รีวิวเกม Snow Bros. Nick & Tom Special ตำนานตุ๊กตาหิมะแบบ HD
Our score
5.0

Snow Bros. Nick & Tom Special

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์เข้าใจง่าย
  2. เล่นกับเพื่อนพอจะหาความสนุกได้

จุดสังเกต

  1. รูปแบบการเล่นเชยมาก
  2. ราคาขายแพงเกินคุณภาพเกม

ในยุค 90s ถือว่าเป็นยุคทองของเกมอาเขต ที่มีตำนานสร้างชื่อไว้มามายไม่ว่าจะเป็นแนวยานยิง หรือเกมต่อสู้อย่าง Street Fighter แต่ก็มีซีรีส์แอ็กชันที่เน้นความเร็วในการเล่นกับเพื่อนแจ้งเกิดอยู่หลายเกม และหนึ่งในนั้นคือ Snow Bros. ที่เปิดให้เล่นในปี 1990

และแม้ว่าซีรีส์ Snow Bros. อาจจะได้โด่งดังอะไรมากแต่ก็พอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง และมีการพอร์ตลงคอนโซลในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็น Famicom หรือ Mega Drive และมีเวอร์ชันบนสมาร์ตโฟนออกในยุคปัจจุบันด้วย ถือว่าแฟน ๆ รุ่นเก่าน่าจะพอมีภาพจำของตัวตุ๊กตาหิมะอยู่บ้าง และล่าสุดมีการออกเวอร์ชันรีเมกในรูปแบบ HD ทำภาพใหม่หมดลงคอนโซลอย่าง Nintendo Switch ถือว่าน่าแปลกใจเล็กน้อยเพราะมันไม่ได้มีกระแสอะไรออกมาก่อนหน้านี้เลย

โดยเรื่องราวใน Snow Bros. Nick & Tom Special เกิดขึ้นเมื่อปีศาจร้ายได้สาป 2 เจ้าชายฝาแฝดให้กลายเป็นตุ๊กตาหิมะแล้วจับตัวเจ้าหญิงฝาแฝดไป ทำให้เจ้าชายในร่างอ้วนกลมสีขาวต้องออกไปช่วยเหลือโดยการปีนหอคอยหลายสิบชั้น ที่เต็มไปด้วยอันตรายและปีศาจมากมาย รวมทั้งบอสสุดโหดที่รอเราอยู่ โดยจะเล่าเรื่องผ่านคัตซีนที่เป็นภาพนิ่งแต่ก็ดูดีระดับ HD

กราฟิกแบบ HD แต่เหมือนเกมมือถือ

ภาพใน Snow Bros. Nick & Tom Special เป็นการสร้างใหม่โดยอ้างอิงจากต้นฉบับ มีการใช้ภาพแนวการ์ตูนแบบ 2D ที่เรียบง่ายเหมือนกับเกมแจกฟรีบนสมาร์ตโฟน ที่มีความคมชัดระดับ HD อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูดี แต่เฟรมเรตถือว่าลื่นไหลไม่มีสะดุดระดับ 60FPS และอย่างที่บอกไปว่าคัทซีนในเกมก็มีมาให้ แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้มันออกมาดีเท่าที่ควรจะเป็น

เช่นเดียวกับเพลงประกอบที่มีการปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัย แม้ว่าจะมีเพลงธีมที่สนุกสนานไม่เน้นความอลังการงานสร้าง แต่ก็เรียบจืดเกินไปมาก ๆ แถมเสียงประกอบก็เชยตกยุคแถมไม่ได้สื่อว่ามันมาแนวย้อนยุคด้วย เรียกว่าหากทำได้แค่นี้ควรจะนำเกมไปวางขายบนสมาร์ตโฟนมากกว่าจะออกบนคอนโซล เพราะราคาขายค่อนข้างแพงทำให้สัมผัสแรกถือว่าน่าผิดหวังพอสมควร

รูปแบบการเล่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

แม้จะเป็นภาครีเมกแต่เกมเพลย์ถือว่าเหมือนกับ Snow Bros. ต้นฉบับแบบแถบจะถอดกันมาที่เข้าใจง่ายมาก เพียงแค่กำจัดศัตรูในฉากให้หมดก็จะผ่านไปชั้นต่อไปของหอคอย แล้วจะพบบอสประจำด่านและเมื่อกำจัดได้ก็ผ่านไม่ได้ซับซ่อนอะไร ส่วนความโดดเด่นของซีรีส์จะอยู่ที่ตัวละครหลักจะปล่อยพลังหิมะไปใส่ศัตรู เพื่อทำให้มันกลายเป็นลูกบอลหิมะแล้วสามารถกลิ้งไปกำจัดศัตรูได้พร้อมกันจำนวนมากได้

และเมื่อกำจัดศัตรูด้วยลูกหิมะที่กลิ้งทับแล้วจะได้ยาพิเศษที่เพิ่มค่าพลังให้ตัวละครหลักให้โจมตีแรงขึ้น หรือเพิ่มความเร็วด้วย และแน่นอนว่าบอสในเกมก็มีความโหดพอตัวแม้ว่ามันจะโจมตีเราเป็นรูปแบบ ที่หากจับจังหวะได้แล้วก็จะผ่านได้ไม่ยาก แต่เนื่องจากตัวละครของเราโดนโจมตีครั้งเดียวก็ตายทำให้ต้องระมัดระวังกันตลอด ถือว่ามาแนวทางเกมอาเขตในยุค 90S ที่ใช้เวลาไม่นานและเข้าใจง่ายมากแต่ก็ตายได้ง่ายเพื่อดูดเงินคนเล่น แต่ก็ถือว่าไม่ค่อยลงทุนและรูปแบบการเล่นมันก็เชยตกยุคไปไกลแล้ว

ยากท้าทายแม้จะมีโหมดง่าย

เนื่องจากตัวละครหลักโดนโจมตีครั้งเดียวตาย แถมศัตรูก็มีความโหดและมีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลายมากทำให้มันถือว่าเป็นเกมยากแม้จะมีโหมดง่ายมาให้เลือกเล่นก็ตาม แต่ความดีงามคือบนคอนโซลเราไม่ต้องเสียเงินเพื่อหยอดเหรียญเล่นใหม่ และเราสามารถเลือกคอนตินิวแบบไม่จำกัดได้ด้วย ทำให้เรากลับมาเล่นได้ตลอดแต่ก็ต้องกลับมาเริ่มเล่นใหม่หมดไม่ได้ต่อจากตอนที่ตายแล้วทำให้ไม่ได้ง่ายมากนัก

นอกจากนี้ฉากจะมีบางจุดที่เหมือนทำมาเป็นกับดัก เพราะเมื่อเราหลงไปอยู่ในบางจุดจะหาทางไปต่อไม่ได้ต้องรอให้ศัตรูเดินมาหาเพื่อต่อสู้กัน ทำให้บางครั้งหากศัตรูไม่เดินมากและเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จะมีศัตรูที่กำจัดไม่ได้ออกมากดดันผู้เล่นว่าต้องยอมตายแล้วเริ่มเล่นใหม่ถึงจะผ่านได้ จุดนี้ทำให้มันดูน่าเบื่อไปนิดและเป็นเกมเพลย์ที่ไม่ควรจะมีในยุคนี้แล้ว

แน่นอนว่ามันต้องมีโหมดเล่น 2 คนกับเพื่อนได้พร้อมกันที่ถือว่าเป็นข้อดีเพราะมันทั้งสนุก และเรียกเสียงฮาได้ตลอดการเล่น ส่วนของเสริมที่ต้องมีมาให้อีกโหมดคือการเล่นแบบมีการจับเวลา Time Attack ตามด้วยโหมดต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่ผู้เล่นเลือกได้เอง และมีโหมดเอาตัวรอด Survival มาท้าทายผู้เล่น แต่น่าเสียดายที่บางโหมดต้องเสียเงินซื้อแบบมาแบบ DLC (หากคุณซื้อแบบดิจิทัลดาวน์โหลด)

บางครั้งการกลับมาขายใหม่ของเกมเก่าคลาสสิกถือว่าไม่ได้ทำให้ของเดิมกลับมาเกิดใหม่ได้เกม Snow Bros. Nick & Tom Special ถือว่าเป็นตัวอย่างนั้น ใครไม่ได้เป็นแฟนซีรีส์นี้มาก็ไม่ควรไปหามาเล่น เพราะนอกจากเกมจะมีราคาแพงแล้วยังมีแยกขายโหมดแบบ DLC อีกทำให้มันดูไม่คุ้มค่าที่จะไปหามาเล่นนัก แต่หากเคยเล่นแล้วชอบแนวทางนี้แล้วมันยังมีความสนุกของเกมในอดีตอยู่บ้างแม้มันจะดูเชยไปแล้วก็ตาม

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส