หลายบริษัทเลือกที่จะซื้อซอฟต์แวร์แบ็กอัปข้อมูล เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์เพิ่มเติมจากพื้นที่จัดเก็บของฮาร์ดแวร์ที่ใช้อยู่ในออฟฟิศ แต่รู้หรือไม่ว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากการซื้อซอฟต์แวร์เหล่านี้คือ ค่าไลเซนส์ในการใช้งานซอฟต์แวร์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่อาจทำให้งบบานปลายจากที่ตั้งไว้ได้เลยทีเดียว ในการซื้อซอฟท์แวร์แบ็กอัปข้อมูลแต่ละครั้ง แอดมินไอทีจำเป็นจะต้องมีงบที่ใช้ในการจ่ายค่าดูแลระบบและค่าธรรมเนียมในแต่ละเดือนเพื่อให้ซอฟต์แวร์นั้น ๆ อัปเดตตลอดเวลา ซึ่งในการซื้อ VMware Backup หนึ่งครั้ง มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอะไรบ้างที่หลายคนอาจมองข้ามไป

ค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่เมื่อซื้อซอฟต์แวร์

ในการซื้อซอฟต์แวร์แบ็กอัปข้อมูลแต่ละครั้ง แอดมินไอทีจำเป็นจะต้องมีงบที่ใช้ในการจ่ายค่าดูแลระบบและค่าธรรมเนียมในแต่ละเดือนเพื่อให้ซอฟต์แวร์นั้น ๆ อัปเดตตลอดเวลา ซึ่งในการซื้อ VMware Backup หนึ่งครั้ง มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอะไรบ้างที่หลายคนอาจมองข้ามไป

1. ค่าไลเซนส์และการดูแลระบบ

ผู้ให้บริการ VM backup จะมีวิธีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่หลากหลาย เช่น การคำนวนตามสล็อตของซีพียู หรือ ตามระบบโฮสต์ VM โดยราคาจะแตกต่างตามการตั้งค่าของผู้ใช้งาน ซึ่งบางครั้งการคำนวนจากโฮสต์อาจถูกกว่าการคำนวนตามสล็อต ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้งานเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ VMware 2 สล็อตในราคา 500 เหรียญสหรัฐต่อสล็อต ราคาจะสูงกว่าการเลือกซื้อโฮสต์มูลค่า 800 เหรียญสหรัฐเพียงอันเดียว นอกจากนี้ ผู้ใช้งานควรตรวจดูค่าใช้จ่ายให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการคิดค่าบริการแฝงอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบราคาของผู้ให้บริการ

ตารางข้างล่างนี้แสดงถึงโมเดลค่าไลเซนส์สำหรับการซื้อแต่ละชนิด

นอกจากค่าบริการในส่วนของไลเซนส์แล้ว ผู้ใช้งานควรคำนึงถึงค่าบำรุงรักษาระบบเพื่อให้ซอฟต์แวร์และแพตช์มีการอัปเดตสม่ำเสมอ รวมไปถึงการซัปพอร์ตทางเทคนิคอื่น ๆ ซึ่งค่าบำรุงรักษาระบบสำหรับรายปีนั้น มีราคาสูงถึง 22% – 27% ของค่าไลเซนส์ตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว

อีกหนึ่งกราฟด้านล่างแสดงให้เห็นถึงการเปรียบเทียบราคาบริการทั้งหมดของซอฟต์แวร์แบ็กอัปตลอดสามปี ซึ่งแทบไม่แตกต่างไปจากค่าไลเซนส์ทั้งปีและตลอดอายุการใช้งาน หลังจากที่รวมค่าบำรุงรักษาระบบเข้าด้วยแล้ว

ค่าการจัดการอื่น ๆ

เมื่อพูดถึงการจัดการกับระบบซอฟต์แวร์ ด้วยเหตุผลที่ว่าระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์นั้นมาจาก 2 บริษัทที่ต่างกัน จึงทำให้ระบบซัปพอร์ตทางเทคนิคต่าง ๆ แตกต่างกันออกไปด้วย ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาขัดข้องขึ้น ผู้ใช้งานจะต้องค้นหาสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยติดต่อทั้งผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์แยกกัน

หากบางบริษัทที่ไม่มีทีมไอทีที่ชำนาญการ ก็อาจจะต้องมองหาผู้ให้บริการเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณเหนื่อยเปล่าและเสียเวลาในตอนสุดท้าย

ค่าบริการการจัดเก็บข้อมูล
สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือราคาฮาร์ดแวร์ที่หลายคนมองข้าม หลายบริษัทนั้นมีงบประมาณที่จำกัด ทำให้บริษัทเหล่านี้เลือกใช้บริการระบบซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลที่เป็นแบบฟรีเมียม แต่ของฟรีไม่มีในโลก และระบบซอฟต์แวร์ฟรีเมียมส่วนมากจะอนุญาตให้เข้าถึงการใช้งานฟีเจอร์ที่จำกัด ซึ่งข้อเสียคือ ซอฟต์แวร์ฟรีเมี่ยมจะแบ็กอัปข้อมูลในรูปแบบ Full Backup ทุกครั้ง ซึ่งทำให้เปลืองพื้นที่จัดเก็บโดยใช่เหตุ

ตารางเปรียบเทียบรูปแบบการแบ็กอัประหว่างซอฟต์แวร์ฟรีเมี่ยมกับซอฟต์แวร์ของซินโนโลยีด้านล่าง คือการจำลองสถานการณ์เมื่อต้องแบ็กอัปข้อมูลต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ด้วยข้อมูลที่มีความจุ 1 TB โดยมีอัตราเปลี่ยนแปลงของข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 5% คุณจะพบว่า การแบ็คอัพข้อมูลแบบ Incremental Backup ของซินโนโลยีสามารถประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้ถึง 80% ในขณะเดียวกัน การแบ็คอัพข้อมูลแบบ Full Backup ของซอฟท์แวร์ฟรีเมียม ทำให้สูญเสียพื้นที่จัดเก็บข้อมูลถึง 6 เท่า ซึ่งนอกจากค่าซอฟต์แวร์แล้ว ค่าใช้จ่ายที่ควรคำนึงถึงด้วยคือ ค่าฮาร์ดไดร์ฟ และฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการแบ็กอัปข้อมูลที่มีความซับซ้อนและในปริมาณที่มากขึ้น

ตารางสรุป

ตารางด้านล่างแสดงความแตกต่างของ Synology Active Backup for Business เมื่อเทียบกับโซลูชันแบ็กอัปข้อมูลแบบอื่น (ซอฟต์แวร์ฟรีเมียมและซอฟต์แวร์แบบเสียค่าไลเซนส์)

“Synology Active Backup Suite เป็นที่นิยมมากในกลุ่มลูกค้าองค์กรตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว” เจน เย่ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ Synology กล่าว “Active Backup for Business ได้ถูกดาวน์โหลดเป็นจำนวนมากกว่า 150,000 ครั้งในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งหลังจากการอัปเดตล่าสุดของ Active Backup for Business 2.1 ที่สามารถซัพพอร์ต Hyper-V ได้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าส่วนองค์กรที่ต้องการแบ็กอัปข้อมูลบนระบบเสมือนจริง นอกจากนี้ เราจะสนับสนุนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไป เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถแบ็กอัปข้อมูลปริมาณมากจากแหล่งที่มาที่ต่างกันมารวมไว้อยู่ในจุดเดียวได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการป้องกันทรัพย์สินดิจิทัลได้เป็นอย่างดี”

นอกจากค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าแล้ว Active Backup ยังรวบรวมฟีเจอร์อีกมากมายที่หาได้จากซอฟต์แวร์แบ็กอัปข้อมูลในปัจจุบันมาไว้ในตัว ทำให้คุณสามารถบริหารและจัดการการงานแบ็กอัปข้อมูลได้อย่างง่ายดายจากที่เดียว ทั้งยังให้ความรวดเร็วและมั่นใจแก่ผู้ใช้งานเมื่อต้องการกู้คืนข้อมูลบนระบบ

 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Active Backup Suite สามารถคลิกเพื่อเข้าเยี่ยมชม เว็บไซต์ หรือ รับชมวีดีโอ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส