ใครจะไปรู้ ว่างานอดิเรกของคุณในวันนี้ อาจสร้างรายได้ให้คุณในวันหน้า อย่างเช่น แขกรับเชิญที่มาร่วมพูดคุยกับเราในวันนี้ โบกี้ – อรณิชา ยมดี สาวนักเต้นมือฉมัง!! ที่รักการเต้นตั้งแต่มัธยม และความฝันดันให้เธอมาเป็นครูสอนเต้นมืออาชีพในที่สุด แถมยังมีรางวัลจากหลายเวทีการันตีฝีมือของเธอด้วย!! ไปค่ะ ไปทำความรู้จักสาวคนนี้กัน

โบกี้เริ่มต้นอาชีพนักเต้นได้ยังไง เล่าให้ฟังหน่อย

ตอนนั้นอายุประมาณ 17-18 มีทีมเต้นกับเพื่อนๆ ในโรงเรียน ก็เริ่มจากแข่งเวทีเต้นทั่วไปก่อน พอเริ่มชนะแข่งก็มีออแกไนซ์ของงานอีเว้นท์ต่างๆ ติดต่อเข้ามา ก็เริ่มจากการเต้นอีเว้นท์เล็กๆ เป็นอย่างแรก และก็เริ่มทำงานใหญ่ขึ้น ได้เต้นในมิวสิควีดีโอ เต้นในคอนเสิร์ตของศิลปินต่างๆ และก็เริ่มสอนเต้นและเป็นนักออกแบบท่าเต้นตอนอายุ 20 ค่ะ

เริ่มรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าการเต้นคือชีวิตจิตใจของเรา

โบกี้รู้ตั้งแต่เด็กเลย (หัวเราะ) เป็นคนชอบฟังเพลง ชอบเต้นเลียนแบบนักร้องในทีวี เต้นงูๆ ปลาๆ ไปเรื่อย พอแม่เริ่มรำคาญ ก็เลยส่งไปเรียนเต้นให้เป็นเรื่องเป็นราว (หัวเราะ) เริ่มเรียนครั้งแรกตอนนั้น 7 ขวบ ตอนนั้นเรียน Jazz dance ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะเห็นในหนังของต่างประเทศสักเรื่องแล้วชอบ แต่ไม่รู้เรียกว่าอะไร ก็ไปเรียนตาม แล้วก็ขยับมาเรียนสไตล์อื่นๆ จนโตค่ะ

ส่วนใหญ่เน้นไปเรียนเต้น หรือฝึกฝนเอง

ทั้งสองอย่าง จริงๆนะ มันต้องควบคู่กัน ยิ่งถ้าอยากเก่งไวต้องทำทั้งสองอย่าง เรียนด้วย ฝึกเองด้วย อย่างเวลาเราไปเรียนเราก็จะได้ความรู้ที่ถูกต้อง เทคนิคหลายๆ อย่างที่บางทีเราฝึกเองอาจจะทำไม่ถูก แล้วก็เอาจากตรงนั้นมาฝึกเองด้วย เหมือนเป็นการทำการบ้าน บางทีก็ดูจาก YouTube แล้วมาฝึกเอง พอเจอคนที่สอนตรงกับสิ่งที่เราดูมา เราก็ไปเรียนซ้ำเพื่อให้ได้เทคนิคที่ถูกต้องยิ่งขึ้น ไม่เคยเบื่อนะ เพราะการเต้นมันเป็น challenge อย่างนึง ทำอันนี้ได้ มันก็จะมีอย่างอื่นที่ยากกว่าให้เราฝึกเรื่อยๆ สนุกดี

จาก “ความชอบ” สู่ “รายได้”

ประมาณช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงนั้นมีโอกาสได้รู้จักกับพี่ๆ dancer มืออาชีพหลายคน แล้วเขาอยากได้นักเต้นหน้าใหม่ๆ เราก็มีโอกาสได้ไปถ่าย โฆษณาเต้น ถ่ายมิวสิควิดีโอ เป็นแบบ extra ก่อนช่วงแรกๆ แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาฝีมือขึ้นจนสามารถขึ้นมาเป็น dancer มืออาชีพ เป็นนักออกแบบท่าเต้นได้

หลายคนไม่คิดว่าอาชีพนักเต้น จะหาเงินได้แบบจริงๆ จังๆ โบกี้คิดว่ายังไงบ้าง และโบกี้พิสูจน์สิ่งเหล่านี้ยังไง

เอาจริงๆ เมื่อก่อนก็ไม่คิด (หัวเราะ) ด้วยความว่า mindset ของสังคมไทยมองอาชีพนี้เป็นแค่ hobbies ฆ่าเวลาสนุกๆ สมัยก่อนนะ เราไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันสามารถเป็นอาชีพจริงจัง มีเกียรติมีวิชา พอเรามาทำจริงๆ ถึงได้รู้ เรียนหนักซ้อมหนักพอๆ กับสาขาอาชีพอื่นเลย ตอนแรกที่บ้านก็ไม่เข้าใจ ทะเลาะกันก็บ่อย แต่เราเป็นคนจริง (หัวเราะ) ก็บอกที่บ้านว่า ขอเวลา 1 ปี จะทำงานเต้นแล้วเลี้ยงตัวเองมีเงินเก็บให้ได้ ตอนนั้นอยู่ปี 2 พอปี 3 เราก็เลิกขอเงินพ่อแม่เลย เพราะได้เงินจากการทำงานเต้นจนเลี้ยงตัวเองได้ ที่บ้านก็เลยไม่บ่นอีก (หัวเราะ) ต้องขอบคุณพี่ๆ หลายๆ ท่านที่ให้โอกาสเราด้วย เพราะการทำงานเส้นทางนี้ด้วยค่ะ

เล่าประสบการณ์การทำงานที่มันส์ที่สุดให้ฟังหน่อย

งานเต้นมันเป็นศาสตร์ที่สามารถแทรกซึมไปอยู่ได้ทุกที่ อย่างเราเต้น เราก็ได้มีโอกาสมาทำงานออกแบบท่าเต้นให้โฆษณาหลายๆ ตัว มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ทำ dance director ให้กับโฆษณาต่างประเทศตัวหนึ่ง ต้องทั้งสอนนักแสดง ออกกอง กำกับหน้ากอง วิ่งไปมา ที่พีคคือ ต้องพูดแต่ภาษาอังกฤษ เพราะทีมงานหน้าเซ็ทคือชาวต่างชาติพูดไทยไม่ได้เลย เป็นการฝึกภาษาไปในตัว ทำงานชิ้นนั้นประมาณ 3-4 วัน กลายเป็นคนพูดอังกฤษเก่งไปเลย (หัวเราะ)

อยากเป็นนักเต้นมืออาชีพ ต้องมีสกิลอะไร

แน่นอนว่าต้องเต้นเป็น คำว่าเต้นเป็นกับเต้นได้ต่างกันนะ เต้นได้คือใครๆ ก็เต้นได้ นึกออกมั้ย เรารับท่า เราก็เต้นได้ ไม่ต้องคิด เต้นวนไปค่ะ แต่เต้นเป็นคือคุณต้องรู้เเละเข้าใจศาสตร์ของมันจริงๆ ซึ่งหมายความว่าคุณก็ต้องเรียนเพื่อให้รู้ เราเป็นคนที่ศึกษาทั้งเทคนิคการเต้น ท่าเต้น และ history ของการเต้น มันจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นและได้เปรียบในการทำงาน นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของการมีวินัย ความอดทน ความรับผิดชอบ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็น แล้วก็ต้องมีสมาธิที่ดีพอสมควร

ได้ยินมาว่า เป็นนักแข่งตัวยงด้วย มีเวทีไหนที่ประกวดแล้วชอบที่สุด

เป็นคนที่แข่งมาเยอะมาก (หัวเราะ) มีแพ้ชนะสลับกันไป เวทีที่ชอบที่สุดขอเล่าถึงงานที่ผ่านมาไม่นานนี้ละกันคือ World of dance thailand เป็นเวทีที่จัดแข่งขันกันทั่วโลกแล้วก็มาจัดที่ประเทศไทย เรามีโอกาสได้ร่วมแข่งขันเวทีนี้ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเต้นจะขนอะไรมาโชว์ก็ได้ ทำให้เราได้เห็นถึงศักยภาพของนักเต้นไทยที่ไม่แพ้ใครในโลก เป็นเหมือนได้แชร์ไอเดียผ่านการออกมาทำโชว์ สนุกมากเรามองว่างานแข่งหากมองเผินๆ ก็คือแค่แข่ง เอา ranking มางัดกันว่าใครจะแพ้จะชนะ ซึ่งถ้าเรามองได้มากกว่านั้น เราจะเห็นถึง passion ของนักเต้น ที่มาเต้นด้วยใจจริงๆ แล้วยังได้เสพงานศิลปะไปด้วยอีก เป็นการสร้างแรงบันดาลใจที่ดีมากๆ อีกด้วย

แรงบันดาลใจในการทำงานหล่ะ

การที่ได้เห็นตัวเองค่อยๆ ไต่ระดับไม่ว่าจะทั้งความสามารถ งานที่ทำ โอกาส ล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของเราทั้งสิ้น การได้เห็นตัวเองเก่งขึ้น โตขึ้นมันทำให้เรารู้สึกดีและไม่หมดไฟในการทำงานนี้

ผลงานช่วงนี้มีอะไรบ้าง

หลักๆ เลยก็จะเป็นครูสอนเต้น ตอนนี้เราสอนอยู่ที่ Urban dance studio Bangkok อยู่ที่สุขุมวิท 23 ทุกวันจันทร์ 19.00-20.00 และวันเสาร์ 15.30-16.30 แล้วก็ Studio zoom ที่ท่ามหาราชทุกวันอังคาร 18.00-19.00 และวันพุธ 17.30-18.30 รับสอนไพเวทด้วยนะถ้าสนใจก็ติดต่อได้ค่ะ นอกจากนี้ก็รับทำออกแบบท่าเต้นให้กับงานอีเว้นท์ รายการทีวี มิวสิควิดีโอโฆษณา และก็เป็น dancer เองด้วย ยังไงก็ติดต่อมาได้เช่นกันค่ะ

 

แนะนำแอปที่โบกี้ชอบใช้หน่อยสิ

หลักๆ จะใช้แอปพวกโหลดเพลงโหลดคลิปเยอะ พวก video lite / DL download player ประมาณนี้ เพราะต้องมาใช้ทำงาน ที่ชอบสุดก็จะมี Edjing Mix ไว้เปิดเพลงกับมิกซ์เพลงค่ะ

ปกติเวลาเปิดเพลงในแอปทั่วไปก็จะแค่เปิดเฉยๆ ทำอะไรต่อไม่ได้ แต่แอปนี้สามารถเร่งบีท หรือลดสปีดความเร็วช้าของเพลงได้ เหมาะมากเวลาสอนเต้น (หัวเราะ) แล้วยังมีลูกเล่นพวก เอฟเฟคเสียงเวลามิกซ์เพลง แล้วยังสามารถ quote ท่อนเพลงไว้เวลาเราอยากเปิดแค่ท่อนนี้ท่อนเดียวซ้ำเรื่อยๆ ก็ทำได้

ดาวน์โหลด

คอลัมน์ “พี่เค้าใช้แอปอะไรนะ” วันนี้ดุเดือดไปด้วยความฝันและความพยายามจริงๆ แถมนักเต้นสาวมืออาชีพคนนี้ยังได้พิสูจน์ให้เห็นว่า งานอดิเรกที่เราชอบ ก็สามารถสร้างรายได้ได้ หากเรามุ่งมั่นทำอย่างเต็มที่ ส่วนใครมีฝันด้านการเต้น อยากพูดคุย ปรึกษานักเต้นสาวคนนี้ ก็สามารถติดต่อได้ที่ Onnicha Yomdee  ส่วนครั้งหน้าคอลัมน์ “พี่เค้าใช้แอปอะไรนะ” จะพาไปพูดคุยกับใครอีก ก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ