เอปสัน (Epson) เติมความคึกคักให้ตลาดพรินเตอร์ครึ่งปีหลัง เปิดตัว EcoTank ชุดใหญ่ตอบโจทย์ work from home และออฟฟิศยุค New Normal ชูเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไร้ความร้อน เพิ่มความคุ้มค่าสูงสุด ผ่านการประหยัดพลังงาน ประหยัดเวลา ใช้งานได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของตลาดไอทีในปัจจุบันว่า “สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อกลไกทั้งหมดของตลาดไอที โรงงานผลิตชิปเซ็ตและชิ้นส่วนหลายรายการผลิตไม่ทันตามความต้องการของตลาด ในขณะที่บางโรงงานจำเป็นต้องลดหรือหยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดภายใน บวกกับระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบ ทำให้เกิดภาวการณ์ขาดแคลนสินค้า ซึ่งสวนทางกับความต้องการใช้สินค้าไอทีที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ทั้ง work from home และ study from home รวมไปถึงมีธุรกิจจำนวนมากขึ้นที่หันมาทำงานแบบ hybrid ซึ่งต้องกระจายโซลูชันและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการทำงานเชิงธุรกิจในพื้นที่ต่าง ๆ ของสำนักงาน”

“ด้านตลาดพรินเตอร์เองก็มีการเติบโตขึ้นทั้งในด้านยอดขายและมูลค่าการขาย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเพื่อองค์กรธุรกิจ ที่มีประสิทธิภาพและฟังก์ชันการทำงานที่สามารถตอบโจทย์ work from home และ hybrid office ได้อย่างลงตัว ในส่วนของอิงค์แท็งก์พรินเตอร์ยังมีการเติบโตที่คงที่ โดย EcoTank ของเอปสันยังครองตำแหน่งเจ้าตลาดอิงค์แท็งก์พรินเตอร์ ด้วยส่วนแบ่งในครึ่งปีแรกปีนี้ 46% เพิ่มขึ้นจาก 43% ของช่วงเดียวกันปีก่อน

และจากการที่ตลาดพรินเตอร์มีการปรับตัวในแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่อง B2B เอปสันจึงได้นำ EcoTank รุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด เพื่อจะเพิ่มและปรับปรุงไลน์อัปสินค้าในตลาดเมืองไทย ทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากเครื่องพิมพ์ที่ใช้ตลับหมึก เลเซอร์พรินเตอร์ และเครื่องถ่ายเอกสารรุ่นเล็ก ที่สำคัญเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอิงค์แท็งก์พรินเตอร์ของเอปสัน”

นายยรรยง กล่าวถึงการเปิดตัว EcoTank รุ่นใหม่ในครั้งนี้ว่า “เอปสันจัดเต็มด้วยการนำ EcoTank รุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดพร้อมกัน 17 รุ่น ทำให้มีไลน์อัปสินค้ารวม ถึง 29 รุ่น มีทั้งเครื่องพิมพ์แบบซิงเกิ้ลฟังก์ชันหรือมัลติฟังก์ชั่น แบบการเชื่อมต่อแบบมีสายหรือ WiFi รวมทั้งตอบโจทย์ความต้องการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานพิมพ์ขาวดำ พิมพ์สี พิมพ์ภาพถ่าย หรือฟังก์ชันการพิมพ์ 2 หน้าอัตโนมัติ ทั้งยังมีรุ่นที่รองรับงานพิมพ์ขนาด A3 อีกด้วย โดยกลุ่มสินค้าใหม่ทั้ง 17 รุ่น สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ รุ่นเล็กที่เน้นการใช้งานตามบ้าน จำนวน 8 รุ่น รุ่นกลางสำหรับธุรกิจขนาดย่อมหรือโฮม ออฟฟิศ จำนวน 7 รุ่น และรุ่น High Performance จำนวน 2 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นที่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการงานพิมพ์ปริมาณมาก มีความเร็วและคุณภาพงานพิมพ์สูง”

สินค้าไฮไลต์ได้แก่ EcoTank L6460 และ L6490 เครื่องพิมพ์ High Performance แบบมัลติฟังก์ชันที่รองรับงานพิมพ์ขนาด A4 ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับใช้งานในแผนกต่าง ๆ ขององค์กรธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการพิมพ์งานไม่เกิน 2,000 แผ่นต่อเดือน ทั้งสองรุ่นมาพร้อมชุดหมึก 4 สี ที่เป็นหมึกพิกเมนต์ ซึ่งมีคุณสมบัติกันน้ำได้ให้สีสันสวยงาม ตัวหนังสือคมชัด ทนทานไม่ซีดจาง และไม่ทำให้หัวพิมพ์อุดตัน โดยชุดหมึก 1 ชุดสามารถพิมพ์
ขาวดำได้ถึง 7,500 แผ่น และพิมพ์สีได้ 6,000 แผ่น สำหรับความเร็วในการพิมพ์ขาวดำและสีอยู่ที่ 17 และ 9.5 ภาพต่อนาที พร้อมความเร็วการพิมพ์แผ่นแรก (First Print-out Time ; FPOT) เพียง 7 วินาที ในงานพิมพ์ขาวดำ และ 11 วินาที สำหรับงานพิมพ์สี รองรับการพิมพ์งานได้ต่อเนื่องด้วยถาดบรรจุกระดาษที่ใส่ได้สูงสุดถึง 250 แผ่น และสำหรับรุ่น L6490 ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันแฟกซ์ในตัว

“ตลาดองค์กรธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ยังเป็นตลาดหลักของเลเซอร์พรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่ง EcoTank L6460 และ L6490 จะเข้าไปแข่งขันกับเครื่องเลเซอร์พรินเตอร์ที่มีความเร็วไม่เกิน 20 หน้าต่อนาที และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มเครื่องพิมพ์เพื่อการใช้งานในองค์กร ที่ปัจจุบันเอปสันมีเครื่องพิมพ์กลุ่ม WorkForce ทำตลาดอยู่” นายยรรยง กล่าว

นอกจากนี้ EcoTank ทั้ง 17 รุ่นยังใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบไม่ใช้ความร้อน หรือเทคโนโลยี Heat-Free ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ รวมถึงมีโหมดการพิมพ์แบบ Draft Vivid ซึ่งเป็นการพิมพ์แบบร่างที่ให้ภาพและสีสันที่คมชัดยิ่งขึ้น มีระบบป้อนกระดาษที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานกับกระดาษได้หลากหลาย นอกจากนี้รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Epson Smart Panel ที่ช่วยในการสั่งพิมพ์ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ทำให้สามารถพิมพ์งานได้จากที่ใดก็ได้ และสุดท้ายสำหรับการออกแบบตัวเครื่อง โดยให้มีพื้นผิวเป็นลายตาราง เพิ่มความหรูหราน่าใช้งานยิ่งขึ้น มีผิวสัมผัสที่ดีและไม่ลื่นมือเวลาเคลื่อนย้าย

นายยรรยง กล่าวว่า “จุดเด่นสำคัญของ EcoTank อยู่ที่เทคโนโลยีหัวพิมพ์ PrecisionCore แบบ Heat-Free ที่ไม่ใช้ความร้อนในการพิมพ์ ซึ่งสามารถช่วยลูกค้าลด 4 ภาระจากกระบวนการพิมพ์ที่ต้องเผชิญเมื่อเลือกใช้เลเซอร์พรินเตอร์ ทั้งค่าไฟที่ลดลง ไม่ต้องเสียเวลารออุ่นเครื่องก่อนใช้งาน และเพราะเครื่องพิมพ์ EcoTank ใช้ชิ้นส่วนอะไหล่และวัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่า จึงช่วยลดโอกาสเกิดความเสียหายและดูแลรักษาง่ายกว่า อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อมภายในสำนักงานหรือที่บ้าน เพราะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์”

เครื่องพิมพ์ EcoTank ของเอปสันยังสามารถรองรับวัสดุที่ใช้พิมพ์ได้หลากหลาย มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ฟังก์ชันครบจบในเครื่องเดียว ทั้งยังใช้งานได้อย่างจุใจ เพราะมีแท็งค์หมึกและช่องใส่กระดาษความจุสูง ไม่ต้องหยุดเติม
น้ำหมึกและกระดาษตลอดเวลา ที่สำคัญเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะมีชิ้นส่วนอะไหล่น้อย โอกาสในการเสียหายจึงต่ำและยังผลิตจากวัสดุรีไซเคิล

บริการนัดหมายล่วงหน้า ซ่อมด่วนภายใน 1 ชั่วโมง

นอกจากการเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว เอปสันยังได้เริ่มทดลองให้บริการนัดหมายล่วงหน้า ซ่อมด่วนภายใน 1 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่จำเป็นต้องใช้เครื่องพิมพ์อย่างเร่งด่วน โดยขณะนี้อยู่ในระยะที่ 1 ซึ่งจะเริ่มต้นที่กลุ่มลูกค้าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต ก่อนจะขยายไปกลุ่มเครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์ โพรเจ็กเตอร์ และสแกนเนอร์ และสุดท้ายจะเปิดให้บริการกับลูกค้าทุกกลุ่มสินค้า โดยบริษัทฯ จะมีทีม Call Center และทีมเทคนิค ที่จะทำหน้าที่พิจารณาว่าลูกค้าเข้าเงื่อนไขการซ่อมด่วนหรือไม่ โดยวิเคราะห์จากอาการเสียของเครื่องและอะไหล่ที่ต้องใช้ ซึ่งหากเข้าเงื่อนไข ก็จะแจ้งไปยังศูนย์บริการทันที ให้ติดต่อลูกค้าภายใน 1 ชั่วโมง เพื่อนัดหมายวันรับบริการ เมื่อลูกค้านำเครื่องเข้ามาตามนัด ศูนย์บริการจะทำการแก้ไขปัญหาเครื่องให้เรียบร้อยภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งในระยะแรก เอปสันจะเปิดให้บริการในพื้นที่กรุงเทพ และมีแผนจะขยายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศในอนาคต

“นอกจากด้านสินค้าและบริการแล้ว เอปสันยังเตรียมที่จะจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ โดยนำจุดเด่นของเทคโนโลยี Heat-Free ที่ไม่ใช้ความร้อนในการทำงาน มาจุดประกายความสนใจของสังคมในเรื่องความยั่งยืน โดยบริษัทฯ มีแคมเปญจากสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค ที่ใช้ชื่อว่า “Turn Down The Heat” ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก National Geographic ว่าด้วยเรื่องการภาวะเรือนกระจกที่ขั้วโลกเหนือและผลกระทบต่อภูมิอากาศทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยเอง ก็จะมีแคมเปญที่รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมตามทิศทางและนโยบายของบริษัทแม่ ที่ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งมั่นในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” นายยรรยง กล่าวทิ้งท้าย