“ในขณะที่ทุกอุตสาหกรรมกำลังถูกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวินาทีด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีวิธีคิดและเครื่องมือที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง เมื่อเปรียบเทียบกับนักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา… คนรุ่นใหม่เหล่านี้กำลังเข้ามาวัดรอยเท้าและเข้ามาโค่นระบบธุรกิจดั้งเดิมที่ไม่คิดปรับตัวอย่างไม่ปราณี”

จากการที่โลกของเรามีการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีไร้สาย โดยการเชื่อมต่อได้เข้าไปถึงระดับบุคคล และจำนวนการเชื่อมต่อเข้าใกล้จำนวนประชากรโลกเข้าทุกขณะ อีกทั้งอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ส่วนบุคคลมีประสิทธิภาพในการคำนวณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (มีแนวโน้มเข้าใกล้ประสิทธิภาพของ supercomputer) สามารถเชื่อมต่อผู้คนจำนวนมหาศาลในเวลาเดียวกัน ประกอบกับความสามารถในการส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูง และยังไม่มีแนวโน้มที่จะถึงจุดอิ่มตัวเลยแม้แต่น้อย

เราอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมอย่างพลิกผัน ด้วยอัตราเร่งที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน

การทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer ในระดับบุคคลก็เริ่มมีประสิทธิภาพสูงด้วยระบบการเข้ารหัสความปลอดภัยที่ซับซ้อนยากแก่การเจาะรหัส ทำให้อุปสรรคในด้านเวลา สถานที่ได้ถูกทำลายลงโดยสินเชิง จนทำให้ทุกวันนี้ เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมอย่างพลิกผัน (Disruptive innovation) ด้วยอัตราเร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน โดยที่ สินค้า ทุน และแรงงานสามารถเคลื่อนย้ายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีการที่ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนในอดีต

ผู้ให้คำจำกัดความของ คำว่า “Disruptive innovation” คือ Clayton Christensen แห่ง Harvard Business School ผู้แต่งหนังสือ “The Innovator’s Dilemma” โดยเขาอธิบายว่า นวัตกรรมได้สร้างตลาดใหม่และพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมและสังคม โดยทำให้เกิดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งไม่เพียงเป็นผลมาจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ยังรวมถึงการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเดิมในรูปแบบใหม่ด้วย

pexels-photo-90333

Disruptive innovation เป็นนวัตกรรมที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน ซึ่งสามารถทำให้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือการบริการได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม สามารถสร้างความเติบโตให้กับองค์กรธุรกิจ อย่างยั่งยืน โดยอาศัยการใช้นวัตกรรมและการสร้างความแตกต่างจากผู้นำตลาด ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาลบล้างเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) ที่มีขนาดใหญ่ และราคาแพงมาก ซึ่งในอดีตจะใช้ในเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ สถาบันวิจัย หรือมหาวิทยาลัย เท่านั้น แต่ปัจจุบันบุคคลทั่วไป ก็สามารถเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ที่มีราคาถูกและมีความสามารถสูงกว่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ด้วยซ้ำไป

การเผชิญหน้ากับ Disruptive innovation

การกำหนดทางเลือกของบริษัท ที่เผชิญหน้ากับ Disruptive innovation เมื่อจำต้องเลือกระหว่างการคงอยู่ในตลาดโดยการปรับปรุงให้ดีขึ้นเล็กน้อย หรือการเข้าสู่ตลาดใหม่โดยนำเทคโนโลยีใหม่และรูปแบบธุรกิจใหม่มาใช้ เหมือนดังเช่นที่ IBM เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน แต่สุดท้าย IBM ก็แก้ปัญหาด้วยการตั้งหน่วยธุรกิจขึ้นมาใหม่เพื่อผลิต PC ในขณะที่ยังคงดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Mainframe ต่อไป ส่วน Netflix คือการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบธุรกิจแบบเก่าโดยสิ้นเชิง จากเดิมเป็นการให้เช่าแผ่น DVD โดยการส่งไปรษณีย์ เปลี่ยนเป็นการส่งวิดีโอออนดีมานด์ให้แก่ลูกค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตแทน

ผู้ประกอบการรายใหญ่ มักพอใจกับธุรกิจรูปแบบเดิมๆ และไม่ตระหนักถึงภัยคุกคามจากคู่แข่งที่มีความสามารถด้อยกว่า

ผู้ประกอบการรายใหญ่ มักจะพึงพอใจกับการทำธุรกิจรูปแบบเดิมๆ และอาจไม่ตระหนักถึงภัยคุกคามจากคู่แข่งที่มีความสามารถด้อยกว่า แต่ในวันที่คู่แข่งเหล่านั้น ประสบความสำเร็จ สามารถปรับปรุง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่สามารถหันมาแย่งลูกค้ากับรายใหญ่ได้ และอาจจบลงด้วยการปฏิรูปอุตสาหกรรมใหม่อย่างสิ้นเชิง เช่น การโฆษณา (Craigslist: บริษัทโฆษณาออนไลน์), โทรศัพท์ทางไกล (Skype), ร้านขาย CD เพลง (iTunes), การค้นหางานวิจัยในห้องสมุด (Google), ร้านค้าสะดวกซื้อ (eBay), แท็กซี่ (Uber) และหนังสือพิมพ์ (Twitter) นอกจากนี้ Disruptive innovations ได้ส่งผลกระทบต่อระยะเวลาเฉลี่ยในการดำรงตำแหน่ง CEO ในหลายๆ บริษัท โดยในปี 2000 CEO มีวาระการดำรงตำแหน่งเฉลี่ยประมาณ 10 ปี และในปัจจุบันคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 5 ปีเท่านั้น

entrepreneur-593358_1280

ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้เกิดผลกระทบไปยังธุรกิจใหม่ๆ เช่น

  • Google เริ่มกระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีแผนที่จะผลิตรถยนต์แบบที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (autonomous vehicles)
  • อเมซอนเริ่มปรับปรุงการช็อปปิ้งใหม่ขึ้นอีกครั้งโดยใช้ drone
  • การพิมพ์ภาพ 3 มิติ อาจส่งกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรม

แต่ในบางครั้ง disruptive innovation อาจมาจากผู้ประกอบการที่อยู่ในส่วนที่เป็นผู้ตาม ซึ่งจะดิ้นรนหาแนวทางใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการกลุ่มนี้อาจไม่ได้รับความสนใจจากตลาดมากนักในตอนแรก แต่จะค่อยๆเติบโตและมีอิทธิพลมากขึ้น จนสามารถก้าวข้ามเทคโนโลยีเดิมไปได้ และสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ในที่สุด เช่น ความพยายามที่จะนำเอาเทคโนโลยี Blockchain ที่มีรากฐานมาจากการเข้าระหัส (Cryptography) มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมการเงิน เป็นต้น

4 ส.ค. 59 20:30

www.เศรษฐพงค์.com