จากกรณีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา อุบัติเหตุรถชนกันระหว่าง รถเก๋งและรถกู้ภัย ทำให้เกิดเหตุน่าสลด เมื่อตรวจกล้องวงจรปิดพบว่า รถกู้ภัยได้ฝ่าไฟแดงเนื่องจากได้รับแจ้งอุบัติเหตุด่วน พร้อมกับเปิดไซเรน แต่ในฝั่งของรถเก๋งไฟจราจรเป็นสีเขียว
ซึ่งล่าสุดผู้กำกับการ สภ. บ้านฉาง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อหาคนขับรถกู้ภัยรวม 4 ข้อหา ได้แก่ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส, ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และไม่มีใบอนุญาตขับขี่ประเภทสอง ส่วนคนขับรถเก๋ง เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อหาใด เนื่องจากเป็นผู้เสียหาย และจากการตรวจสอบพบว่าได้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างถูกต้อง

แต่คนในโซเชียลยังตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้ว รถกู้ภัยฝ่าไฟแดงได้หรือไม่ วันนี้ BT beartai ไขข้อข้องใจให้ผ่านบทความนี้
เปิดข้อกฎหมาย รถกู้ภัย ‘ฝ่าไฟแดง’ ได้หรือไม่ ?
ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของ “รถฉุกเฉิน” ไว้ว่า รถดับเพลิงและรถพยาบาลของราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค และราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือรถอื่นที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี
ให้ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือให้ใช้เสียงสัญญาณไซเรนหรือเสียงสัญญาณอย่างอื่น ตามที่จะกำหนดให้ และ พ.ร.บ. ดังกล่าว ได้บัญญัติเกี่ยวกับการปฏิบัติของรถฉุกเฉินไว้ ดังนี้ มาตรา 75 ในขณะที่ผู้ขับขี่ขับรถฉุกเฉินไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ขับขี่มีสิทธิ ดังนี้
- ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ ใช้เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดไว้
- หยุดรถหรือจอดรถ ณ ที่ห้ามจอด
- ขับรถเกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้
- ขับรถผ่านสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรใด ๆ ที่ให้รถหยุด แต่ต้องลดความเร็วของรถให้ช้าลงตามสมควร
- ไม่ต้องปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือข้อบังคับการจราจรเกี่ยวกับช่องเดินรถ ทิศทางของการขับรถหรือการเลี้ยวรถที่กำหนดไว้ ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณี

มาตรา 76 เมื่อคนเดินเท้า ผู้ขับขี่ หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์เห็นรถฉุกเฉินใน ขณะปฏิบัติหน้าที่ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียง สัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดไว้ คนเดินเท้า ผู้ขับขี่ หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์ต้อง ให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อนโดยปฏิบัติดังต่อไปนี้
- สำหรับคนเดินเท้าต้องหยุดและหลบให้ชิดขอบทาง หรือขึ้นไปบนทางเขต ปลอดภัย หรือไหล่ทางที่ใกล้ที่สุด
- สำหรับผู้ขับขี่ต้องหยุดรถหรือจอดรถให้อยู่ชิดขอบทางด้านซ้าย หรือในกรณีที่มีช่องเดินรถประจำทางอยู่ทางด้านซ้ายสุดของทางเดินรถ ต้องหยุดรถหรือจอด รถให้อยู่ชิดช่องเดินรถประจำทาง แต่ห้ามหยุดรถหรือจอดรถในทางร่วมทางแยก
- สำหรับผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์ต้องบังคับสัตว์ให้หยุดชิดทาง แต่ห้ามหยุดใน ทางร่วมทางแยก
ในการปฏิบัติตาม (2) และ (3) ผู้ขับขี่และผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์ต้องรีบกระทำโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้และต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณี มาตรา 148 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 76 ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินห้าร้อยบาท

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้ก็ถือเป็นเรื่องสะเทือนใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่สูญเสียเอง แม้กฎหมายจะเปิดช่องให้ “รถฉุกเฉิน” สามารถฝ่าสัญญาณไฟจราจรได้เมื่อมีเหตุจำเป็น แต่ผู้ขับขี่ก็ยังมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้ถนนรายอื่น ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ทั่วไปก็มีหน้าที่หลีกทางให้รถฉุกเฉินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
กรณีอุบัติเหตุครั้งนี้ จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนว่า “ความเร่งด่วน” และ “ความปลอดภัย” ต้องเดินไปด้วยกัน เพื่อไม่ให้การช่วยชีวิตกลับกลายเป็นการสร้างความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก