นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo เผยว่าไลน์อัป iPhone 13 จะได้เห็นรอยบากที่เล็กลง ส่วนในรุ่น Pro นั้น จะใช้หน้าจอเทคโนโลยี LTPO จอนุ่ม 120Hz

ก่อนหน้านี้ได้มีการเผยจากแหล่งข่าวต่าง ๆ เช่น Ross Yong, Jon Prosser, Max Weinbach และอื่น ๆ เช่นกัน ว่า iPhone 13 จะมีการใช้หน้าจอรีเฟรชเรตสูง 120Hz ในรุ่น Pro คล้าย ๆ กับบน iPad Pro ที่มีการรองรับอยู่แล้วในชื่อ ProMotion ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน

จากรายงานเผยว่าในซีรีส์ iPhone 13 จะยังคงมีเปิดตัวใน 4 รุ่น เช่นเดียวกับ iPhone 12 โดยทั้ง 4 รุ่นนี้จะยังคงใช้พอร์ต Lightning อยู่เช่นเดิม และมีการใช้งานโมเด็ม Snapdragon X60 เพื่อช่วยประสิทธิภาพ 5G

Kuo ได้มีการเผยก่อนหน้านี้ว่า iPhone 13 จะมีการนำเทคโนโลยี Sensor-Shift Image Stabilization ที่มีอยู่บน iPhone 12 Pro Max สู่ทุก ๆ รุ่นของซีรีส์ iPhone 13 อีกทั้งยังคาดว่าในรุ่น Pro นั้น จะมีการอัปเกรดเลนส์ Ultra Wide มีรูรับแสงที่กว้าง ƒ/1.8 และระบบ Auto Focus และในส่วนของเซนเซอร์​ LiDAR ยังคงมีในเฉพาะรุ่น Pro เท่านั้น

แต่ในประเด็นที่จะตัดพอร์ตชาร์จออกไปที่มีรายงานก่อนหน้านี้ ในครั้งนี้กลับรายงานว่า iPhone รุ่นในปีนี้จะยังคงใส่พอร์ตมาให้และจะยังเป็นพอร์ต Lightning เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง โดยให้เหตุผลว่าการชาร์จไร้สายหรือ MagSafe ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไร การที่ตัดพอร์ตชาร์จอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยังเร็วเกินไป

iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่นนี้ จะมีความจุแบตเตอรีที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับ iPhone 12 เนื่องจากจะมีการลดขนาด ประหยัดพื้นที่ในส่วนของถาดใส่ซิมที่จะบรรจุลงไปบนบอร์ด และในส่วนของส่วนประกอบ Face ID ที่จะมีขนาดที่เล็กลง ซึ่งเมื่อแบตเตอรีมีใหญ่ขึ้นแล้วนั้น ก็จะต้องแลกมากับน้ำหนักที่อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้สำหรับ iPhone SE นั้น Kuo เผยว่าจะมีการเปิดตัวเร็วที่สุดในครึ่งปีแรกของปี 2022 ซึ่งรุ่นใหม่นี้จะมีดีไซน์ที่คล้าย ๆ เดิม ใช้หน้าจอ 4.7 นิ้ว แต่จะมีการเพิ่มการรองรับ 5G และมีการใช้ชิปที่เร็วยิ่งขึ้น

อ้างอิง : MacRumors

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส