จรวดส่วนใหญ่มีต้นทุนในการผลิตหลายสิบล้านไปจนถึงหลายร้อยล้านเหรียญ ซึ่งกลายเป็นขยะไปเมื่อทำการปล่อยขึ้นสู่อวกาศแล้ว และแทนที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ มันกลับทิ้งชิ้นส่วนให้ตกลงสู่ก้นมหาสมุทรหลังจากส่งดาวเทียมหรืออุปกรณ์อื่นๆขึ้นสู่วงโคจรแล้ว นั่นคือสิ่งที่ทำให้ SpaceX และ Elon Musk คิดต่างออกไป

17127808431_95d069346d_o

SpaceX ได้ทำการปล่อยจรวด Falcon 9 เพื่อลำเลียงสัมภาระไปสู่สถานีอวกาศนานาชาติได้ หลังจากนั้นจรวดก็ตกลงสู่โลกเบื้องล่างและพยายามประคองตัวเครื่องเพื่อลงจดบนเรือหุ่นยนต์บังคับใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติกได้เป็นผลสำเร็จ

SpaceX เคยพยายามปล่อยจรวดด้วยวิธีการดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง เมื่อปีที่แล้ว แต่จรวดทั้ง 3 ลำกลับตกลงสู่เรือหุ่นยนต์บังคับและเกิดการระเบิด ส่วนครั้งที่สี่นั้นยังไม่ได้ปล่อยตัวก็เกิดระเบิดแล้ว แต่ความล้มเหลวเหล่านั้นก็ทำให้ SpaceX ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น

จริงๆแล้ว SpaceX ได้กล่าวต่อสื่อและสาธารณชนหลังจากประสบความสำเร็จในการนำจรวดลงจอดว่า “ความสำเร็จในการลงจอดนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ”

CfjLGD1VIAA1a8p

จรวด Falcon 9 แต่ละลำ มีมูลค่าประมาณ 60 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ซึ่งทางบริษัทได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถลงจอดทั้งลำได้ จากนั้นนำมาทำความสะอาดและเติมเชื้อเพลิงเพื่อเตรียมการปล่อยตัวอีกครั้งในอนาคตได้ นับว่าเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากสำหรับอุตสาหกรรมอวกาศในปัจจุบัน

ความสำเร็จของ SpaceX เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2016 ที่ผ่านมา เหมือนเป็นหมุดหมายสำคัญในการก้าวเข้าสู่ยุคของการเดินทางสู่อวกาศที่จะไม่ได้ใช้ทุนสูงมากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

Elon Musk กล่าวว่า การลดต้นทุนในการผลิตจรวดเพื่อเดินทางสู่อวกาศเป็นส่งที่เป็นไปได้ โดยจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ของเขาได้พิสูจน์ให้เห็นจริงแล้ว

boeing-and-lockheed-strike-back-against-elon-musk

SpaceX ยังมีภารกิจอีกมากทำตามความทะเยอทะยานของ Elon Musk ให้สำเร็จ โดยอย่างแรกที่ต้องทำก็คือ พวกเขาจะสาธิตว่าจรวดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ จากนั้นพวกเขาจะต้องทำการปล่อยและนำจรวดมาใช้ใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อความแน่ใจในการทดลอง

แต่อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของ SpaceX ครั้งนี้ ก็เป็นการพิสูจน์ว่าการปฏิวัติเทคโนโลยีของบริษัทนั้นใช้ได้ผลจริงๆ อย่างไร้ข้อกังขา

ที่มา : techinsider