เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คุณท็อป-จิรายุส แห่ง Bitkub ออกมาโพสต์ว่า เร็ว ๆ นี้จะร่วมมือกับ Ananda Development (อนันดา ดีเวลลอปเมนต์) นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใกล้รถไฟฟ้า ในการทำบางสิ่งขึ้นมา ซึ่งทำเอาหลายคนคาดเดากันว่าน่าจะเป็น สกุลเงินดิจิทัลตัวใหม่

แต่วันเปิดตัวในงาน BLOCKCHAIN BLOCK PARTY ก็ทำเอาหลายคนเซอร์ไพรส์ เพราะทั้งคู่จับมือกันมาเปิดตัว  ZillaSpace Protocol พร้อมกับ NFT (Non-fungible tokens) ในชื่อ ‘ZillaSpace NFT’ เพื่อเป็นจุดริเริ่มในการแบ่งปันพื้นที่ใช้สอย (Sharing Space) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ที่มาที่ไปของไอเดียในการสร้าง ZillaSpace NFT นั้น คุณโก้-ชานนท์ เรืองกฤตยา ซีอีโอของ Ananda Development เล่าให้ #beartai ฟังว่าวงการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่เป็นมลพิษออกมาสูงถึงปีละ 21% ของการปล่อยก๊าศทั้งหมด ซึ่งยังไม่นับรวมกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอีก 28% ต่อปีถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก บวกกับช่วงหลัง ๆ มานี้พนักงานของ Ananda Development เปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Work From Anywhere ซึ่งทำจากที่ไหนก็ได้ ทำให้สำนักงานว่างมีพื้นที่เหลือใช้ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ และใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ทางคุณโก้-ชานนท์ และคุณท็อป-จิรายุส ก็เลยมาจับมือร่วมกันพัฒนา ZillaSpace Protocol ขึ้นมา ซึ่งถูกรันอยู่ในระบบของ Bitkub Chain 

โดยในเฟสแรกของ ZillaSpace Protocol จะเป็นการเปิดตัว ZillaSpace NFT ที่สามารถรับและเก็บอยู่ในกระเป๋า Bitkub NEXT ซึ่งจะเป็นเหมือนบัตร Founding Member (Whitelist) ที่มีสิทธิประโยชน์เบื้องต้นที่ผู้ถือสามารถ Redeem เพื่อขอใช้พื้นที่ตามคุณสมบัติของ NFT นั้นๆ เช่น Co-working space, ห้องประชุม, ห้อง Studio และ พื้นที่จัดอีเวนต์ เป็นต้น (รายละเอียดอยู่ในตารางด้านล่าง) โดย ZillaSpace NFT ชุดแรกได้ถูกแจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมงาน BLOCKCHAIN BLOCK PARTY ผ่านทาง Airdrop เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 และจะมีชุดอื่น ๆ แจกจ่ายให้กับคนภายนอกหลังจากนี้


สิทธิประโยชน์เบื้องต้นของ ZillaSpace NFT (ช่วงเริ่มต้น)

ระดับสิทธิประโยชน์ระยะเวลา
Normalเข้าใช้พื้นที่ Hot Desk 4 ชั่วโมง
Rareเข้าใช้พื้นที่ Meeting Roomครึ่งวัน
Super Rareเข้าใช้พื้นที่ Meeting Roomเต็มวัน
Eliteเข้าใช้พื้นที่ Studio Roomหนึ่งครั้ง
Premiumเข้าใช้พื้นที่ Event Spaceหนึ่งครั้ง

อีกเรื่องที่อยากจะพูดถึงการสัมมนาบนเวทีของ BLOCKCHAIN BLOCK PARTY ต้องบอกว่างานนี้คับคั่งไปด้วยคนในแวดวงบล็อกเชนมากมาย อีกทั้งยังมีผู้บรรยายที่คร่ำหวอดในวงการสลับขึ้นมาแชร์ประสบการณ์ความรู้เกี่ยวกับบล็อกเชน ด้วยกัน 3 หัวข้อ ซึ่งทางทาง #beartai ก็สรุปเนื้อหามาให้อ่านกันตามนี้

  • Celebrate Local Heroes
  • Use Case: Miss Universe Thailand NFT
  • Using Technology to Support Sustainability

Celebrate Local Heroes คุยกับเหล่าฮีโร่ด้าน Blockchain ในเมืองไทย

ในหัวข้อนี้จะเป็นพูดคุยสบาย ๆ โดยมีคุณโก้-ชานนท์ เรืองกฤตยา President & CEO ของ Ananda Development เป็นคนคอยยิงคำถาม ให้กับผู้บรรยายทั้งสาม คนแรกคือ คุณปันปัน-ทชา ปัญญาเนรมิตดี Co-founder & CEO ของ Alpha Finance Lab สตาร์ตอัปดาวรุ่งของไทย ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี ก็ทำมูลค่าบริษัทกระโดดไปแตะระดับ 30,000 ล้านบาท ต่อมาคือ คุณแมน-สรวิศ ศรีนวกุล Co-founder & CEO แห่ง Band Protocol สตาร์ตอัปมูลค่าระดับ 5 หมื่นล้าน ที่ได้ชื่อว่าเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทย สุดท้ายคือ คุณใต้-มุขยา พานิช Chief Venture & Investment Officer SCB 10X ที่กระโดดเข้ามามอบโอกาสให้กับสตาร์ตอัปที่กำลังก่อร่างสร้างฐาน 

ในระหว่างที่พูดคุยกัน มีหนึ่งเรื่องที่ฟังแล้วน่าสนใจ นั่นก็คือ DeFi จะมาล้มธนาคารหรือเปล่า? แล้วอีก 3 ปีธนาคารจะเป็นอย่างไร คุณปันปัน-ทชา แชร์เรื่องนี้ได้ดีมาก “ในมุมของเรามองว่า DeFi และ ธนาคาร จะยังเป็นโลกคู่ขนานกันอีกสักพัก” เพราะโลก DeFi ยังเป็นอะไรที่ใหม่ ไม่มีมาตรฐานร่วมกัน รวมถึงยังขาดการกำกับดูแล และบทลงโทษ คนที่เข้าไปจึงมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง กลับกันธนาคารก็จะยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน แต่เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นผู้ให้คำแนะนำมากกว่า ส่วนคุณแมน-สรวิศ และคุณใต้-มุขยา ก็เสริมต่อว่าการสร้างคอมมิวนิตีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้คนเข้าใจว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำไปใช้ได้หลายด้าน และสร้างสิ่งใหม่ ๆ ได้มากมาย มากว่าแค่การสร้างความรำรวยด้วยการเทรด


Use Case: Miss Universe Thailand NFT ตัวอย่างที่ดีของการใช้ NFT กับการประกวดนางงาม

หัวข้อถัดมาเป็นการแชร์ประสบการณ์จริงจาก Miss Universe Thailand ที่เอาเทคโนโลยี NFT (Non-fungible token) มาใช้กับการประกวดนางงามครั้งแรกของโลก ด้วยการสร้างการ์ดสะสม NFT ขึ้นมา พร้อมกับแจกให้คนที่เข้าร่วมงาน ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี

โดยคุณอินดี้-สพลเชษฐ์ แสนโกศิก Chief Innovation Officer แห่ง Crownex ผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์นี้ได้แชร์ไว้ว่า แม้วงการนางงามดูเหมือนจะห่างไกลกับบล็อกเชน และไม่มีทางมาเจอกันได้ แต่ก็เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยี NTF ที่สามารถใช้ Timestamp เก็บบันทึกช่วงเวลาสำคัญต่าง ๆ ระหว่างการประกวดในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงเก็บภาพนางงามในโมเมนต์ต่าง ๆ ด้วยรูปแบบภาพ NFT ที่มีมูลค่าในตัวเอง ทำให้สามารถเก็บสะสม หรือแลกเปลี่ยนกันได้


Using Technology to Support Sustainability ใช้เทคโนโลยีพัฒนาความยั่งยืน

ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีเป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนทำเกิดเป็นภาวะโลกร้อน (Climate Change) หลายองค์กรก็เลยให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน เพราะความยั่งยืน = อนาคตของธุรกิจ ผู้บรรยายก็เลยพูดคุยถึงเรื่องการ การนำบล็อกเชนมาสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขาย Carbon Credit ที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ไม่ต่างจากการขายสินค้าทั่วไป หรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล  

ซึ่งเครดิตนี้จะได้มาเมื่อผู้ขายสามารถพิสูจน์ได้ว่า ตัวเองลดการผลิตคาร์บอนออกสู่อากาศเป็นปริมาณเท่าไหร่ แล้วจึงจะถูกจดบันทึกลงในบล็อกเชนที่มีความน่าเชื่อถือสูง จากนั้นก็จะมีองค์กรหรือหน่วยงานที่สนใจเข้ามาขอซื้อ Carbon Credit ไป แลกกับเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้


นับได้ว่างาน BLOCKCHAIN BLOCK PARTY ถือเป็นงานสัมมนาดี ๆ ที่จัดขึ้นโดย Ananda Development  เพื่อให้คนที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีบล็อกเชนได้มาพบปะพูดคุยกัน ถือเป็นการยกระดับคอมมิวนิตี้บล็อกเชนในไทยให้แน่นแฟ้นขึ้น และ Ananda Development ก็ยังได้เปิดตัว ZillaSpace Protocol อีกด้วย นี่คือปฐมบทในการเข้าสู่วงการบล็อกเชน (Blockchain) แบบเต็มตัว ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตจะมีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ  เพิ่มเติมให้กับผู้ที่ถือ ZillSpace NFT มากขึ้น รวมถึงจะมีการใช้งานที่ครอบคลุมกว่าเดิม ทั้งจาก Ananda Development เอง และจาก Partner ทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยสร้างคอมมิวนิตีบล็อกเชนในไทยให้แข็งแรง เตรียมความพร้อมกับเทรนด์ที่กำลังมาในอนาคต 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส