การไฟฟ้านครหลวง (MEA) เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการแล้วถึง 14 แห่ง สามารถชาร์จประจุแบบเร็ว 20 – 30 นาทีได้ความจุ 80% รวมทั้งมีแอป MEA EV สำหรับค้นหาจุดชาร์จและสั่งจองสถานีชาร์จหรือหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้แบบเรียลไทม์

27 กุมภาพันธ์ MEA ได้ประกาศอัตราค่าบริการไฟฟ้าในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับสถานีชาร์จแบบ Low Priority ในเขตพื้นที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ประกอบด้วย ค่าไฟ 2.6369 บาทต่อหน่วย (เท่ากันทุกระดับแรงดัน) ค่าบริการรายเดือน 312.24 บาท (เท่ากันทุกระดับแรงดัน) และค่า Ft (มีการทบทวนทุก 4 เดือน) เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือจนกว่าจะมีอัตราใหม่ออกมา

ก่อนหน้านี้ MEA ได้เปิดให้บริการสถานีชาร์จทั้ง 14 แห่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่การขับเคลื่อนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและการลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นจะต้องมีสถานีชาร์จรองรับผู้ใช้รถให้มากขึ้น ดังนั้นคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงได้มีมติกำหนดอัตราค่าชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าออกมาที่ 2.6369 บาท/หน่วย เพื่อสนับสนุนให้องค์กรและภาคธุรกิจเข้ามาร่วมลงทุนขยายสถานีชาร์จเพิ่มมากขึ้น

สถานีชาร์จแบบ Low Priority เป็นระบบที่ช่วยควบคุมการใช้ไฟฟ้าของสถานีชาร์จไม่ให้ไปแย่งการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟตามบ้านเมื่อความจุไฟฟ้าของสถานีชาร์จไม่เพียงพอ ส่วนค่า Ft ก็คือ ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. และค่าซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนตามต้นทุนในการผลิตนั่นเอง

สรุปง่าย ๆ ว่าต่อไปผู้ที่เคยชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่สถานีชาร์จของ MEA จะต้องจ่ายค่าไฟตามราคากลางเพื่อช่วยขับเคลื่อนสถานีชาร์จที่จะขยายออกไปทั่วประเทศ ซึ่งติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตั้งแต่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป ที่แผนกบริการของ MEA ทั้ง 18 เขต, Facebook และ Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

*** ลองมาคำนวณค่าไฟโดยประมาณจากสถานีชาร์จแบบ Normal Charger ขนาด 22 kW หัวชาร์จ Type 2 ของ MEA ด้วยอัตราค่าไฟ 2.63 บ./หน่วย ***

  • สำหรับรถยนต์ NEW MG EP ใช้ LITHIUM-ION BATTERY ขนาดพลังงาน 50.3 kWh ให้ระยะวิ่ง 380 กม.
  • คำนวณเวลาในการชาร์จแบบเต็ม 100% จะใช้เวลา : 50.3 kWh/22 kW = 2.28 หรือประมาณ 2.5 ชม.
  • คำนวณหน่วยที่ใช้ไฟ : 22 x 2.5 = 55 หน่วย
  • คำนวณค่าไฟ (ไม่รวมค่า Ft) : 55 x 2.63 = 144.65 บาท
  • ค่าใช้จ่ายต่อการเดินทาง (ไม่รวมค่า Ft) : 144.65 / 380 = 0.38 บาท/กิโลเมตร (หากการใช้งานจริงรถยนต์มีระยะวิ่งน้อยลงค่าใช้จ่ายต่อการเดินทางจะสูงขึ้นแปรผันตามระยะวิ่งนั่นเอง)
  • การชาร์จเองที่บ้านมีแนวโน้มว่าจะแพงกว่าชาร์จที่สถานี เพราะถ้าจำนวนหน่วยการใช้ไฟในบ้านรวมทั้งเดือนสูง อัตราค่าไฟหรือตัวคูณก็จะสูงตามไปด้วย เช่น หน่วยที่ 36 – 100 ค่าไฟ = 3.6237 บาท และหน่วยที่ 101 – 150 ค่าไฟ = 3.7171 บาท

ที่มา : เพจ MEA

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

เปิดตัว Xiaomi Mi Fast LCD Monitor จอ 24.5 นิ้ว 165Hz รุ่นใหม่ในประเทศจีน

ทางบริษัทก็ได้ประกาศเปิดตัว Mi Fast LCD Monitor เวอร์ชันใหม่ มีอัตรารีเฟรชที่ 165Hz รองรับ NVIDIA G-SYNC ในชื่อ Mi Fast LCD Monitor 24.5 นิ้ว 165 Hz (HMMNT245HF1)

ไม่มีเน็ตบ้าน! ผลสำรวจเผยผู้ใหญ่ชาวอเมริกา 15% ใช้อินเทอร์เน็ตจากสมาร์ตโฟนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

The Pew Research ได้ทำการสำรวจประชากรชาวอเมริกา และพบว่าผู้บรรลุนิติภาวะในประเทศอเมริกาประมาณ 15% ใช้อินเตอร์เน็ตจากสมาร์ตโฟนล้วน ๆ ซึ่งหมายความว่า ...อ่านต่อ

Square Enix มีการประกาศเกมใหม่ ใน E3 2021 แต่ไร้เงา Final Fantasy

ดูเหมือนงาน E3 2021 น่าจะมีอะไรให้ชาวเกมตื่นเต้นกันไม่น้อย Square Enix เตรียมขึ้นเวที วันที่ 13 มิถุนายน 2021 ดูเหมือนจะมีการประกาศอะไรบางอย่าง E3 2021 ...อ่านต่อ

Google เอาบ้าง เตรียมให้ผู้ใช้ Android สามารถปิดการติดตามจากโฆษณาได้

ในช่วงปลายปี 2021 ที่จะถึงนี้ กูเกิล (Google) เตรียมตัวให้ผู้ใช้สามารถปิดการติดตามเพื่อการโฆษณาได้แล้ว เพื่อป้องกันการเข้าถึงหมายเลขประจำตัวโฆษณาของผู้ใช้