว่าเดิมถึง 30% แถมยังได้ทำการปรับปรุงพัดลมคู่โดยเพิ่มเป็น 83 ใบพัด และให้กำลังไฟสูงถึง 12 V เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังใช้ Liquid Metal จาก Thermal Grizzly แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบเดิม ช่วยลดอุณหภูมิของ CPU และ GPU ได้ดีขึ้นสูงสุดถึง 14 องศาเลยล่ะครับ

จุดสังเกต

มาถึงเรื่องจุดสังเกตของ ROG Zephyrus Duo 15 ผมก็เจออยู่ 3 จุดดังนี้ครับ จุดแรกคือเรื่องของราคาอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มเท่าไรนัก

จุดสังเกตที่สองคือตัวที่ผมได้มารีวิวนี้มาพร้อมหน้าจอ 60Hz ซึ่งสำหรับคอเกมอาจจะดูน้อยไปซักนิด แต่ก็มีเทคโนโลยี G-Sync เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลเกมได้ไหลลื่นไม่มีสะดุดครับ

และจุดสุดท้ายคือไม่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดมาด้วย ทำให้เราไม่สามารถ Login ผ่าน Windows Hello ได้ครับ

ราคา

ปิดท้ายด้วย รีวิวที่ดีต้องมี ราคา ROG Zephyrus Duo 15 ตัวนี้มาพร้อมราคา 149,990 บาท เรียกว่าเป็นการมัดรวมเทคโนโลยีล่าสุดแห่งปี 2020 อัดแน่นเอาไว้ที่เครื่องนี้ทั้งหมด ถ้าใครอยากสัมผัสตัวจริง ก็ไปทดสอบกันได้ที่ ASUS Exclusive Store ทุกสาขาครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส