รีวิวเกม Tunic เกมแนว Zelda 2 มิติผสมกับ Dark Souls
Our score
7.5

Tunic

จุดเด่น

  1. กราฟิกดูสวยงามและน่ารัก
  2. เกมเพลย์ผสมผสานได้ลงตัวมีความท้าทาย

จุดสังเกต

  1. เพลงประกอบเรียบไปหน่อย และไม่มีเสียงพากย์
  2. เกมเพลย์ยังไปไม่สุดสักทาง

หากจะพูดถึง Zelda หนึ่งในซีรีส์เกมในตำนานของปู่นินที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้มีผู้ที่พยายามสร้างเกมแนวเดียวกันออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีต และล่าสุดมีค่ายเล็ก ๆ สร้างเกมแนว Zelda และทำออกมาได้ดีจนได้รับเสียงชมและรางวัลมากมาย

เกมที่ว่าคือ Tunic แอ็กชัน 2 มิติมุมมองด้านบนจากมุมเฉียง ที่เห็นก็รู้ว่ามันคือ Zelda ฉบับ 2 มิติตัวละครหลักที่แม้จะเป็นหมาจิ้งจอก แต่ก็ใส่ชุดคล้ายกับ Link จาก Zelda เช่นกัน ทำให้มันเหมือนกับเกมเลียนแบบ แต่ความจริงแล้วมันนำความคลาสสิกในอดีต มาผสมผสานกับความยากแบบสุดโหดที่แม้จะไม่เหมือนแบบตรง ๆ แต่ก็มีบางส่วนคล้ายกับซีรีส์ Dark Souls ด้วย

เรื่องราวในเกม Tunic จะค่อนข้างมืดมนขัดกับกราฟิก เราจะได้เล่นเป็นฮีโร่ที่ไม่มีชื่อและมีรูปร่างเหมือนหมาจิ้งจอก ที่ต้องออกไปค้นหาความจริงเกี่ยวกับตำนานสุสาน และหาทางปลดลปล่อยวิญญาณของเหล่าฮีโรที่ถูกลืม ผ่านการรวบรวมกุญแจทั้ง 3 ดอก เสียดายที่การเล่าเรื่องดูเรียบ ๆ ไปหน่อยและภาษาที่เป็นตัวอักษรในฉากเป็นภาษาเฉพาะในเกมไม่ใช่ภาษามนุษย์ทำให้การเล่าเรื่องค่อนข้างแปลกไปหน่อย

กราฟิกดูดีงานออกแบบน่ารัก

ภาพใน Tunic เป็นการผสมผสานของเก่ากับความคมชัดของเกมยุคใหม่ได้ลงตัว เพราะเกมนำเสนอด้วยมุมกล้องแบบ 2 มิติ มองจากมุมเฉียง แต่ความจริงกราฟิกในเกมก็เป็น 3 มิติที่สร้างออกมาให้เหมือนตัวการ์ตูน และมีงานออกแบบสุดแนวที่ดูเข้ากับรูปแบบการเล่น เช่นการออกแบบต้นไม้และหญ้าที่เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ที่โดดเด่นคือแสงเงาและความละเอียดที่ดูดีพอตัวหากมองว่ามันคือเกมจากค่ายอินดี้

เพลงประกอบแม้ว่าฟังตอนแรกจะชวนหลับ เพราะมันดูเรียบ ๆ เน้นเพลงเข้ากับบรรยากาศที่ดูธรรมดาหากคุณชอบอะไรตื่นตาไม่อาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่หากชอบเพลงเพราะ ๆ แบบเกมในอดีตมันก็พอจะมีให้ฟังอยู่ แถมบางเพลงมีความคล้ายกับตำนานอย่าง Chrono Trigger อยู่ด้วย เสียดายที่ไม่มีเสียงพากย์แต่ก็เข้าใจว่ามันมาจากค่ายอินดี้

เกมเพลย์เน้นสำรวจแก้ปริศนา

อย่างที่รู้กันตั้งแต่เห็นกราฟิกว่า Tunic คือเกมที่พยายามจะเหมือน Zelda ภาคเก่าที่เป็น 2 มิติ ที่เราจะบังคับตัวละครหลักที่เป็นหมาจิ้งจอกให้สำรวจโลกที่มีความกว้างพอสมควรและเป็นแผนที่เดียว กับอีกส่วนที่เป็นถ้ำหรือดันเจี้ยน ที่แม้จะไม่ได้กว้างอะไรและไม่มีอะไรให้สำรวจมากนัก แต่มันก็หลอมรวมเป็นแผนที่ใหญ่ได้ทำให้มันดูไม่เชย ส่วนการแก้ปริศนาอาจจะไม่ละเอียดเท่า Zelda แต่ก็มีอะไรซ่อนอยู่ในฉากให้เราค้นหาอยู่

ระบบการต่อสู้ก็เรียบง่ายตามพื้นฐานแอ็กชันตัวละครหลักจะใช้อาวุธระยะประชิดเช่นดาบ ที่จะสามารถโจมตีต่อเนื่องเป็นคอมโบได้ นอกจากนี้การเล่นจะใช้ระบบหลบหลีกและสวนกลับทำให้เราสามารถกลิ้งตัวหลบการโจมตีได้แต่จะทำบ่อย ๆ ไม่ได้เพราะมีค่าพลังความอึดกำหนดไว้ ดังนั้นการจะหลบต้องกะจังหวะให้ดี

และเกมยังมีกับระบบล็อกเป้าที่ทำให้เลือกโจมตีศัตรูได้ในจุดที่มันออกมาหลายตัวจะมีประโยชน์มาก ส่วนระบบไอเทมจะคล้ายกับ Zelda หลายส่วนเช่นกัน เพราะเกม Tunic มีระเบิดไว้ให้ใช้งานที่ทำได้ทั้งโจมตีศัตรูและเปิดทางไปต่อ โดยการได้มาของไอเทมจะมีทั้งการค้นหาจากกล่องสมบัติที่ซ่อนอยู่ในฉาก และใช้เงินไปซื้อมาในร้านค้า

มีความยากท้าทายให้หัวร้อนอยู่บ้าง

เหมือนว่าเกมยุคนี้ต้องใส่ความยากเข้ามาเพื่อท้าทายผู้เล่น และใน Tunic ก็มีการใส่เข้ามาให้หัวร้อนอยู่แม้จะไม่ได้มากมายนัก แต่ศัตรูในเกมก็มีความเก่งกาจพอตัว และเข้ามารุมเราทันทีที่เห็นแถมยังมีหลากหลายประเภท และยังสามารถใช้อาวุธยิงระยะไกลได้ด้วย ทำให้เราต้องเลือกใช้อาวุธให้ถูกต้องและยังต้องหลบหลีกไปพร้อมกันตลอดการเล่น

แถมบอสก็มีความโหดบางตัวผู้เล่นต้องตายหลายรอบถึงจะผ่านไปได้ เพราะมันโจมตีได้รุนแรงมาก แถมยังเรียกลูกน้องมารุมเราได้ แม้ว่าการเล่นโดยรวมจะเน้นใช้ฝีมือมากกว่าแก้ปริศนา ทำให้มีความแตกต่างจากซีรีส์ Zelda และมีความยากที่มีบางส่วนคล้ายกับเกมสุดโหด Dark Souls อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นหากจับจังหวะดี ๆ ก็จะผ่านไปได้ ส่วนหากพลาดตายก็แค่โดนปรับเงินเล็กน้อยเท่านั้น ปิดท้ายกับการที่เกมมีฉากจบหลายรูปแบบที่มีจบแบบดีและร้าย ที่มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน

โดยรวมเกม Tunic มีความคล้ายกับ Zelda อยู่หลายส่วน ทั้งฉากที่เน้นแอ็กชันและสำรวจเพื่อปลดล็อกเส้นทางใหม่ ๆ แต่ก็มีความแตกต่างในส่วนแอ็กชันที่เน้นการใช้ฝีมือในการเล่นมากกว่า และพอจะทำให้ผู้เล่นหัวร้อนได้บ้าง ถือว่าเป็นเกมจากค่ายอินดี้ที่มีดีพอตัว แม้จะยังไม่สุดสักทางแต่ก็มีความสนุกและท้ายทายให้สัมผัสกันตลอดการเล่น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส