ที่งาน Adobe MAX งานประชุมด้านงานครีเอทีฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก อะโดบี (Nasdaq:ADBE) ได้เผยโฉมความสามารถทาง AI ใหม่ล่าสุดที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเสริมศักยภาพการสร้างสรรค์บนแอป Creative Cloud และ Adobe Express ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ครบวงจรสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างคอนเทนต์แบบมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นอกจากนี้ อะโดบียังประกาศจุดยืนในการสนับสนุนบุคลากรด้านครีเอทีฟ ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Content Authenticity Initiative (CAI) ของอะโดบีเพื่อรับรองความโปร่งใสในการใช้ Generative AI

Adobe

เอลี่ กรีนฟิลด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสื่อดิจิทัลของอะโดบี กล่าวว่า “เราใช้แนวทางที่มุ่งเน้นบุคลากรในการสร้าง AI เพื่อรองรับงานครีเอทีฟ โดยเราได้ใส่ความชาญฉลาดเข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ครีเอทีฟคุ้นเคย และชื่นชอบ เพื่อสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ และทำให้ไอเดียสร้างสรรค์เป็นจริง ฟีเจอร์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใน Adobe Express และ Creative Cloud จะช่วยให้ผู้ใช้ทุกกลุ่มสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มศักยภาพ และมีเวลาเพิ่มขึ้นในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการทำงานพื้นฐาน หรืองานที่ต้องทำซ้ำโดยไม่เกิดประโยชน์”

ผู้ใช้ Creative Cloud หลายล้านคนได้ใช้งานฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Adobe Sensei ซึ่งเป็นเอนจิน AI ของอะโดบีที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานซ้ำที่มีความซับซ้อนแบบอัตโนมัติ  และจนถึงปัจจุบัน ผู้ใช้กว่า 4 ล้านคนได้ใช้งาน Neural Filters มากกว่า 300 ล้านครั้งสำหรับงาน Photoshop โดยนวัตกรรมล่าสุดของอะโดบีจะช่วยเพิ่มการใช้งาน AI บนแอป Creative Cloud เช่น:

  • Photo Restoration (รุ่นเบต้า) เป็น Neural Filter ใหม่ใน Photoshop ที่จะช่วยประหยัดเวลาอย่างมากในการทำงานที่ซับซ้อน โดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning เพื่อลบรอยขีดข่วน และข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บนภาพถ่ายเก่า
  • Select People เครื่องมือใหม่ใน Adobe Lightroom ที่ detect คนในภาพถ่ายได้อัตโนมัติ แล้วสร้างมาสก์ (Mask) ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผิวหน้า ผิวกาย คิ้ว ลูกตา ม่านตา ริมฝีปาก ฟัน ปาก และเส้นผม
  • ฟีเจอร์ AI ใหม่ใน Adobe Express รองรับการทำงานของ Quick Actions ที่ให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดของวิดีโอ และรูปภาพได้ทันทีสำหรับแชร์บนโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งฟีเจอร์สำหรับค้นหาพาเลทสีเพื่อให้เกิด visual impact และ Adobe Font กว่า 20,000 แบบที่พัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นสำหรับ perfect typeface
Adobe

ริทู โจตี้ รองประธานกลุ่มบริษัทไอดีซี ฝ่าย AI ทั่วโลก และ Automation Research กล่าวว่า “เทคโนโลยี AI มีความสำคัญอย่างมากต่อการนำเสนอประสบการณ์ที่ชาญฉลาด และใช้งานง่ายขึ้น ทั้งสำหรับผู้ใช้หน้าใหม่ และผู้ใช้ที่มีความชำนาญ อะโดบีมุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตงานครีเอทีฟในอนาคต ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างเช่น Photoshop ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นดังกล่าวบนอุปกรณ์ใหม่ ๆ รองรับการทำงานร่วมกัน เพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ก้าวล้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย”

อะโดบียังคงเป็นผู้นำระดับโลกในด้านนวัตกรรม AI ที่ช่วยขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ แทนที่จะเข้าไปแย่งงาน และอะโดบีใช้ AI เพื่อปรับปรุงเครื่องมือครีเอทีฟที่ดีที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง นวัตกรรม AI ที่อัปเดตล่าสุดที่เปิดตัวในวันนี้ได้รับการพัฒนาตามหลักจริยธรรมด้าน AI ของอะโดบี ทั้งในเรื่องของความรับผิดชอบ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใส นวัตกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจริยธรรมด้าน AI และการรองรับการใช้งานของคนทุกกลุ่มคือหัวใจสำคัญของฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่อะโดบีนำเสนอตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ โดยผ่านแต่ละขั้นตอนของการพัฒนา และการทดสอบ

ภายใต้ความมุ่งมั่นของอะโดบีในการเพิ่มความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสบนระบบออนไลน์ บริษัทฯ ได้ประกาศแนวทางในการพัฒนา Generative AI โดยมีการผนวกรวมเทคโนโลยี CAI เข้าไว้ในเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้ครีเอทีฟสามารถยืนยันแหล่งที่มา และเรายังลงทุนในด้านการวิจัยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของครีเอทีฟในการจัดการด้านลิขสิทธิ์ สไตล์ และผลงานของตนเอง

CAI เป็นโครงการที่ดำเนินการโดยอะโดบี และมีพันธมิตรเข้าร่วมกว่า 800 ราย ซึ่งร่วมกันทำงานเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือบนระบบออนไลน์ โซลูชั่น CAI มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี Provenance เพื่อรองรับการระบุแหล่งที่มาสำหรับครีเอเตอร์ และให้ความโปร่งใสเกี่ยวกับที่มาของดิจิทัลคอนเทนต์ และประวัติการแก้ไข

นวัตกรรม AI ที่เพิ่มบน Creative Cloud และ Adobe Express ที่เปิดตัวในวันนี้:

Adobe Photoshop

  • การปรับปรุง Selection ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกวัตถุที่ต้องการในภาพที่ซับซ้อน ตรวจจับ และทำการเลือกอย่างละเอียดด้วยคลิกเดียว เพื่อสร้างการเลือกที่มีคุณภาพ และแม่นยำมากขึ้นสำหรับองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ท้องฟ้า ส่วนด้านหน้า (Foreground) บุคคลหรือวัตถุในภาพ และเส้นผม เป็นต้น โดยยังคงเก็บรักษาส่วนขอบได้อย่างละเอียด
  • One-Click Delete and Fill เป็นการเลือก และลบวัตถุออกจากภาพ และเติมพื้นที่ที่ถูกลบออกไปได้อย่างแนบเนียนโดยใช้ Content Aware Fill โดยทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินการเพียงครั้งเดียว
  • iPad Remove Background ประหยัดเวลาด้วยการแยกบุคคลหรือวัตถุหลักในภาพออกจากพื้นหลัง (Background) อย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้สามารถเลือกสิ่งที่เด่นที่สุดในภาพด้วยคลิกเดียว เช่น บุคคล สัตว์ ยานพาหนะ ของเล่น ฯลฯ แล้วลบพื้นหลังได้อย่างง่ายดาย
Adobe

Adobe Express

  • Remove Background ช่วยให้คุณประหยัดเวลาด้วยการใช้ AI เพื่อตรวจจับ และไฮไลต์บุคคลหรือวัตถุหลักในภาพถ่าย และคุณจะสามารถวางภาพใหม่ไว้ใน background ได้อย่างง่ายดาย โดยเลือกจากดีไซน์ที่หลากหลายจากแหล่งต่าง ๆ
  • Recommended Templates นับเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดีย โลโก้ และงานอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เทมเพลตที่ออกแบบโดยมืออาชีพซึ่งมีให้เลือกหลายพันแบบ ทั้งนี้ เทคโนโลยี AI ของอะโดบีสามารถรับรู้บริบทโดยการตรวจสอบเนื้อหาของโปรเจ็กต์ใหม่ และแนะนำชุดเทมเพลตที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม
  • Font Recommendations ใช้ประโยชน์จาก AI เชิงบริบทเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาของโปรเจ็กต์ จากนั้นก็ทำการค้นหา และแนะนำแบบอักษรที่เหมาะสมจากคอลเลกชั่น Adobe Font ที่มีแบบอักษรให้เลือกกว่า 20,000 แบบ ช่วยให้ข้อความดูโดดเด่นหรือกลมกลืนกับเนื้อหา การแนะนำแบบอักษรพร้อมใช้งานแล้วบนเวอร์ชั่นเดสก์ท็อป และจะเปิดให้ใช้งานบนอุปกรณ์พกพาในอนาคตอันใกล้
  • Refine Cutout พร้อมใช้งานแล้วบนโมบายล์ดีไวซ์ โดยเป็นการใช้ AI เพื่อระบุส่วนที่เพิ่มเติมหรือลบออกจากพื้นที่ที่เลือกไว้ในภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการลบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการเพื่อแต่งภาพให้สมบูรณ์อย่างรวดเร็ว

Adobe Lightroom

  • การปรับปรุงเครื่องมือ Masking Selection ช่วยเพิ่มเติมวิธีการในการปรับเปลี่ยนการเลือกได้อย่างแม่นยำ และสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  • Select Objects ช่วยให้ผู้ใช้เลือกวัตถุด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ลากเส้นพื้นที่หรือวัตถุที่ต้องการเลือกบนภาพถ่าย หรือลาก selection box ไปไว้เหนือวัตถุ แล้ว Lightroom AI ก็จะปรับแต่งการเลือกโดยอัตโนมัติ
  • Adaptive Presets เป็นส่วนปรับปรุงแบบคลิกเดียวสำหรับภาพถ่าย ช่วยให้สามารถปรับปรุงภาพถ่ายบุคคลทั้งภาพ หรือเจาะจงเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการ โดยใช้ค่าพรีเซต เช่น ปรับปรุงดวงตา ทำให้ฟันขาวขึ้น ทำให้คิ้วเข้มขึ้น และอื่น ๆ ด้วยการคลิกเมาส์หรือแตะหน้าจอเพียงครั้งเดียว
  • Content-Aware Remove เพิ่มพลังในการตกแต่ง และแก้ไขภาพ เช่น ลบภาพสายจูงสุนัข  ผู้ใช้จะสามารถลบริ้วรอย และจุดบกพร่องต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำการปรับเปลี่ยนอย่างแม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น และทำการปรับแต่งภาพด้วยคลิกเดียว
Adobe

Adobe Premiere Pro และ After Effects

  • Premiere Pro Auto Color ใช้การปรับเปลี่ยนสีอย่างชาญฉลาด และเพิ่มความรวดเร็วให้กับขั้นตอนการแก้ไขสี ขณะที่ Remix จะปรับเปลี่ยนเวลาในการเล่นเพลงโดยอัตโนมัติเพื่อให้สอดรับกับคลิปวิดีโอที่เลือก
  • After Effects Scene Edit Detection ใช้ AI เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของฉากในคลิปวิดีโอที่ตัดต่อโดยอัตโนมัติ แล้วเปลี่ยนฉากให้กลายเป็น individual layer หรือสร้างมาร์กเกอร์ที่จุดตัดต่อเพื่อให้จัดเตรียมงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Adobe

Adobe Substance

  • Adobe Substance 3D AI-Enhanced Materials พัฒนาต่อยอดจากเวิร์กโฟลว์ 3D material ที่มีอยู่ใน Substance 3D Capture โดยใช้ฟังก์ชัน AI ใหม่ล่าสุดที่สามารถสร้าง และปรับปรุงพื้นผิว 3D ที่ดูสมจริงแบบ photorealistic ซึ่งรองรับทั้งภาพที่ถ่ายเรียลไทม์หรือภาพที่อยู่ในแกลเลอรี่  เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สามารถสร้างคอนเทนต์ 3D ระดับมืออาชีพโดยอ้างอิงข้อมูลจากสถานที่ตั้งทางกายภาพ  ผู้ใช้ Substance 3D จะสามารถทำได้มากกว่าเพียงแค่การสร้างคอนเซ็ปต์จากโลกแห่งความเป็นจริง โดยจะสามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางกายภาพของจริงให้กลายเป็นแอสเซ็ทสำหรับงานโปรดักชั่น
Adobe

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส