สาเหตุหลัก ๆ เลยที่เรายังจามอยู่ทั้ง ๆ ที่บ้านก็ดูเหมือนจะปัดกวาดเรียบร้อย ก็เพราะสิ่งที่เรามองไม่เห็น!!! 

  • สิ่งนั้นก็คืออนุภาคขนาดเล็ก หรือที่เราเรียกกันว่า PM (Particulate Matter) มีหน่วยเป็นไมครอน (1 ในล้านของเมตร) ซึ่งไม่ว่าจะใหญ่เเค่ไหน ก็ใช่ว่าเราจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถ้าเจอฝุ่นใหญ่ๆ ขนาด 10 ไมครอน ร่างกายเราก็จามออกมาได้ง่าย ๆ

เเต่ถ้าฝุ่นเล็ก ๆ ขนาด 2.5 ไมครอน เรามองไม่เห็น เเละเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่นระบบทางเดินหายใจ เเละหลอดเลือด

  • นอกจากนั้นยังมี ‘ชีวสาร’ เช่น ไร เชื้อรา ละอองเกสร ขนสัตว์ 
  • หรือเเม้เเต่สารเคมีที่เราใช้ทำความสะอาดบ้าน อย่าง Foggy ฉีดโต๊ะ ฉีดกระจกก็มีสารอินทรีย์ละเหยด้วย 

นี่เลย มีคนเเนะนำให้ลองใช้เครื่องฟอกอากาศ  Air Purifier จาก Philips หลายคนสงสัยเอ๊ะ มันต่างกับเครื่องฟอกอากาศทั่ว ๆ ไปยังไง ?

#beartai ไปทำการ research มาเล็กน้อย ได้รับรองคุณภาพระดับโลกเลยนะ

  • การันตีโดย สถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้แห่งยุโรป ว่าสามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.97%  หมดปัญหาภูมิเเพ้ 
  • ผ่านการทดสอบจากสถาบัน Airmid ประเทศไอร์แลนด์ว่าสามารถกําจัดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ H1N1 ที่ยังมีชีวิต รวมถึงแบคทีเรียได้ถึง 99.9% โอ้ ไม่ธรรมดา!

ไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้จริง! กับรุ่นท็อปของเขา AC3259 ตัวนี้เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ หรือ XL ที่มีขนาดสูงสุดถึง 95 ตารางเมตร อย่างสตูฯนี้ที่เรารีวิวกัน ก็เอาอยู่ครับสบาย ๆ 

  • สามารถปรับระดับพัดลมได้ 5 ระดับ ได้เเก่1,2,3, Turbo, และโหมดเงียบสำหรับนอนหลับ (SL) 
  • สามารถเชื่อมต่อ WIFI ดูคุณภาพของอากาศผ่านเเอป Air Matters ของผู้พัฒนาจากภายนอก ซึ่งสามารถรองรับเครื่องฟอกอากาศรุ่นอื่น ๆ ได้เช่นกัน และควบคุมเครื่องฟอกอากาศ เหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือมีเด็ก ๆ เล่นอยู่ที่บ้านตอนกลางวัน  ปลอดภัยหายห่วงจากฝุ่น 
  • สามารถปรับได้ 3 โหมด ได้เเก่ โหมดออโต้ ตรวจจับ PM2.5 (รูป PM2.5) โหมดขจัดภูมิเเพ้ (รูปวัวเเละดอกไม้) เเละโหมดกำจัดเชื้อโรค (รูปเชื้อโรค) โดยเเต่ละโหมดต่างกันที่ความเเรงของพัดลม ซึ่งทาง Philips ตั้งค่าให้สัมพันธ์กับการใช้งานเเต่ละโหมด 
  • สามารถตั้งเวลาการทำงานได้ด้วย สูงสุด 12 ชั่วโมง 

เครื่องฟอกอากาศจาก Philips มีเทคโนโลยี AeraSense (แอร่าเซนส์) เซนเซอร์ตรวจวัดระดับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิเเพ้ (IAI) เเบบ real time เวลาจะเปิดใช้งานก็กดปุ่มเปิดไฟค้างไว้ 3 วินาที โดยแสดงค่าตั้งเเต่ 1 (อากาศดีมาก) ถึง 12 (ใส่หน้ากากด่วน!)

นอกจากนั้น เครื่องนี้สามารถวัดค่า PM 2.5 โดยจะแสดงเป็นตัวเลขบนหน้าจอเครื่องครับ เเต่ถ้าไม่อยากเดินมาดูใกล้ ๆ  ก็สามารถสังเกตจากสีที่เเสดงบนตัวเครื่องได้เช่นกั โดยสีนี้จะแทนระดับ AQI (Air Quality Index) หรือดัชนีวัดคุณภาพอากาศระดับต่างๆ โดยเครื่องนี่แสดงผลไว้ 4 สีครับ  ได้เเก่ฟ้า (ดีมาก) ม่วง (ปานกลาง) ชมพู (ไม่ดี) เเละ เเดง (อันตราย) 

ในส่วนของระบบฟอกอากาศก็มี VitaShield IPS (วีต้าชีลด์)  ที่ช่วยกรองอากาศเเบบละเอี๊ยดละเอียด ขนาด 0.003 ไมครอน หรือพูดง่ายๆ ละเอียดกว่า PM 2.5 กว่า 800 เท่า !!!

เเผ่นกรองของ Philips เป็นเเบบเเผ่นกรองล้วน ต่างจากเเบบประจุไฟฟ้าที่สร้างโอโซนทำให้เกิดการระคายเคืองได้

สำหรับการดูเเลรักษา อาจมีขั้นตอนเล็กน้อย เพราะมีไส้กรองถึง 3 ชั้น เเต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากจนเกินไป

  1. ชั้นเเรก ช่วยป้องกันฝุ่นขนาดใหญ่ ซึ่งต้องหมั่นถอดทำความสะอาด ทุก 2 อาทิตย์ 
  2. แผ่นกรองนาโนโพรเทค แอคทีฟคาร์บอน (ถ่านกัมมันต์) ป้องกันสารระเหยเเละก๊าซอันตราย เเนะนำให้เปลี่ยนทุกปี
  3. เเผ่นกรองนาโนโพรเท็กต์ True HEPA ตรวจับของเชื้อโรคต่างๆ อายุการใช้งาน 2 ปี 

*สามารถเช็กอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ผ่านแอป Air Matters

ข้อสังเกต

  • เพื่อประสิทธิภาพ หากบ้านมีหลายชั้น อาจต้องใช้คนละตัว
  • มี WIFI เเค่รุ่นท็อป
  • รุ่นท็อปมีขนาดใหญ่ ถ้าเป็นห้องขนาดเล็ก ใช้รุ่นเล็กที่ตัวเล็กกว่าให้เหมาะกับขนาดห้องน่าจะดีกว่า

ส่วนเรื่องบริการหลังการขายก็หายห่วง
Philips รับประกัน 2 ปี! ที่ศูนย์บริการมีอะไหล่อย่างพวกเเผ่นกรองเตรียมรอไว้ด้วย เวลาคุณต้องการเปลี่ยนก็จะได้อะไหล่ของเเท้ ตรงรุ่น ไม่ต้องไปเดินหาให้เสียเวลา

การเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งาน ต้องดูตัวเลขสำคัญคือ ขนาดห้องที่แนะนำสำหรับเครื่องรุ่นนั้นๆ ซึ่งใครที่ใส่ใจรายละเอียดมากๆ ก็ต้องดูตัวเลข CADR (Clean Air Delivery Rate) หรืออัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์มีหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งบ่งบอกประสิทธิภาพและขนาดห้องที่เหมาะสมในการฟอกอากาศ

ราคา

ซึ่งเครื่องฟอกอากาศจาก Philips มีให้เลือกหลายรุ่น หลายระดับความสามารถคือ

  • AC3259 ตัวท็อปสุดที่เรารีวิว (มีWIFI เพียงรุ่นนี้รุ่นเดียว) ความสามารถครบทุกฟังก์ชัน

>เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยรองรับพื้นที่ใหญ่สุด 95 ตารางเมตร แต่ถ้าใช้ในพื้นที่ขนาดเล็กก็ช่วยการเพิ่มประสิทธิภาพการฟอกสูงขึ้น มีค่า CADR สูงที่สุดคือ 367 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 26,990 บาท (สองหมื่นเจ็ดมีทอน)

สำหรับใครที่บอกว่าเครื่องนี้ใหญ่ไป หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานบางฟังก์ชัน ก็มีรุ่นอื่นๆให้เลือก  นี่มาเป็น Series เลย: 

  • AC2887 

> สำหรับห้องขนาด 25-79 ตารางเมตร มีค่า CADR 280 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง มี AeraSense เหมือนรุ่นท้อป ราคาอยู่ที่  18,990 บาท 

  • AC1215 

> สำหรับห้องขนาด 20-63 ตารางเมตร มีค่า CADR 270 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมเซนเซอร์ ที่แสดงผลเป็นสีไฟในวงกลม ราคาอยู่ที่ 9,990 บาท 

  • เเละเจ้าตัวจิ๋วเเต่เเจ๋ว AC0820

>  สำหรับห้องที่มีขนาด 16-49 ตารางเมตร เช่นคอนโด มีค่า CADR 190 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมเซนเซอร์เเสดงสีไฟเป็นวงกลม เเต่ไม่มีตัวเลขเเสดง ราคาอยู่ที่ 5,990 บาท

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส