[รีวิวเกม] Mario Kart 8 Deluxe Booster Course Pass Wave 3 ลุงหนวดแข่งรถกลับมาพร้อมสนามใหม่
Our score
8.0

Mario Kart 8 Deluxe Booster Course Pass Wave 3

จุดเด่น

  1. ฉากใหม่ที่เพิ่มเข้ามาทำออกมาได้ดีงาม
  2. มาพร้อมโหมดปรับแต่งไอเทมที่ไม่ต้องเสียเงิน

จุดสังเกต

  1. ไม่ใช่ฉากใหม่แบบ 100% เป็นการเอาของภาคอื่นมาปรับปรุง
  2. ราคาขายรวมตัวเกมและ DLC แพงไปหน่อย

หนึ่งในความเซ็งของแฟน Mario Kart ทั่วโลกที่พบเจอมาหลายปีคือ ปู่นินไม่ยอมออกภาคใหม่เสียที ทั้ง ๆ ที่ภาคล่าสุดอย่าง Mario Kart 8 Deluxe บน Nintendo Switch ไม่ใช่ภาคใหม่ทั้งหมดเป็นเพียงการทำภาค 8 บน WiiU มาเพิ่มฉากใหม่ โหมดใหม่รวมทั้งตัวละครใหม่แค่นั้น

และหลังจากออกมาหลายปีแล้ว Nintendo ก็ไม่ได้วางขายภาค 9 เสียที เพราะมันยังเดินหน้าขายดีอย่างต่อเนื่องทำให้มีการตัดสินใจออก DLC แบบเสียเงินเป็นสนามแข่งจากภาคบนสมาร์ตโฟน และภาคบนคอนโซลอื่นมาปรับปรุงใหม่ และค่อย ๆ ปล่อยออกมาให้โหลดเป็นชุด และล่าสุดเพิ่งจะออกวางขาย Wave 3 ที่มาพร้อมสนามแข่งใหม่จำนวน 8 สนาม ฟังดูอาจจะไม่น่าสนใจแต่พอได้ลองเล่นมันมีดีกว่าที่คิดไว้เยอะ

มาพร้อมโหมดใหม่

นอกจากนี้การอัปเดตครั้งนี้นอกจากสนามใหม่แล้ว ยังมีการเพิ่มโหมดใหม่ที่ผู้เล่นจะสามารถปรับแต่งไอเทมเองได้ในบางโหมด ที่เราจะกำหนดได้ว่าจะใส่ไอเทมอะไรในฉากก่อนจะเข้าไปเล่น แต่จะทำได้เฉพาะบางโหมดเท่านั้น เช่นเมื่อเล่นออนไลน์จะปรับได้เฉพาะ Team Races และ Battles เท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับ DLC แบบเสียเงิน แฟนเกมที่มี Mario Kart 8 Deluxe สามารถไปโหลดส่วนนี้มาได้ฟรีไม่เสียเงิน

กราฟิกเหมือนเดิมแต่ดูดีเหมือนเดิม

ความจริงกราฟิกอาจจะไม่ต้องรีวิวก็ได้เพราะมันก็เหมือนกับต้นฉบับบน WiiU ที่ออกวางขายมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว แต่หากลงลึงในรายละเอียดของฉากใหม่ที่ใส่เข้ามาทำได้ดีงาม เพราะส่วนใหญ่ฉากใหม่จะมาจากคอนโซลสเปกด้อยกว่า Nintendo Switch ทำให้ต้องมีการยกเครื่องใหม่หมด โดยเฉพาะภาคจากสมาร์ตโฟน Mario Kart World Tour ที่เปลี่ยนมาอยู่บนหน้าจอใหญ่ ๆ แล้วดูดีกว่ามาก

ส่วนเพลงประกอบจะไม่พูดถึงไม่ได้เพราะของเดิมมันก็ทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว เป็นดนตรีแนวแจ๊สที่เน้นธีมสนุกสนาน และมีการปรับแต่งใหม่ให้แตกต่างจากต้นฉบับเดิม ทำให้การแข่งรถของลุงหนวดสนุกกว่าเดิม มีหลายเพลงที่ติดหูถือเป็นจุดเด่นของซีรีส์มาตั้งแต่ภาคแรก อย่างไรก็ตามส่วนอื่นของเกมยังคงเหมือนเดิม เพราะเป็น DLC เท่านั้น

สนามเพิ่มไม่มากแต่สนุกมาก

รายชื่อสนามที่เพิ่มเข้ามาใน Wave 3 จะมีทั้งหมด 8 สนามที่มีทั้ง Boo Lake จากภาค Super Circuit บน GBA ตามด้วย Rock Rock Mountain จากภาค Mario Kart 7 บน 3DS และ Maple Treeway Mario Kart Wii, Peach Gardens (Mario Kart DS), Rainbow Road ฉบับอัปเกรดบน Mario Kart 7 ส่วนฉากใหม่จากภาคบนสมาร์ตโฟน Mario Kart Tour จะมีทั้ง Tour London Loop, Tour Berlin Byways, Merry Mountain

โดยรวมแล้วฉากไม่มากไม่น้อยเกินไป และอย่างที่บอกไปว่าฉากใหม่ที่ใส่เข้ามาแม้จะไม่ได้เป็นของใหม่แบบ 100% แต่ Nintendo ได้เสริมลูกเล่นใหม่ไป เพราะบางภาคออกมาหลายปีแล้วทำให้มีความเชยอยู่ ผู้สร้างเลยมีการปรับใส่ของใหม่เข้าไปเช่นอุปสรรคใหม่ เช่นแท่นกระโดดหรือกับดักแปลก ๆ ในฉากรอป่วนเราอยู่เพียบ ทำให้ต่อให้เคยเล่นมาก่อนแล้วก็เหมือนได้สัมผัสของใหม่ เพราะมันมีความสดทั้งกราฟิกและเกมเพลย์

ส่วนสนามจาก Mario Kart Tour มีการปรับปรุงใหม่ให้เรากับการเล่นบนคอนโซลที่มีหน้าจอใหญ่กว่าบนมือถือ ฉากออกแบบมาดีอยู่แล้วแทบไม่มีฉากไหนดูน่าเบื่อ และสนามใหม่ทั้งหมดยังมีการเปลี่ยนเส้นทางการเล่นให้แตกต่างกันไปในแต่ละรอบการเล่น ที่ในการลงแข่ง 1 ฉากจะต้องเล่น 3 รอบ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนเส้นทางใหม่ตลอดในการแข่งแต่ละรอบ ทำให้ไม่น่าเบื่อเลย

คุ้มค่าหรือไม่ถามใจดู

ส่วนเกมเพลย์อื่น ๆ ก็เหมือนเหมือนเดิม แต่ก็จัดเต็มมากเพราะ Mario Kart 8 Deluxe คือเวอร์ชันอัปเกรดจนแทบไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ทั้งตัวละครหลักที่มีมาให้เลือกมากถึง 41 ตัวแถมยังสร้างตัวละคร Mii มาเล่นได้ด้วย ส่วนรถในเกมก็มีมาให้เลือกและปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนได้มากจนแทบจะเลือกไม่หมดแล้ว ซึ่งการอัปเกรดรถจะส่งผลต่อการแข่งในสนามด้วย


ส่วนราคาขายของ DLC ทุก Wave จะอยู่ที่ 25 เหรียญ หรือประมาณ 860 บาท แต่จะได้สนามเพิ่มทุก Wave รวมตอนนี้เพิ่มมา 24 สนามและในปี 2023 จะมีการอัปเกรดให้อีก ส่วนตัวถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป โดยรวม Mario Kart 8 Deluxe Booster Course Pass Wave 3 ยังคงเป็นของที่ต้องมีหากคุณมีภาค 8 บน Switch อยู่แล้ว แต่หากไม่เคยมีต้องซื้อใหม่หมดทั้งตัวเกมและ DLC อาจจะดูแพงไปหน่อย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส