ถ้าหลาย ๆ คนจำกันได้ OPPO (ออปโป้) แบรนด์สมาร์ตโฟนสัญชาติจีน จะจัดงาน OPPO INNO DAY ทุก ๆ ช่วงสิ้นปี เพื่ออวดนวัตกรรมใหม่จากทาง OPPO ให้ทุกคนได้ว้าวกัน อย่างล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว OPPO ได้นำเอาสมาร์ตโฟนจอพับได้อย่าง OPPO Fine N มาอวดในงาน รวมถึงเปิดตัวชิปประมวลผลภาพอย่าง Marisilicon X ที่ได้นำมาใส่ใน OPPO Find X5 Pro และ OPPO Reno 8 Pro ที่มาขายในไทยด้วย แล้วในปี 2022 นี้ งาน OPPO INNO DAY 2022 จะมีอะไรมาอวดบ้างนะ ?

ในปีนี้ OPPO จัดงาน INNO DAY 2022 ในธีม ‘Empowering a Better Future’ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ OPPO ในการที่จะยกระดับ Smart Initiatives ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ smart entertainment, smart productivity, smart health และ smart learning เพื่อมอบนวัตกรรมที่ดี และสร้างอนาคตที่เป็นบวกและสร้างความเป็นไปได้ที่มากขึ้นแก่ทุกคน

ชิปเซตเสียงบลูทูธ Marisilicon Y !

หลังจากที่ปีที่แล้ว OPPO ได้ออกชิปประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาะที่ชื่อ Marisilicon X ออกมาเพื่อให้ถ่ายภาพและวิดีโอกลางคืนให้ดีกว่าเดิม แต่ในปีนี้ OPPO ได้ออกชิปใหม่ที่ชื่อ Marisilicon Y ที่แม้ชื่อจะเหมือนว่าเป็นชิปรุ่นต่อไปของรุ่น X แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะชิป Marisilicon Y เป็นชิปที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นชิปประมวลผลเสียงบลูทูธโดยเฉพาะ

ที่ผ่านมา หูฟังประเภทบลูทูธนั้นจะให้เสียงที่มีการลดทอนความละเอียดลง เนื่องมาจากการส่งข้อมูลที่ต้องมีการบีบอัดให้มีขนาดเล็กลง แต่ชิป Marisilicon Y นี้จะเข้ามาช่วยประมวลผลเสียงให้มีความละเอียดที่มากกว่าเดิม ที่สูงได้ถึง 24 bit / 192 kHz ผ่านบลูทูธ, อัตราการส่งข้อมูลถึง 12 Mbps และยังมาพร้อมกับ Pro Bluetooth Pack ของตัวเอง และ Codec ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณเสียง ออกมาเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของ OPPO เองที่ชื่อ URLC (Ultra Resolution Lossless Codec) ที่ช่วยกันทำให้เสียงคุณภาพดีที่สุด ถึงขนาดที่ OPPO เคลมว่าเป็นเสียงแบบ Lossless เลยก็ว่าได้

นอกจากเรื่องของคุณภาพเสียงแล้ว ชิป Marisilicon Y จะช่วยประมวลผลเสียงในการทำ Spatial Audio ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ที่นอกจากจะแยกเสียงของแต่ละเครื่องดนตรีให้แยกออกจากกันได้แล้ว ยังทำให้เราสามารถจัดตำแหน่งของเครื่องดนตรีชิ้นนั้น ๆ ได้ ว่าจะให้เล่นตรงไหน ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้กับเพลงทุกเพลงที่เล่นผ่านชิปนี้เลยด้วย !

ด้านสเปกอื่น ๆ ชิป Marisilicon Y มาพร้อมความเร็วในการประมวลผลที่มากถึง 590 GOPS ซึ่งมากพอที่จะใช้ประมวลผลเสียงที่มีความยากกว่านี้ได้ด้วย และเป็นชิปประมวลผลที่มีเทคโนโลยี N6RF Process ที่ทำให้ทรานสมิตเตอร์ภายในชิป ประหยัดพลังงานลง 66% (คาดว่าเมื่อเทียบกับบน Marisilicon X) แต่ยังมีขนาดที่เล็กกว่าเดิม 33% ด้วย

ปัจจุบัน ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าชิปเซต Marisilicon Y จะได้ใช้อยู่บนอุปกรณ์ใดของ OPPO บ้าง แต่จากวิดีโอโปรโมทชิปเซต Marisilicon Y ที่ทาง OPPO ได้แสดงให้ดูในงาน มีความเป็นไปได้ว่าชิปเซตนี้จะได้อยู่ในหูฟังไร้สายแบบ TWS รุ่นใหม่ของ OPPO อย่าง OPPO Enco Series ต่อไปในอนาคตแน่ ๆ ทั้งนี้ ฟีเจอร์การเพิ่มความละเอียดของเสียงด้วย Codec URLC หรือการปรับตำแหน่งของเครื่องดนตรีภายในเพลง ยังไม่ได้มีการประกาศแน่ชัดว่าจะต้องใช้ควบคู่กับอุปกรณ์ของ OPPO ทั้งหมดหรือไม่ อย่างไร

ดูคลิปเต็มได้ที่นี่เลย :

ให้การดูแลสุขภาพทันสมัย และแม่นยำกว่าเดิม ด้วย OHealth H1

ปัจจุบัน การดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยี เป็นเทรนด์ใหม่ในยุคปัจจุบันแล้ว ดังนั้น OPPO ที่แตกแบรนด์ย่อยของตัวเองออกมาในชื่อ OHealth เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะ ได้เปิดตัวสินค้าแรกของแบรนด์ออกมา ในชื่อ OHealth H1 มา เพื่อเป็นเครื่องตรวจสอบสุขภาพสำหรับครอบครัวโดยเฉพาะ

แม้ว่าหน้าตาของ OHealth H1 จะดู Sci-Fi แปลก ๆ แต่จริง ๆ แล้ว OHealth H1 เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดค่าทางสุขภาพที่ใช้งานง่ายกว่าที่คิด แถมยังเป็นอุปกรณ์แบบ 6 in 1 หรืออุปกรณ์เดียว วัดได้ถึง 6 อย่างด้วยกัน ประกอบด้วย

  • วัดออกซิเจนในเลือด, อัตราการเต้นของหัวใจ และ ECG ด้วยการแตะนิ้วชี้ของเราไว้ที่เซนเซอร์ด้านหลังของ OHealth H1 โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาช่วยวัดแต่อย่างใด
  • วัดการนอนหลับของผู้ใช้ ด้วยการเอา OHealth H1 มาวางด้านข้างหมอนเวลานอนเท่านั้น โดยไม่ต้องคอยจับ นำตัวเครื่องมาชิดตัวแต่อย่างใด
  • วัดอุณหภูมิร่างกาย ด้วยการนำตัวเครื่องกดวัด และจ่อเข้าไปที่หัวของผู้ที่ต้องการวัด (คล้ายกับการวัดอุณหภูมิเวลาเข้าไปยังสถานที่สาธารณะต่าง ๆ)
  • ฟังเสียงหัวใจและปอด (Cardiopulmonary Auscultation) เหมือนกับการใช้เครื่องตรวจฟังของแพทย์ (stethoscope) ในการวัดอัตรา ความแรงของการเต้นหัวใจ และการทำงานของปอดว่าอยู่ในสภาวะที่ปกติหรือไม่ ด้วยการนำตัวเครื่องมาแปะที่อกของผู้ถูกวัด ซึ่งข้อมูลที่สามารถวัดได้นั้นมากพอที่จะนำไปให้แพทย์วินิจฉัยต่อไป หรือจะให้มีการฟังแบบเรียลไทม์ ระหว่างการติดต่อกับแพทย์เพื่อรักษาทางไกล (Telemedicine) ก็ได้เช่นกัน

นอกจากการวัดที่สามารถวัดได้ถึง 6 อย่างนี้แล้ว Ohealth H1 ยังสามารถเชื่อมเข้ากับแอปพลิเคชัน OHealth บนสมาร์ตโฟน เพื่อใช้ฟีเจอร์เพิ่มเติมในแอปฯ อย่างเช่น ให้ AI ช่วยประมวลผล วิเคราะห์อาการของคนไข้ หรือดูแลสุขภาพของผู้ใช้ และการตั้งเวลาเตือนการวัดค่าทั้ง 6 อย่างให้เป็นกิจวัตร และนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการดูแลสุขภาพต่อไป

ทั้งนี้ ด้วยข้อมูลทางการแพทย์ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีความลับมาก ทาง OPPO จึงได้ใช้วิธีการเก็บข้อมูลที่แตกต่างออกไป นอกจากจะเก็บข้อมูลส่วนมากไว้ในเครื่องแล้ว แต่ถ้าต้องมีการส่งข้อมูล ก็จะใช้ OPPO Health Cloud Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์พิเศษที่ใช้เก็บข้อมูลสุขภาพเหล่านี้โดยเฉพาะ และมี Data Center อยู่เพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้น เพื่อให้ข้อมูลปลอดภัยมากที่สุด

แว่นตา Assisted Reality รุ่นล่าสุด – OPPO Air Glass 2

ในระหว่างงาน OPPO ยังได้เปิดตัวแว่นตา Assisted Reality รุ่นล่าสุด – OPPO Air Glass 2 ด้วยน้ำหนักเพียงประมาณ 38 กรัม OPPO Air Glass 2 ได้ถูกออกแบบมาเบาเป็นพิเศษและทนทาน ซึ่งรวมถึงเลนส์ท่อนำคลื่น SRG-diffractive เรซินตัวแรกของโลกที่พัฒนาโดย OPPO โดยเลนส์เหล่านี้จะรองรับการแก้ไขการมองเห็น และการปรับแต่งเพิ่มเติม ทำให้เหมือนแว่นตาทั่วไป โดย OPPO Air Glass 2 จะสามารถโทรออก, ทำการแปลแบบเรียลไทม์, นำทางตามตำแหน่ง, แปลงเสียงเป็นข้อความสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และอย่างอื่นอีกมากมาย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส